นายวุฒิเกียรติ เตชะมงคลาภิวัฒน์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท โรบินสัน จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า โรบินสัน เดินหน้าต่อยอดความสำเร็จทางธุรกิจ โดยเน้นที่ 2 กลยุทธ์หลัก เพื่อเป็นหัวหอกสำคัญของการแข่งขันในตลาดค้าปลีก นั่นคือ การขยายสาขาและการบริหารพื้นที่ขาย ซึ่งในปัจจุบันโรบินสันมีสาขารวม 49 สาขา ครองความเป็นผู้นำธุรกิจค้าปลีกไทยที่มีพื้นที่ให้บริการมากที่สุด โดยแบ่งเป็นรูปแบบห้างสรรพสินค้า 49 สาขา และในจำนวนดังกล่าวเป็นรูปแบบศูนย์การค้าโรบินสันไลฟ์สไตล์ 22 สาขา ซึ่งศูนย์ฯ มีพื้นที่การให้บริการรวมถึงกว่า 1,000,000 ตารางเมตร รวมทั้งมีจำนวนคู่ค้ามากถึงกว่า 1,700 ราย และมีจำนวนนักช้อปเข้ามาใช้บริการถึงกว่า 92 ล้านคนต่อปี
“ในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปีนี้ โรบินสันมีแผนที่จะขยายสาขาเพิ่มในรูปแบบศูนย์การค้าอีก 1 สาขา คือ ‘ศูนย์การค้า โรบินสันไลฟ์สไตล์ ลาดกระบัง’ สาขาลำดับที่ 50 และเป็นสาขาลำดับที่ 23 ในรูปแบบศูนย์การค้าโรบินสันไลฟ์สไตล์ ซึ่งเป็นโมเดลใหม่ในรูปแบบศูนย์การค้าฯ ที่มีขนาดใหญ่ที่สุด ในคอนเซ็ปต์ ‘โอเอซิส’ (Oasis) แลนด์มาร์กแห่งใหม่ ที่พร้อมมอบประสบการณ์การช้อปที่ตอบโจทย์ทุกเจนเนอเรชั่น (New Life Experience) ไม่ว่าจะเป็น โซน Kid Oasis ที่รวมทุกความบันเทิงของเด็กๆ ทั้ง Playland, Learning Education, Kids Cinema โซน New Gen Oasis โซนชิคๆ สำหรับคนรุ่นใหม่ในรูปแบบ Concept Stores ทั้งกลุ่มแฟชั่น บิวตี้ คาร์เฟ่ ฟิตเนส รวมทั้ง Co-Working Space เพื่อเป็นเดสติเนชั่นของการอัพเดทเทรนด์และแฮงเอ้าท์แห่งใหม่ ซึ่งมีไฮไลท์อย่าง Craftfeteria Craft Space ที่มีหลากหลายเวิร์คช็อปที่น่าสนใจ เช่น Lip Lab ที่ให้นักช้อปได้สนุกกับการผสมสีลิปสติกในสไตล์ของคุณเองแบบ ‘แท่งเดียวในโลก’ โซน Family Oasis ที่จะเติมเต็มความสุขของกลุ่มครอบครัว ทั้งร้านอาหาร และ โรงภาพยนตร์ชั้นนำ และอำนวยความสะดวกสบายกับอาคารจอดรถกว่า 1,600 คัน โดยโรบินสันใช้เงินลงทุนราว 1,500 ล้านบาท บนพื้นที่กว่า 50,000 ตารางเมตร เนื่องจากเล็งเห็นว่าลาดกระบัง เป็นอีกหนึ่งพื้นที่ศักยภาพที่มีปัจจัยและโอกาสที่จะเอื้อให้เกิดความสำเร็จสูงในธุรกิจ ทั้งในเรื่องของการมีคู่แข่งค้าปลีกที่น้อย การเติบโตของตัวเลขผู้พักอาศัย ซึ่งเป็นผลมาจากการเติบโตของภาคอุตสาหกรรมในนิคมอุตสาหกรรมลาดกระบัง ธุรกิจการบินของท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ และหมู่บ้านขนาดใหญ่ระดับลักชัวรี่ โดยกลุ่มผู้พักอาศัยส่วนใหญ่จะเป็นกลุ่มที่มีรายได้ประจำ และมีกำลังซื้อค่อนข้างสูง จึงส่งผลให้เป็นพื้นที่ที่มีอัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจที่ดี โดยในปัจจุบันการก่อสร้างของศูนย์ฯ แล้วเสร็จไปแล้วกว่า 75 % และมีจำนวนคู่ค้าทีให้การตอบรับถึงราว 90% จากที่ตั้งเป้าไว้กว่า 200 คู่ค้า ซึ่งพร้อมจะเปิดให้บริการอย่างเป็นทางการในเดือนพฤศจิกายน 2562 นี้”
นอกจากนี้ ภายในปี 2562 โรบินสัน ยังมีการรีโนเวท 7 สาขาศักยภาพ ที่มีจำนวนผู้เข้ามาใช้บริการ และยอดขายที่มีอัตราการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็น ศูนย์การค้าโรบินสันไลฟ์สไตล์ สมุทรปราการ, สุพรรณบุรี, ตรัง และ กาญจนบุรี และห้างสรรพสินค้า อีก 3 แห่ง คือ ห้างสรรพสินค้าโรบินสัน ซีคอนสแควร์ เชียงราย และจังซีลอน ทั้งในด้านฟังก์ชั่นนอล ที่คัดสรรในส่วนของแบรนด์ ร้านค้า และผู้เช่ารายใหม่ และด้านอีโมชั่นนอล กับการออกแบบ และการเพิ่มพื้นที่พักผ่อน ที่พร้อมมอบประสบการณ์ที่มากกว่าการช้อปปิ้งแก่นักช้อป ซึ่งจะเป็นคีย์หลักในการเสริมความแกร่งอย่างมีเอกลักษณ์ให้แก่ธุรกิจโรบินสัน
อีกหนึ่งกลยุทธ์หลักที่สำคัญในการขับเคลื่อนธุรกิจของโรบินสัน คือ การพัฒนาธุรกิจเพื่อก้าวสู่การเป็น ‘Omni Channel Department Store’ ที่สมบูรณ์แบบ เพื่อปรับตัวรับมือกับสถานการณ์ ‘Digital Disruption’ ที่เทคโนโลยีและสื่อดิจิทัลมีการขยายตัวอย่างรวดเร็วในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา ซึ่งส่งผลให้พฤติกรรมการช้อปปิ้งของนักช้อปเปลี่ยนแปลงไป และมีความต้องการที่สูงขึ้น ลูกค้าจะเน้นการช้อปปิ้งที่สะดวกสบาย เข้าถึงได้ง่าย มีความพร้อมของข้อมูลสินค้า และไม่ซับซ้อนในเรื่องของขั้นตอนการช้อปปิ้ง จึงเป็นที่มาของการพัฒนาแพลทฟอร์มการช้อปปิ้งออนไลน์ที่แข็งแกร่งของโรบินสันอย่าง Robinson Shop Online ช้อปสินค้าแบรนด์ชั้นนำได้ทุกที่ตลอด 24 ชั่วโมงที่ www.robinson.co.th หรือสะดวกมากขึ้นด้วยการบริการสั่งสินค้าผ่าน Robinson Online และบริการ Robinson Chat & Shop ช้อปกับพนักงานที่รอให้บริการช่วยหาสินค้า เพียงทักแชตช้อปสินค้า จากนั้นก็รอรับสินค้าที่บ้านได้เลย หรือสามารถเลือกรับสินค้าได้ที่โรบินสัน กับบริการ Click & Collect ก็ได้ ซึ่งในปัจจุบันบริการดังกล่าวทั้งหมดสามารถเข้าถึงกลุ่มลูกค้าทั้งในกรุงเทพฯ ราว 70% และต่างจังหวัด 30% และสามารถเจาะกลุ่มนักช้อปที่เป็น Young & Hips ในช่วงอายุระหว่าง 25 – 34 ปี ซึ่งเป็นกลุ่มนักช้อปกำลังซื้อสูงได้มากขึ้น โดยแบ่งเป็นกลุ่มผู้หญิง 65% และผู้ชายราว 35%
“เราค่อนข้างพอใจกับผลตอบรับที่มีต่อแพลทฟอร์มการช้อปปิ้งออนไลน์ในปัจจุบัน แต่เราไม่หยุดที่จะพัฒนามัน โดยเรามีแผนที่จะพัฒนาระบบการจัดการบนเว็บไซด์ให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น รวมทั้งพัฒนาเนื้อหาให้มีความน่าสนใจ อีกทั้งมีการนำโซเชียล เน็ตเวิร์ค มาช่วยสนับสนุนเพื่อให้เกิดเป็นโรบินสันช้อปปิ้งออนไลน์คอมมิวนิตี้ที่ใหญ่ขึ้น โดยใช้ฐานข้อมูลสมาชิกที่เรามีอยู่ อาทิ เฟซบุค แฟนเพจ ที่มีจำนวนกว่า 1 ล้านคน, LINE OFFICIAL ACCOUNT กว่า 17 ล้านคน (ข้อมูลถึงวันที่ 30 มิ.ย. 2562) นอกจากนี้เรายังมีแผนที่จะเพิ่มกลุ่มสินค้าที่ครอบคลุมความต้องการของนักช้อป พร้อมแผนการตลาดที่ดึงดูดอย่างต่อเนื่อง และมีแผนที่จะเปิดตัวรูปแบบการให้บริการใหม่ๆ เช่น Omni Mall, Market Place, E-Ordering, Cross Border ที่เราจะเริ่มขยายเข้าสู่ตลาดเพื่อนบ้าน ซึ่งเราตั้งเป้าที่จะให้แพลทฟอร์มช้อปปิ้งออนไลน์นี้โตอย่างต่อเนื่อง แต่สิ่งที่สำคัญไปมากกว่านั้นเราต้องการที่จะเชื่อมโยงการช้อปปิ้งทั้งออฟไลน์ และออนไลน์ เข้าไว้ด้วยกันอย่างไร้รอยต่อ เพื่อให้ธุรกิจทั้ง 2 รูปแบบโตไปพร้อมกัน เพื่อก้าวสู่การเป็น Omni Channel Department Store ที่สมบูรณ์แบบในอนาคต”
และเพื่อให้ 2 กลยุทธ์หลักข้างต้นของโรบินสัน เกิดประสิทธิผลสูงสุดแก่ธุรกิจ เราจึงมี 2 โมเดลสำคัญ ซึ่งเปรียบเสมือนกลยุทธ์หลังบ้าน มาช่วยเสริมทัพให้แก่ธุรกิจ ทั้งในส่วนของ การบริหารแบรนด์สินค้า ที่จะสร้างประสบการณ์ในการช้อปปิ้งรูปแบบใหม่ทั้งออฟไลน์และออนไลน์ ที่พร้อมตอบทุกโจทย์ความต้องการของนักช้อปได้อย่างครบวงจรกับ 4 กลุ่มสินค้าหลัก ทั้งกลุ่มสินค้า Home Appliances ที่ได้ปรับวิธีนำเสนอสินค้าเครื่องใช้และของตกแต่งบ้านในรูปแบบใหม่ให้มีความเป็นไลฟ์สไตล์มากขึ้น เพื่อปรับตัวตามเทรนด์การตกแต่งบ้านจากทั่วโลก รวมทั้งพฤติกรรมการซื้อสินค้าของนักช้อปที่เปลี่ยนแปลงไป กลุ่มสินค้า Kids and Family ที่มีการปรับทั้งในส่วนสินค้าและเพิ่มเติมบริการ อย่าง Mom Assistants, Baby Care Room และ Mom & Baby Club เพื่อตอบรับกับรูปแบบครอบครัวสมัยใหม่ที่เป็น Young Mom Young Family มากขึ้น กลุ่มสินค้า Fashion ที่จุดแข็งของโรบินสันอยู่ที่การเป็น No.1 Jeans และ Lingerie Destination ที่ครอบคลุมกลุ่มลูกค้าทุกเพศ ทุกวัย ซึ่งจะมีการคัดสรรสินค้าแบรนด์ใหม่ๆ ที่มีคุณภาพและมีความหลากหลายเพื่อนำเสนอแก่นักช้อป อีกทั้งมุ่งสร้างประสบการณ์ที่มากกว่าการช้อปปิ้งผ่าน อีเว้นท์มาร์เก็ตติ้งที่น่าสนใจ, การครีเอทโซนสินค้าใหม่ๆ และบริการพิเศษต่างๆ ที่สร้างความประทับใจ อาทิ Bra Advisor, Personalized Service กลุ่มสินค้า Cosmetic ที่เน้นสร้างประสบการณ์ความสะดวกสบายในการช้อปปิ้งที่ให้นักช้อปสามารถช้อปปิ้งสินค้าที่ถูกใจตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า และรับบริการครบจบในที่เดียว รวมทั้ง การบริหารฐานข้อมูลลูกค้า ที่นับเป็นบิ๊กดาต้าที่แข็งแกร่งในธุรกิจค้าปลีก โดยปัจจุบันกลุ่มบริษัทเซ็นทรัลมีฐานสมาชิกเดอะวันอยู่กว่า 16 ล้านคน ซึ่งในจำนวนดังกล่าวเป็นฐานสมาชิกเดอะวันของโรบินสันถึงราว 7 ล้านคน
ซึ่งโรบินสันได้เดินหน้าสร้างประสบการณ์ร่วมที่ดีกับกลุ่มนักช้อปอย่างต่อเนื่องทั้งทางออฟไลน์และออนไลน์ ซึ่งฐานข้อมูลดังกล่าวช่วยทำให้โรบินสันเข้าถึงกลุ่มลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ และช่วยต่อยอดและขยายโอกาสทางธุรกิจ ทั้งในด้านการแบ่งส่วนตลาด การกำหนดตลาดเป้าหมาย การกำหนดตำแหน่งสินค้าและการบริการ ซึ่งจะส่งผลให้เกิดความแข็งแกร่งแก่ธุรกิจในอนาคต
“ในปัจจุบันที่ต้องเผชิญกับสภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว โรบินสันมองว่าเป็นอีกหนึ่งความท้าทายของธุรกิจ ซึ่งจากประสบการณ์และการเรียนรู้ทางธุรกิจที่ผ่านมา ทำให้เชื่อมั่นว่ากลยุทธ์การดำเนินงานทั้งหมด จะช่วยนำพาธุรกิจให้เดินหน้าไปต่อตามเป้าหมายที่วางไว้” นายวุฒิเกียรติ กล่าวสรุป