มีการรายงานจาก Adweek โดยอ้างแหล่งข่าวที่เชื่อถือได้ระบุว่า GroupM บริษัทยักษ์ใหญ่ในวงการโฆษณาถูกอาชญากรไซเบอร์โจมตีเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา และมีเจ้าหน้าที่จาก FBI เข้าพบเพื่อทำการสืบสวนสอบสวน ณ สำนักงานใหญ่ของ GroupM ในมหานครนิวยอร์คแล้ว ขณะที่ WPP บริษัทแม่ของ GroupM ปฏิเสธที่จะให้ความเห็นในเรื่องนี้
โดยตัวแทนของบริษัทได้ออกมาเปิดเผยว่า “เราก็เหมือนกับหลายบริษัทชั้นนำทั่วไป ที่มีคนพยายามจะก้าวข้ามระบบควบคุมเข้ามา แต่ไม่มีอะไรได้รับผลกระทบที่เกี่ยวกับการถูกโจมตีที่ว่านี้ ไม่ว่าจะในรอบสัปดาห์หรือเดือนที่ผ่านมา และพวกเราขอไม่ให้ความเห็นเกี่ยวกับการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ที่ทำตามขั้นตอนกฎหมาย”
เช่นเดียวกับ FBI ที่ไม่มีการชี้แจงใด ๆ ออกมาจากการฝากข้อความเสียงไว้ของผู้สื่อข่าว
อย่างไรก็ดี Adweek รายงานโดยอ้างถึงแหล่งข่าวภายในของ GroupM ว่า ทีมไอทีมีข้อมูลมากพอที่จะรับมือการโจมตีครั้งต่อไปจากผู้ไม่ประสงค์ดีไม่ให้เจาะเข้ามาในฐานข้อมูลได้แล้ว ขณะที่แหล่งข่าวอีกรายเผยว่า เจ้าหน้าที่ของ GroupM ได้ติดต่อไปยังลูกค้ารายต่าง ๆ เพื่อยืนยันว่าฐานข้อมูลไม่ได้เสียหาย เป็นเพียงความพยายามเจาะระบบที่ไม่ประสบความสำเร็จเท่านั้น
ข่าวที่ออกมานี้ถือเป็นข่าวการโจมตีทางไซเบอร์ในรอบ 2 ปีของ WPP ซึ่งในครั้งที่แล้วการโจมตีมุ่งหวังที่จะล้มระบบ IT ของรัฐบาลยูเครน ซึ่งเป็นผลให้ระบบ IT ของ WPP ได้รับผลกระทบไปด้วย เช่นเดียวกับบริษัทสัญชาติยุโรปอื่นๆ เช่น Rosneft รัฐวิสาหกิจด้านน้ำมันของรัสเซีย
ผลจากระบบ IT ล่มเมื่อ 2 ปีก่อนคือ ระบบอีเมลของทั้งบริษัทล่ม และพนักงานทุกคนของบริษัทได้รับคำแนะนำให้ล็อคออฟจากคอมพิวเตอร์ทั้งหมด โดยแหล่งข่าวภายในระบุว่า เครื่อง Mac ทั้งหมดไม่ได้รับผลกระทบจากการโจมตีครั้งนั้น มีเพียงเครื่องคอมพิวเตอร์ที่รันด้วยระบบปฏิบัติการ Windows เท่านั้นที่เจอปัญหาทางเทคนิค
จากการสัมภาษณ์แหล่งข่าวรายหนึ่งซึ่งเป็นระดับบริหารของ WPP ในครั้งนั้น พบว่า แฮคเกอร์เรียกเงินค่าไถ่เป็น Bitcoin และแหล่งข่าวคนดังกล่าวระบุว่า WPP ตัดสินใจสร้างระบบคอมพิวเตอร์ขึ้นมาใหม่ ซึ่ง Martin Sorrell ซีอีโอของ WPP ในขณะนั้นอนุมัติการจ่ายเงินไปทั้งหมด 15 ล้านเหรียญสหรัฐเลยทีเดียว