“เซ็นทรัล รีเทล” (Central Retail) ถือเป็นตำนานและผู้บุกเบิกธุรกิจค้าปลีก (Retail) ของประเทศไทยมากว่า 7 ทศวรรษ และก้าวสู่การเป็น “ผู้นำ” ที่แข็งแกร่งอย่างยาวนาน นอกจากการขยายอาณาจักรค้าปลีกในประเทศ หนึ่งในกลยุทธ์สำคัญของเซ็นทรัล รีเทล คือบุกตลาดต่างประเทศ ที่เป็น Strategic International Market พร้อมทยอยสร้างฐานทัพธุรกิจในหลายประเทศทั่วโลก อาทิ การเข้าซื้อห้าง รีนาเชนเต ในอิตาลี และบิ๊กซี ที่กำลังเปลี่ยนเป็น “Go!” รวมถึง เหงียนคิม และลานชี มาร์ท ในเวียดนาม
จะเห็นว่า ยุทธศาสตร์ขยายอาณาจักร Go inter ของเซ็นทรัล รีเทล ผ่าน Strategic International Market ถือเป็นการขับเคลื่อนธุรกิจให้สอดคล้องกับโลกยุคปัจจุบัน ที่การค้าไร้พรมแดน และเปิดเสรีมากขึ้น
แม้เซ็นทรัล รีเทล จะขยายความยิ่งใหญ่ในแถบโลกตะวันตก แต่ตลาดใกล้บ้านอย่าง “ภูมิภาคอาเซียน” ก็เป็นจุดยุทธศาสตร์ที่ไม่เคยทิ้ง โดยเฉพาะ “เวียดนาม” ที่เป็นหนึ่งในจุดหมายปลายทางที่สำคัญ โดยจากการคาดการณ์อัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจ (จีดีพี) ของประเทศ จะเห็นว่าอยู่ที่ 6.3% ในช่วง 5 ปี (2561-2566) ความมั่งคั่งประชากรที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น 9.6% ต่อปี รวมถึงอุตสาหกรรมค้าปลีกที่จะเติบโตขึ้นถึง 5.4% ต่อปี ซึ่งบอกถึงโอกาสในการขยายตลาดด้วยการเพิ่มร้านค้าเฉพาะทางตอบโจทย์ผู้บริโภคภายในอนาคตมากขึ้น ได้ทำให้เวียดนามกลายเป็น “เสือเศรษฐกิจตัวใหม่” แห่งเอเชียอย่างไม่ต้องสงสัย
ปัจจุบัน เซ็นทรัล รีเทล เป็นบริษัทค้าปลีกข้ามชาติและไฮเปอร์มาร์เก็ตรายใหญ่ที่สุดในประเทศเวียดนาม ได้เข้ามาสร้างฐานธุรกิจมากว่า 5 ปี ซึ่งได้รับผลตอบรับที่ดีด้วยยอดขายที่เติบโตเฉลี่ยกว่า 36% ต่อปี และมีร้านค้าและห้างสรรพสินค้ารวมกันมากถึง 125 แห่ง ใน 37 เมือง
จุดสตาร์ทในการรุกตลาดค้าปลีกคือจำหน่ายสินค้ากลุ่มแฟชั่น จากนั้นร่วมเป็นหุ้นส่วนกับเหงียนคิม และลานชี มาร์ท ในปี 2558 ก่อนเกิด Big Move เข้าซื้อกิจการ “บิ๊กซี เวียดนาม” ในปี 2559 ซึ่งเซ็นทรัล รีเทลใช้เวลา 2 ปี หลังจากการเข้าซื้อกิจการบิ๊กซี เวียดนาม ในการปรับภาพลักษณ์ของแบรนด์และสร้างความเชื่อมั่นของลูกค้าในคุณภาพของสินค้าและบริการ ซึ่งทำให้เซ็นทรัล รีเทล สามารถปรับปรุงผลการดำเนินงานของบิ๊กซี เวียดนาม จนทำให้ยอดขายเติบโตเฉลี่ยต่อปี (CAGR) 36.0%(คำนวณจากสกุลเงินด่องเวียดนาม) ตั้งแต่เซ็นทรัล รีเทล เข้าซื้อกิจการจนถึงปี 2561
นอกจากนี้ เซ็นทรัล รีเทล มีเป้าหมายจะเปิดร้านค้าปลีกแบรนด์ต่างๆของเครือทั้งหมดกว่า 800 ร้านค้า ให้ครอบคลุมทั้ง 63 จังหวัด ในประเทศเวียดนาม เพื่อเจาะตลาดที่กำลังขยายตัวอย่างรวดเร็วและมีผู้แข่งขันน้อยราย รองรับโอกาสที่มีมหาศาล
เมื่อ เซ็นทรัล รีเทล สวมบทเป็นผู้ประกอบการท้องถิ่น ผ่าน Sector ค้าปลีก ซึ่งถือเป็นหนึ่งในฟันเฟืองขับเคลื่อนการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศเวียดนาม ซึ่งเป็นประเทศในกลุ่มอาเซียน (ASEAN) บริษัทจึงทำหน้าที่เดินหน้าเป็นตัวกลางในการเชื่อมความสัมพันธ์อันดีระหว่างประเทศไทยและเวียดนามอย่างต่อเนื่อง ด้วยกิจกรรมและโครงการต่างๆ มากมาย ที่ เซ็นทรัล รีเทล เวียดนามมุ่งยกระดับสังคมเวียดนามอย่างแท้จริง อาทิ โครงการส่งเสริมผู้ประกอบการ SME เวียดนาม เพื่อขยายช่องทางจัดจำหน่ายสู่ตลาดโมเดิร์นรีเทล และเพิ่มศักยภาพในการสร้างแบรนด์ และพัฒนาผลิตภัณฑ์ โครงการชุมชนเป็นสุข (Livelihood Community) มุ่งพัฒนาด้านการผลิต และความหลากหลายทางอาชีพ เพื่อเพิ่มรายได้ให้แก่ครอบครัวที่ยากจน การสนับสนุน Local Sourcing อุดหนุนสินค้าเกษตรในชุมชนละแวกที่เซ็นทรัล รีเทล ดำเนินธุรกิจอยู่ โดยเฉพาะการจัดกิจกรรม “VIETNAMESE WEEK IN THAILAND 2019”(“เวียดนามีส วีค อิน ไทยแลนด์ 2019) ซึ่งปีนี้จัดขึ้นติดต่อกันเป็นปีที่ 4 แล้ว ในระหว่างวันที่ 18-22 กันยายน โดยปีนี้จัดขึ้นภายใต้ธีม “Taste of Vietnam” (เทสต์ ออฟ เวียดนาม) ขนสินค้าเวียดนาม และอาหารอร่อยตอบโจทย์คนไทยมาจำหน่าย ครอบคลุมพื้นที่กว่า 1,000 ตารางเมตร(ตร.ม.) บริเวณลานเซ็นทรัลคอร์ต และ อิเดน 1 ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์
โดยงาน “VIETNAMESE WEEK IN THAILAND 2019” ได้รับเกียรติจากคุณโด๋ ทัง ฮ่าย รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมและการค้าของเวียดนาม คุณจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ และคุณเหงียน ไฮ่ บัง เอกอัครราชทูตเวียดนามประจำประเทศไทย ร่วมเป็นสักขีพยาน สะท้อนความร่วมมือระหว่างภาครัฐและหน่วยงานเอกชน ที่มุ่งมั่นจะสร้างความเจริญทางเศรษฐกิจ สังคม และวัฒนธรรม รวมถึงสานความสัมพันธ์อันดีของทั้งสองประเทศด้วย
คุณจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า รัฐมีนโยบายในการดำเนินงานร่วมกับภาคเอกชน เพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจ การค้า และการลงทุนระหว่างประเทศอย่างเต็มกำลัง ทั้งนี้ เวียดนามในฐานะคู่ค้าที่สำคัญของประเทศไทยในเวทีอาเซียน ที่เชื่อมั่นว่าเศรษฐกิจและการค้าของทั้งสองประเทศยังมีโอกาสเติบโตได้อย่างไม่สิ้นสุด
โดยตัวอย่างการผนึกกำลังกันอย่างจริงจังของภาครัฐ และเอกชน ที่เห็นได้อย่างชัดเจนและเป็นรูปธรรม คือ งาน Vietnamese Week in Thailand 2019 ที่ทางเซ็นทรัล รีเทล ภายใต้การดำเนินงานของเซ็นทรัล รีเทล เวียดนาม จัดขึ้นอย่างต่อเนื่อง ถือว่ามีส่วนช่วยผลักดัน และขยายศักยภาพธุรกิจทั้งรายใหญ่ และรายย่อยให้เติบโตในตลาดต่างประเทศ รวมถึงบรรลุเจตนารมณ์ในการสร้างประโยชน์ทางเศรษฐกิจ และสร้างสัมพันธ์อันดีร่วมกัน
คุณโด๋ ทัง ฮ่าย รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมและการค้าของเวียดนาม กล่าวว่า เซ็นทรัล รีเทล เวียดนาม เป็นหนึ่งในองค์กรธุรกิจของไทยที่ให้ความร่วมมืออันดีกับกระทรวงอุตสาหกรรมและการค้าเวียดนาม เพื่อขับเคลื่อนการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจและการค้าของประเทศเวียดนามอย่างต่อเนื่อง
นอกจากนี้ ยังมีการสนับสนุนการทำวิจัยตลาดเวียดนาม เพื่อคัดสรรสินค้าคุณภาพที่เหมาะกับตลาดไทย การส่งเสริมการพัฒนาสินค้าเวียดนาม และการสนับสนุนช่องทางจัดจำหน่ายในธุรกิจค้าปลีกในเครือ หนึ่งในการสนับสนุนอย่างเป็นรูปธรรม คือการจัดงาน Vietnamese Week in Thailand 2019
“งานดังกล่าวถือเป็นงานสำคัญที่ช่วยเหลือเศรษฐกิจและการค้าของประเทศเวียดนาม สอดคล้องกับนโยบายภาครัฐที่มุ่งสนับสนุนให้ผู้ประกอบการเวียดนามริเริ่มที่จะส่งออกสินค้าสู่ตลาดต่างประเทศ รวมถึงประเทศไทย”
คุณจริยา จิราธิวัฒน์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ ฝ่ายพัฒนาธุรกิจ กลุ่มเซ็นทรัล กล่าวว่า วิสัยทัศน์ของเซ็นทรัล รีเทล และเซ็นทรัล รีเทล เวียดนาม คือการเดินหน้าสร้างความยั่งยืนให้กับทุกพื้นที่ที่บริษัทเข้าไปดำเนินงาน ที่นำไปสู่การเชื่อมต่อความร่วมมือและสร้างความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศที่เป็น Strategic Market ทั้งไทยและเวียดนาม ผ่านการผนึกกำลังกับหน่วยงานภาครัฐทั้ง กระทรวงพาณิชย์ ประเทศไทย และ กระทรวงอุตสาหกรรมและการค้าเวียดนาม จนเกิดเป็นงาน “Vietnamese Week in Thailand 2019” งานโชว์เคสสินค้าเวียดนาม และ Business Matching ที่มีผู้ประกอบการเวียดนามกว่า 80 รายที่ตอบรับเข้าร่วมงานประชุม เพื่อพบปะกับทีมจัดซื้อแผนกต่างๆ ของเซ็นทรัล รีเทล และเพิ่มโอกาสในการทำธุรกิจร่วมกัน ในครั้งนี้
ซึ่งงาน “Vietnamese Week in Thailand 2019” ถือเป็นหนึ่งความภาคภูมิใจของเซ็นทรัล รีเทล รวมถึงกลุ่มเซ็นทรัล ที่แสดงให้เห็นถึงการผนึกกำลังกันอย่างจริงจังกับภาครัฐในระดับนานาชาติ ร่วมกันผลักดัน และขยายศักยภาพธุรกิจทั้งรายใหญ่ และรายย่อยให้เติบโตในตลาดต่างประเทศ การสร้างประโยชน์ทางเศรษฐกิจ และสร้างสัมพันธ์อันดีร่วมกัน
“ถือเป็นงานที่ช่วยส่งเสริมการค้า และเป็นโอกาสให้ผู้ประกอบการเวียดนามได้เข้ามาศึกษาตลาด ช่องทางการจัดจำหน่ายสินค้าในเมืองไทย รวมถึงได้พบปะกับผู้ประกอบการ และลูกค้าไทยโดยตรง ทำให้เห็นโอกาสในการค้าขาย และทำธุรกิจร่วมกัน รวมถึงเป็นการเพิ่มตัวเลือกสินค้าคุณภาพ อาหาร และวัฒนธรรมจากประเทศเวียดนามให้กับคนไทยได้รู้จักอย่างลึกซึ้งมากยิ่งขึ้น ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อเศรษฐกิจ และการค้าระหว่างสองประเทศในระยะยาว ที่จะช่วยสร้างความเจริญ และพัฒนาคุณภาพชีวิตของชาวเวียดนามอย่างยั่งยืน”