หลังประกาศกลยุทธ์ขับเคลื่อนธุรกิจด้วยการโฟกัสฟอร์แมต Convenience Store เพื่อให้สอดคล้องกับวิถีชีวิตของผู้บริโภคในปัจจุบัน รวมทั้งทิศทางในตลาดค้าปลีก ที่การเติบโตส่วนใหญ่จะมาจากสโตร์ขนาดเล็กที่เข้าถึงผู้บริโภคได้ดีกว่า ทำให้ เทสโก้ โลตัส เลือกใช้ร้านเทสโก้ โลตัส เอ็กซ์เพรส เป็นหัวหอกสำคัญในการลุยธุรกิจนับจากนี้
รวมทั้ง การวางตำแหน่งร้านเทสโก้ โลตัส เอ็กซ์เพรส ในฐานะ Top Up Convenience Store เพื่อสร้างความแตกต่าง และสามารถตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ผู้บริโภคในยุคปัจจุบันได้อย่างครอบคลุม โดยเฉพาะการเลือกสินค้าเข้ามาเติมในร้าน ที่เน้นกลุ่มสินค้าที่ตอบโจทย์การใช้ชีวิตลูกค้ายุคใหม่ เพื่อให้ Tesco Lotus Express เป็นหนึ่งในเป้าหมายที่คนรุ่นใหม่จะนึกถึง
และหนึ่งในกลุ่มสินค้าที่เทสโก้ โลตัส เอ็กซ์เพรส โฟกัส เพราะเห็นการเติบโตมาพร้อมๆ กับกระแส Urbanization คือ ธุรกิจกาแฟ ที่สะท้อนผ่านการเติบโตของการขยายธุรกิจร้านกาแฟมากขึ้นและกระจายไปทั่วประเทศ รวมทั้งการยกระดับการดื่มมาสู่กาแฟที่มีคุณภาพและรสชาติที่ดีมากขึ้นจากการดื่มกาแฟ 3 อิน 1 มาเป็นการเลือกดื่มกาแฟคั่วบด หรือกาแฟสดมากขึ้น
ขณะที่ทิศทางของตลาดกาแฟในไทยนั้น เจ้าตลาดกาแฟของไทยอย่างเนสกาแฟ เคยให้ข้อมูลมูลค่าตลาดกาแฟทั้งประเทศไทยไว้ที่ 6.47 หมื่นล้านบาท โดยตลาดที่เติบโตจะเป็นตลาดบริโภคนอกบ้าน (Out of Home) ที่มีมูลค่า 2.6 หมื่นล้านบาท โดยเฉพาะสัดส่วนใหญ่มากกว่าครึ่งของตลาดนี้จะเป็นธุรกิจร้านกาแฟ หรือ Specialty Store ที่เติบโตได้สูงถึง 15.7% รวมทั้งยังมีกลุ่มกาแฟ On the go ที่อยู่ในทิศทางขยายตัวได้ดีเช่นกัน
ทั้งนี้ กลุ่มกาแฟ Out of home หรือร้านกาแฟของไทย มีหลายเซ็กเม้นต์ ไม่ว่าจะเป็นเชนร้านกาแฟแบรนด์จากต่างประเทศ ธุรกิจร้านกาแฟของกลุ่ม SME ร้านกาแฟแบรนด์ไทยที่ส่วนใหญ่จะเน้นโลเกชั่นตามสถานีบริการน้ำมัน เพื่อจับกลุ่มนักเดินทาง รวมทั้งการขยายแบรนด์กาแฟของร้านสะดวกซื้อ เพื่อเติมสินค้าที่ตอบโจทย์ไลฟสไตล์ลูกค้ายุคใหม่อย่างครบถ้วน เนื่องจากกลุ่มเป้าหมายหลักของร้านสะดวกซื้อส่วนใหญ่จะเป็นกลุ่มคนในเมือง ตามโลเกชั่นที่ขยายสาขาเข้าไป ทำให้หลังๆ ร้านสะดวกซื้อรายหลักๆ จะมีกาแฟสดเป็นอีกหนึ่งสินค้าหลักไว้ให้บริการ ไม่ว่าจะเป็นเซเว่น อีเลฟเว่น แฟมิลี่มาร์ท ลอว์สัน พีทีมาร์ท รวมทั้งเทสโก้ โลตัส เอ็กซ์เพรส เป็นต้น
ตั้งเป้า Key Player กาแฟสดในร้านสะดวกซื้อ
คุณเจมส์ พาโดแวน กรรมการผู้จัดการ เทสโก้ โลตัส เอ็กซ์เพรส ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า ปัจจุบันความนิยมดื่มกาแฟของคนไทยได้รับความนิยมเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ และกำลังจะขยับมาเป็นสังคมของการดื่มกาแฟ จากปัจจุบันที่อาจจะโฟกัสอยู่แค่ในพื้นที่ กทม. หรือตามหัวเมืองใหญ่ๆ แต่ในอนาคตจะขยายการบริโภคออกไปทั่วทั้งประเทศ เป็นเหตุผลให้ร้านสะดวกซื้อ หันมาให้ความสำคัญกับการเพิ่มธุรกิจกาแฟสดมาเป็นอีกหนึ่งสินค้าหลัก เพื่อตอบโจทย์ความต้องการลูกค้ากลุ่มเป้าหมาย
เช่นเดียวกับเทสโก้ โลตัส ที่เลือกธุรกิจกาแฟสดมาเพิ่มไว้ในหมวดของ Service โดยจะมีการฝึกอบรมพนักงานในสาขาร้านสะดวกซื้อ ให้มีทักษะของบาริสต้าเพื่อไว้คอยให้บริการลูกค้า พร้อมวางเป้าหมายในการเข้ามาบุกธุรกิจกาแฟครั้งนี้ คือ การขยับเป็นหนึ่งใน Key Player ของผู้ให้บริการกาแฟในร้านสะดวกซื้อ และทำให้กาแฟของเทสโก้ โลตัส เป็นหนึ่งใน Top of Mind ของลูกค้า ที่ต้องการดื่มกาแฟสดคุณภาพดี ในราคาที่เอื้อมถึงได้ ด้วยการวางราคาจำหน่ายต่อแก้วอยู่ที่ 25-35 บาท เพื่อเป็นอีกหนึ่งทางเลือกให้กับลูกค้า ทำให้การตอบรับต่อสินค้าในกลุ่มกาแฟอยู่ในทิศทางที่ดี และเชื่อว่าจะดีขึ้นอย่างต่อเนื่องกลายเป็น Top 5 ของสินค้าที่ลูกค้านิยมซื้อเมื่อมาใช้จ่ายในเทสโก้ โลตัส เอ็กซ์เพรส
“ปัจุจบันกาแฟสดมีจำหน่ายนำร่องในเทสโก้ โลตัส เอ็กซ์เพรส เบื้องต้นมากกว่า 44 สาขา ก่อนจะขยายเป็นมากกว่า 1 พันสาขาในอีก 3 ปีข้างหน้า ซึ่งหนึ่งในความความแตกต่างของกาแฟสดในเทสโก้ โลตัส เอ็กซ์เพรส นอกเหนือจากการเป็นกาแฟคุณภาพดี ในราคาที่เข้าถึงได้ง่าย แล้ว ยังเลือกใช้วัตถุดิบตามแนวทางในการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน ด้วยการใช้กาแฟแบบ Direct Sourcing ร่วมกับทางมูลนิธิแม่ฟ้าหลวง เลือกใช้วัตถุดิบเมล็ดกาแฟสดจากโครงการพัฒนาดอยตุง (พื้นที่ทรงงาน) อันเนื่องมาจากพระราชดำริ เพื่อให้สอดคล้องกับนโยบายการดำเนินธุรกิจภายใต้แนวทางของความยั่งยืน ซึ่งกาแฟดอยตุงได้รับการยอมรับทั้งในเรื่องของคุณภาพเมล็ดกาแฟ การส่งเสริมการเพาะปลูกอย่างเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และช่วยส่งเสริมให้เกษตรกรในท้องถิ่นมีรายได้เพิ่มมากขึ้น”
ธุรกิจยุคใหม่ต้องบาลานซ์ทั้ง Growth + SD
สำหรับผู้รับผิดชอบด้านซัพพลายเมล็ดกาแฟที่จะนำมาใช้ในธุรกิจ หม่อมหลวงดิศปนัดดา ดิศกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร มูลนิธิแม่ฟ้าหลวง ในพระบรมราชูปถัมภ์ ให้ข้อมูลว่า ด้วย นโยบายและทิศทางการในการทำธุรกิจที่ตรงกันของเทสโก้ โลตัส และดอยตุง ในการเป็น Sustainable Sourcing คือการให้ความสำคัญกับการดำเนินธุรกิจภายใต้ความยั่งยืน หรือ SD (Sustainable Development) ทำให้ดอยตุงเลือกที่จะซัพพลายกาแฟให้เทสโก้โลตัส และถือเป็นรายแรกในรูปแบบของร้านกาแฟ ที่นำมาเมล็ดกาแฟดอยตุงมาชงเป็นแก้ว เพื่อขายให้ลูกค้า ซึ่งความร่วมมือในครั้งนี้จะส่งผลให้เกษตรภายใต้โครงการพัฒนาดอยตุงมีรายได้เพิ่มขึ้น และสม่ำเสมอ จากการขยายตลาดได้มากขึ้น
“แม้ดอยตุงจะให้ความสำคัญกับการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน แต่ในธุรกิจกาแฟ เรื่องของคุณภาพและรสชาติต้องให้ความสำคัญควบคู่กันไปด้วย เพื่อให้ตลาดตอบรับสินค้าและส่งผลให้ธุรกิจสามารถขับเคลื่อนไปได้อย่างยั่งยืนอย่างแม้จริง เพราะหากกาแฟไม่อร่อย คุณภาพไม่ดีแล้วตลาดไม่ยอมรับ ธุรกิจก็ไปต่อไม่ได้ ดอยตุงจึงให้ความสำคัญกับเรื่องของคุณภาพเป็นอันดับแรก และพยายาม Built in เรื่องของความยั่งยืนในการทำธุรกิจลงไปด้วย ซึ่งการดำเนินธุรกิจมากว่า 30 ปี สะท้อนถึงความสามารถในการบาลานซ์ทั้งเรื่องของการทำธุรกิจและความยั่งยืนได้อย่างสมดุล”
ปัจจุบันโครงการพัฒนาดอยตุงมีกำลังผลิตเป็นผลเชอร์รี่ (เมล็ดกาแฟแบบสด) ราว 1,200 -1,300 ตันต่อปี หรือเป็นเมล็ดกาแฟตากแห้งได้ราว 300-400 ตันต่อปี โดยสามารถขยายกำลังผลิตเพื่อรองรับการขยายตลาดได้มากกว่าเท่าตัวในช่วง 1-2 ปี จากนี้ เพื่อเพิ่มสามารถในการสนับสนุนวัตถุดิบให้เพียงพอต่อการผลักดันธุรกิจกาแฟของเทสโก้ โลตัสอย่างแน่นอน
ในส่วนของเทสโก้ โลตัส เอ็กซ์เพรส นอกจากธุรกิจกาแฟแล้ว ยังมีสินค้าที่เข้าไปทำการซื้อแบบ Direct Sourcing เพื่อช่วยเหลือเกษตร อาทิ ผัก ผลไม้ รวมท้ังอยู่ระหว่างเพิ่มสินค้าในกลุ่มไข่ไก่เข้ามาอีกหนึ่งหมวด ซึ่งในอนาคตต้องการให้สินค้าที่เป็นกลุ่มอาหารสด และแปรรูปที่จำหน่ายในสโตร์แบบเอ็กซ์เพรส ใช้วิธีการซื้อแบบ Direct Sourcing ให้ได้ทั้งหมด เพื่อเพิ่มเครือข่ายในการดำเนินธุรกิจให้เติบโตภายใต้ความยั่งยืนได้เพิ่มมากยิ่งขึ้นอีกด้วย