ต้องยอมรับว่าวงการอนิเมะเป็นอีกหนึ่งแหล่งรายได้สำคัญของแดนปลาดิบมานานนับทศวรรษ และปัจจุบันก็ยังคงเป็นเช่นนั้นอยู่ เห็นได้จากรายงาน Anime Industry Report 2018 ของ The Association of Japanese Animation ที่ออกมาเปิดเผยตัวเลขการเติบโตของอุตสาหกรรมในปี 2017 ว่าสูงถึง 108% เมื่อเทียบกับปี 2016 และยังเป็นเติบโตต่อเนื่องมาตั้งแต่ปี 2011 โดยเป็นรายได้จากต่างแดนมากถึง 2 ล้านล้านเยน (ราว 5.67 แสนล้านบาท) และรายได้ดังกล่าวนี้มาจากประเทศในภูมิภาคเอเชียถึง 40%
หนึ่งในเครดิตที่รายงานฉบับดังกล่าวอ้างถึงก็คือ ภาพยนตร์เรื่อง Kimi no na wa หรือ Your Name ที่เข้ามาเปลี่ยนภาพของวงการอนิเมะจากหน้ามือเป็นหลังมือ โดยหนึ่งในเมืองที่ได้รับอานิสงค์จากภาพยนตร์ดังกล่าวก็คือเมืองอิตาโมริ ในจังหวัดกิฟุ ที่มีรายได้จากการท่องเที่ยวมากถึง 18,500 ล้านเยน เพียงเพราะไปปรากฏตัวเป็นฉากของภาพยนตร์เรื่องดังกล่าว รวมถึงสถานที่อย่างหอสมุดประจำเมืองฮิดะ ที่ตัวเอกของเรื่อง Kimi no na wa เข้าไปค้นหาข้อมูลเกี่ยวกับอุกกาบาตตก ก็กลายเป็นสถานที่ยอดฮิตของแฟนภาพยนตร์อย่างรวดเร็ว
#君の名は 聖地巡礼(❁˙ ˘ ˙❁)✧‧˚
受付で撮影許可証を申請すれば館内で撮影が出来ます(ˊ˘ˋ*)#飛騨市図書館きたよ pic.twitter.com/f7FxzaEj4y
— 野呂 陽菜 Haruna Noro (@noronorochan) November 24, 2016
นอกจากนั้น สาเก Kuchikami ที่มีบทบาทสำคัญในเรื่อง ก็พบว่า มีการผลิตสาเกดังกล่าวขึ้นเป็นการเฉพาะจำนวน 3,000 ขวด และสามารถขายหมดได้อย่างรวดเร็วเช่นกัน
ขณะที่ในประเทศไทยก็ได้รับอิทธิพลจากภาพยนตร์ดังกล่าวไม่น้อย และมีโพสต์เกี่ยวกับการเดินทางไปญี่ปุ่นเพื่อตามรอยภาพยนตร์เรื่องดังกล่าวเกิดขึ้นมากมายบนโซเชียลมีเดีย
Anime Tourism Association สมาคมที่ก่อตั้งในปี 2016 จึงเกิดขึ้นเพื่อการนี้ เพราะในหมู่คนรักการ์ตูน การเดินทางเพื่อตามรอยอนิเมะที่ตนเองชื่นชอบนั้นย่อมเป็นหนึ่งในความฝันที่อยากทำให้สำเร็จ ล่าสุดเป็นการจับมือกับบริษัททัวร์ท้องถิ่นของญี่ปุ่นชื่อ Otomo เปิดทัวร์ตามรอยอนิเมะดัง โดยพุ่งเป้าไปที่ชาวต่างชาติที่ได้แรงบันดาลใจจากการ์ตูนจนต้องเดินทางมาเที่ยวประเทศญี่ปุ่นโดยเฉพาะ
สำหรับประสบการณ์ที่ลูกทัวร์จะได้พบก็คือ การมีผู้เชี่ยวชาญในอนิเมะเรื่องนั้น ๆ มาเป็นผู้นำทัวร์ รวมถึงได้ของที่ระลึกแบบ Exclusive จากการ์ตูนเรื่องดังกล่าว และยังได้แวะเยี่ยมชมสถานที่น่าสนใจอื่น ๆ ในท้องถิ่นที่เป็นจุดกำเนิดของอนิเมะที่เราชื่นชอบด้วย ยกตัวอย่างทัวร์อนิเมะที่จะเกิดขึ้นในในเดือนตุลาคมนี้ ได้แก่
- Rascal Does Not Dream of Bunny Girl Senpai – เรื่องฝันปั่นป่วยของผมกับรุ่นพี่บันนี่เกิร์ล (จัดที่เมืองฟูจิซาวา จังหวัดคานากาว่า ระยะเวลา 5.5 ชั่วโมง)
- Hyouka ปริศนาความทรงจำ (จัดที่เมืองทาคายาม่า จังหวัดกิฟุ ทัวร์ระยะเวลา 5 ชั่วโมง)
- เรียกเธอว่าพระเจ้า Suzumiya Haruhi (จัดที่เมืองนิชิโนมิยะ จังหวัดเฮียวโก ทัวร์ระยะเวลา 4.5 ชั่วโมง)
ไอเดียการตลาดญี่ปุ่น ดึงอนิเมะนำทางแฟนคลับ
เมืองต่าง ๆ ของญี่ปุ่นเองก็มีการปรับตัวเพื่อรับเทรนด์นี้มาสักพักแล้วเช่นกัน เห็นได้จากสถานที่ต่าง ๆ มีการชูตัวการ์ตูนดังเป็นสัญลักษณ์เพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวสายอนิเมะให้แวะมาเยี่ยมเยือน ไม่ว่าจะเป็นสถานีรถไฟโนโบริโตะ ของรถไฟสาย Odakyu ที่ตกแต่งด้วยคาแรคเตอร์โดราเอมอนทั่วทั้งสถานี นัยว่าเพื่อต้อนรับนักท่องเที่ยวที่จะเดินทางไปพิพิธภัณฑ์ Fujiko F. Fujio (ขณะที่สถานีรถไฟ JR ซึ่งวิ่งผ่านเช่นกันไม่ได้มีการตกแต่งใด ๆ และไม่ได้รับความสนใจมากเท่า)
หรือจังหวัดทตโทริ บ้านเกิดของอาจารย์โกโช อาโอยาม่า ผู้แต่งการ์ตูนสุดฮิตอย่าง “ยอดนักสืบจิ๋วโคนัน” ก็กลายเป็นจุดสนใจของแฟนการ์ตูนเรื่องดังกล่าวเช่นกัน เห็นได้จากการตั้งพิพิธภัณฑ์ Gosho Aoyama Manga Factory ที่ออกแบบโดยเน้นไปยังภาพยนตร์เรื่องโคนันเป็นหลัก ส่วนสถานีรถไฟของเมืองก็มีการตกแต่งรถไฟด้วยลวดลายจากการ์ตูนดัง ซึ่งสามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวสายอนิเมะได้มากเช่นกัน
อีกแคมเปญหนึ่งที่ยิ่งใหญ่ไม่แพ้กันก็คือการเพนท์ขบวนรถไฟชินคันเซนเป็นลวดลายของอนิเมะในตำนาน “Evangelion” พร้อมกับนำห้องพลขับของหุ่นอีวามาติดตั้งไว้ในขบวนรถไฟ ซึ่งถ้าเป็นแฟนตัวจริงของอนิเมะเรื่องดังกล่าว การมาขึ้นรถไฟชินคันเซนคันนี้ให้ได้สักครั้งก็ถือเป็นหนึ่งใน Bucket List เช่นกัน
เหล่านี้จึงไม่แปลกหากจะบอกว่า “Anime Tourism” เป็นอีกหนึ่งโอกาสที่ญี่ปุ่นต้องคว้าไว้ เพราะสำหรับประเทศที่มีแต้มบุญพร้อมสรรพ การจัดทัวร์จะยิ่งสามารถเปลี่ยนทรัพยากรที่มีให้กลายเป็นแหล่งรายได้แหล่งใหม่อย่างที่ประเทศอื่น ๆ ไม่มีทางแข่งขันได้ และต้องนั่งกอดอกอิจฉาอย่างแน่นอน