เมื่อพูดถึงบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ในประเทศไทยที่มีอายุเก่าแก่กว่า 30 ปี ชื่อของ บริษัท ศุภาลัย จำกัด (มหาชน) หรือ ศุภาลัย น่าจะติดโผมาเป็นลำดับต้นๆ โดยเป็นองค์กรที่แข็งแกร่งและเป็นที่รู้จักในเรื่องการพัฒนาที่อยู่อาศัยประเภทคอนโดมิเนียมในกรุงเทพฯ มายาวนาน แม้จะไม่ได้เป็นบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่มีขนาดใหญ่สุดในตลาด แต่ปัจจุบัน “ศุภาลัย” เป็นบริษัทอสังหาริมทรัพย์ระดับแถวหน้าของประเทศไทย และยังเป็น 1 ใน 5 บริษัทอสังหาริมทรัพย์ที่มีผลกำไรสุทธิสูงสุดด้วย
สำหรับปี 2562 นี้ ศุภาลัย ได้ก้าวย่างสู่ปีที่ 30 ซึ่งถ้าเป็นคนก็เรียกได้ว่าเข้าสู่วัยหนุ่มเต็มตัว แต่หากเป็นองค์กรธุรกิจ ต้องบอกเลยว่าไม่ใช่เรื่องง่ายที่บริษัทใดบริษัทหนึ่งจะก้าวข้ามการเปลี่ยนแปลงจนสามารถยืนหยัดกลายเป็นบริษัทที่มีอายุยืนยาวมาถึง 3 ทศวรรษ รวมทั้งมีการเติบโตอย่างแข็งแกร่ง และได้รับความไว้วางใจจากลูกค้าทุกกลุ่ม ศุภาลัยมีวิธีอย่างไร พร้อมกับก้าวย่างที่ท้าทายกว่าเดิมท่ามกลางผู้ประกอบการรายใหม่ที่เข้าสู่ตลาดและการแข่งขันที่รุนแรง แต่ศุภาลัยต้องเติบโตอย่างยั่งยืนต่อไป
ย้อนตำนาน 30 ปี จากผู้ประกอบการ “รายเล็ก” สู่ “บิ๊กอสังหาฯ”
ย้อนกลับไปเมื่อ 30 ปีที่แล้ว “ศุภาลัย” อาจไม่ใช่ชื่อคุ้นหูบรรดานักธุรกิจ และผู้ที่กำลังมองหาที่อยู่อาศัยมากนัก เพราะขณะนั้นศุภาลัยเป็นเพียงผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์รายเล็กๆ ในตลาด ที่ก่อตั้งโดย ดร. ประทีป ตั้งมติธรรม ซึ่งเชี่ยวชาญด้านสถาปนิกมายาวนาน เมื่อผนวกกับความใฝ่ฝันอยากจะเป็นผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ทำให้หลังเก็บเกี่ยวทักษะประสบการณ์ในการพัฒนาที่ดินจนกล้าแกร่ง เขาจึงตัดสินใจตั้ง บริษัท ศุภาลัย จำกัด ในปี 2532 เพื่อประกอบธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ประเภทที่อยู่อาศัยและการพาณิชย์
ด้วยบุคลิกและแนวคิดที่กล้าทำในสิ่งที่ต่าง บวกกับวิสัยทัศน์ที่ประกาศไว้ชัดเจนว่า ต้องการสร้างสรรค์ที่อยู่อาศัยคุณภาพเพื่อสร้างสรรค์ความสุขเติมเต็มคำว่า “บ้าน” ในทุกๆ พื้นที่ จากความเชื่อว่า ความสุขนำมาสู่ความสำเร็จ บ้านจึงเป็นที่แบ่งปันความสุขและความสำเร็จร่วมกัน ทำให้ศุภาลัยทุ่มเทอย่างหนักเพื่อสร้างสรรค์ที่อยู่อาศัยในฝันให้เกิดขึ้น จากวันแรกที่ก่อตั้งบริษัทมาถึงวันนี้ จนส่งผลให้ทุกการสร้างสรรค์ที่อยู่อาศัยสามารถตอบโจทย์ความต้องการผู้บริโภคได้อย่างลงตัว ทั้งยังทำให้ศุภาลัยมีกราฟการเติบโตพุ่งขึ้นอย่างก้าวกระโดด จากผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์รายเล็กๆ ที่พัฒนาโครงการบ้านเดี่ยวและทาวน์เฮ้าส์ ก็เริ่มขยายมาสู่โครงการคอนโดมิเนียม อาคารสำนักงาน โรงแรมและรีสอร์ท และใช้เวลาเพียง 5 ปี สามารถดันบริษัทเข้าจดทะเบียนเป็นบริษัทมหาชน
ไม่เพียงแค่นั้น เพราะในวันที่อุตสาหกรรมอสังหาริมทรัพย์ต้องเผชิญมรสุมลูกโตจากการประกาศค่าเงินบาทลอยตัวในปี 2540 แต่ศุภาลัยสามารถก้าวข้ามวิกฤตครานั้นมาได้ จนปัจจุบันกลายเป็น 1 ใน 5 บริษัทอสังหาริมทรัพย์ที่มีกำไรสุทธิสูงสุด โดยในปี 2561 ที่ผ่านมาสามารถทำยอดขายสูงสุดเป็นสถิติใหม่ถึง 33,343 ล้านบาท ติดอันดับ 4 ของบริษัทอสังหาริมทรัพย์ในตลาดหลักทรัพย์ ส่วนรายได้รวมอยู่ที่ 25,810 ล้านบาท อยู่ในอันดับ 6 แต่มีกำไรสุทธิจากการขายอสังหาริมทรัพย์อยู่อันดับ 3
นอกจากนี้ ศุภาลัย ยังเป็นบริษัทฯ ที่ดำเนินการตามหลักธรรมาภิบาลด้วยความโปร่งใส การันตีด้วยรางวัล “รัษฎากรพิพัฒน์” หรือ “ผู้เสียภาษีคุณภาพ” รางวัลที่แสดงถึงความรับผิดชอบต่อสังคม ด้วยการนำส่งภาษีอย่างถูกต้อง เต็มที่ เต็มใจและซื่อสัตย์ เป็นต้นแบบของการสร้างความเชื่อมั่นให้เกิดขึ้นกับประชาชน ผู้ประกอบการ หน่วยงาน และองค์กรต่างๆ ตระหนักถึงคุณประโยชน์ของการเสียภาษี เพื่อนำไปสร้างความเจริญมั่นคงแก่ประเทศชาติบ้านเมืองต่อไป รวมถึงได้รับรางวัลบ้านจัดสรรอนุรักษ์พลังงานดีเด่น และอาคารอนุรักษ์พลังงานดีเด่น ซึ่งเป็นรางวัลการันตีความเป็นผู้เชี่ยวชาญเรื่องที่อยู่อาศัย และมาตรฐานคุณภาพสินค้า และการบริการที่ดีที่ศุภาลัยยึดถือปฏิบัติมาตลอด 30 ปี
ทั้งหมดจึงเป็นการตอกย้ำถึงจุดแข็งทั้งในด้านคุณภาพผลิตภัณฑ์ และผลประกอบการ ซึ่งถึงแม้ตัวเลขยอดขายของศุภาลัยจะไม่ได้สูงเทียบเท่ากับหลายๆ บริษัท แต่ในแง่ผลประกอบการกลับโดดเด่นและเป็นบริษัทอสังหาฯ รายเดียวที่มีกำไรขั้นต้นหรือ Gross Margin สูงสุดตลอด 10 กว่าปีที่ผ่านมาทีเดียว
“เป้าหมายของเราไม่ได้ต้องการเป็นบริษัทที่มีขนาดใหญ่ที่สุด แต่เราต้องการเป็นบริษัทที่ดีที่สุดและตอบโจทย์ลูกค้าให้ได้มากที่สุด” ดร. ประทีป ตั้งมติธรรม ประธานบริษัท ศุภาลัย จำกัด (มหาชน) ย้ำถึงวิสัยทัศน์และเป้าหมายที่ชัดเจนของศุภาลัยตั้งแต่ก่อร่างสร้างธุรกิจจนเติบใหญ่ด้วยความภาคภูมิใจ
ผ่ากลยุทธ์ “ศุภาลัย” ถึงไม่ใหญ่ที่สุด แต่โตยั่งยืน
การทำตลาดอสังหาริมทรัพย์เมื่อ 30 ปีที่แล้ว แม้การแข่งขันจะไม่ร้อนแรงเทียบเท่าในปัจจุบัน แต่ในเวลานั้น “คู่แข่งรายใหญ่” ก็ปักหมุดในตลาดไม่น้อยเช่นกัน หากผลิตภัณฑ์ไม่โดดเด่นและมีกลยุทธ์ที่ฉีกตลาด การที่น้องใหม่จะแทรกตัวเข้าสู่ตลาด ก็ไม่ใช่เรื่องง่าย โดย “ดร. ประทีป” จะโฟกัสกลยุทธ์สำคัญ 3 ด้านเป็นหลักในการทำตลาด ขณะเดียวกันในแต่ละปีจะมีการปรับกลยุทธ์ให้ทันกับยุคสมัยที่เปลี่ยนไปตลอดเวลา ทำให้ศุภาลัยได้รับความไว้วางใจจากลูกค้าและมีกราฟการเติบโตเรื่อยมาจนถึงทุกวันนี้
1. การยึดลูกค้าเป็นศูนย์กลาง
การยึดลูกค้าเป็นศูนย์กลางเป็นกลยุทธ์สำคัญอันดับแรก เพราะเป็นเครื่องมือที่ทำให้ศุภาลัยเข้าใจความต้องการลูกค้าแท้จริงและสามารถนำมาพัฒนาโครงการให้ตอบสนองผู้บริโภคที่แตกต่างกันได้ กระทั่งกลายเป็นความพึงพอใจ โดยจะเริ่มตั้งแต่การสำรวจความต้องการลูกค้าอยู่เสมอ เพื่อนำข้อมูลมาวิเคราะห์ และออกแบบพื้นที่บ้านให้ตรงตามการใช้ชีวิตของลูกบ้าน เช่น การออกแบบห้องโถงกลางขนาดใหญ่ เพื่อให้เป็นพื้นที่แห่งความสุขของสมาชิกในบ้านได้ใช้เวลาร่วมกัน การจัดสรรพื้นที่ให้เกิดประโยชน์สูงสุด ด้วยแบบบ้านใหม่ทาวน์เฮาส์ 3 ชั้น พร้อมระเบียงจัดสวนที่ชั้น 2 เพิ่มพื้นที่สีเขียวให้กับผนังแนวตั้ง รวมถึงการนำเทคโนโลยีใหม่ๆ เข้ามาตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ในปัจจุบัน ไม่ว่าจะเป็น EV Charger, Smart Locker และ Home Automation ทั้งยังมีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครันภายในโครงการ, และระบบรักษาความปลอดภัยด้วยกล้อง CCTV, ระบบรักษาความปลอดภัย เข้า – ออกโครงการด้วยการระบุตัวตนของลูกบ้าน (Access control) ตลอดจนการนำเครื่องมือสื่อสารออนไลน์ ที่เข้ามาช่วยให้การติดต่อซื้อขายอสังหาริมทรัพย์ง่ายยิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการจองหรือทำสัญญาการซื้อขายผ่านช่องทางออนไลน์ ตอบสนองความต้องการของตลาดและกลุ่มลูกค้าเป้าหมายในยุคดิจิตอลยิ่งขึ้น
2. สร้างงานและพัฒนาระบบก่อสร้างที่ดีด้วยมาตรฐานสากล
ตลอดระยะเวลาการดำเนินธุรกิจ ศุภาลัยเป็นองค์กรหนึ่งที่ขับเคลื่อนภาคธุรกิจอุตสาหกรรมอสังหาริมทรัพย์ขนาดใหญ่ ด้วยการสร้างงานกว่าแสนชีวิต ทั้งยังให้ความสำคัญในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ บริการ และการออกแบบก่อสร้างบ้านด้วยมาตรฐานตามหลักสากล ISO 9001 : 2015 เพื่อเป็นที่อยู่อาศัยที่มีคุณภาพ ด้วยการเลือกใช้วัสดุก่อสร้างคุณภาพมาตรฐาน การพัฒนาบริการที่ดีทั้งก่อน-หลังส่งมอบสินค้า และให้การดูแลพัฒนาสังคมให้มีความปลอดภัยและอบอุ่น จนเกิดความมั่นใจและไว้วางใจให้กับผู้บริโภคในแบรนด์มากว่า 30 ปี
3. สร้างมูลค่าเพิ่มด้วยการออกแบบบ้านและอาคารประหยัดพลังงาน
ในยุคที่ผู้บริโภคมีตัวเลือกมากขึ้นจากการแข่งขันของผู้ประกอบการจำนวนมากที่เข้ามาทำตลาด ศุภาลัยเลือกที่จะสร้างความต่างจากการขายบ้านแบบเดิมๆ ด้วยการใช้ “การออกแบบบ้านประหยัดพลังงาน” เป็นเครื่องมือสำคัญในการสร้างความพิเศษและเพิ่มมูลค่าให้ตัวโครงการ โดยทุกโครงการจะยึดหลักการออกแบบให้สัมพันธ์กันกับทิศทางลมและแสง เลือกสรรแต่เฉพาะวัสดุก่อสร้างที่มีคุณภาพและประหยัดพลังงาน เช่น กระจกสีเขียวตัดแสง, ฉนวนกันความร้อน, ชายคาไวนิลที่ให้ความแข็งแรง ทนทาน, บานประตู และหน้าต่าง UPVC ระบายความร้อน และยังเก็บเสียง กันน้ำได้ดี, หลอดไฟ LED ประหยัดพลังงานและประหยัดเงินในระยะยาว ทั้งยังก่อสร้างด้วยอิฐมวลเบา ให้ความแข็งแรง และสามารถต่อเติมได้ จากแนวทางดังกล่าวส่งผลให้ลูกบ้านมีความเป็นอยู่ที่ดี รวมถึงช่วยประหยัดพลังงานได้ประมาณ 20-30% อีกด้วย
ปักธงบุกต่างจังหวัด พร้อมขยายพอร์ต สร้างการเติบโต-ลดเสี่ยง
แม้จะจุดพลุและเติบโตจากการเป็นผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ในกรุงเทพฯ แต่ตลอด 30 ปีที่ผ่านมา ศุภาลัยยังแสวงหาช่องว่างทางการตลาดใหม่ๆ เพื่อขยายธุรกิจให้เติบโตมากขึ้น และ “ต่างจังหวัด” ก็เป็นอีกน่านน้ำที่ศุภาลัยมองเห็นโอกาสเติบโต จึงได้ขยายการพัฒนาออกไปยังต่างจังหวัด ทั้งยังมีการบริหารจัดการโรงแรมและสถานพักตากอากาศ เพราะมองว่าแนวทางนี้จะช่วยเพิ่มศักยภาพการเติบโตอย่างยั่งยืนและเป็นการกระจายความเสี่ยงให้กับบริษัทในระยะยาวอีกด้วย
ปัจจุบันศุภาลัยมีการพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยรวมกว่า 200 โครงการ โดยปักธงทั้งในกรุงเทพฯ ปริมณฑล และ 17 จังหวัดทั่วประเทศ ไม่ว่าจะเป็น ชลบุรี ระยอง นครราชสีมา ขอนแก่น อุดรธานี อุบลราชธานี เชียงใหม่ เชียงราย นครศรีธรรมราช สุราษฎร์ธานี ภูเก็ต และ สงขลา และยังคงไม่หยุดขยายการลงทุนเพียงแค่นี้แน่ ยังเตรียมเดินหน้าพัฒนาโครงการในจังหวัดพระนครศรีอยุธยา และฉะเชิงเทราอย่างต่อเนื่อง
แผนติดปีกลุยอาเซียน
ดูเหมือนตลาดในประเทศจะเล็กเกินไปแล้วสำหรับศุภาลัย เพราะนอกจากการรุกปักธงในต่างจังหวัดแล้ว ยังลุยขยายการลงทุนในต่างประเทศอีกด้วย ทั้งนี้เพื่อเสริมสร้างความแข็งแกร่งทางธุรกิจอย่างยั่งยืนและรองรับการขยายตัวของบริษัทอย่างต่อเนื่อง
โดย “ฟิลิปปินส์” เป็นประเทศแรกที่ศุภาลัยเลือกเข้าไปลงทุน หลังเข้าไปศึกษาตลาดอสังหาริมทรัพย์ในกรุงมะนิลาจนประสบความสำเร็จ จากนั้นเพียงหนึ่งปี ก็เข้าไปลงทุนอสังหาริมทรัพย์ในประเทศออสเตรเลียเนื่องจากออสเตรเลียเป็นประเทศใหญ่ มีทรัพยากรมากมาย มีความมั่นคงทางเศรษฐกิจและการเมืองที่ดี โดยถึงวันนี้ศุภาลัยได้เข้าไปลงทุนในออสเตรเลียแล้วถึง 9 โครงการ และปีนี้ยังมีแผนขยายการลงทุนในภูมิภาคอาเซียนอย่างต่อเนื่อง เพื่อขยายอาณาจักรของบริษัทให้เติบโตต่อไป
แม้วันนี้จะก้าวขึ้นมาเป็น 1 ใน 5 บริษัทอสังหาริมทรัพย์ที่มีผลกำไรสุทธิสูงสุดในตลาด แต่ศุภาลัยยังคงพัฒนาตัวเองอย่างไม่หยุดนิ่ง โดยมีเป้าหมายสำคัญให้ศุภาลัยมีการเติบโตยั่งยืนสู่องค์กร 100 ปี แน่นอนการจะไปถึงจุดนั้นได้ ดร. ประทีป ย้ำชัดว่า กลยุทธ์สำคัญอยู่ที่ การคิดค้นและนำสิ่งใหม่ๆ มาพัฒนาด้วยความเอาใจใส่ ตอบทุกความต้องการของลูกบ้านและสมาชิกผู้อยู่อาศัยในบ้านให้ได้มากที่สุด หากทำได้ศุภาลัยจะเป็นแบรนด์ที่อยู่ในใจลูกค้ายาวนานต่อไป