วีรันดา ประกาศความสำเร็จขยายการลงทุนต่อเนื่อง ทุ่มงบ 110 ล้านบาท เข้าซื้อกิจการร้านคาเฟ่และขนมหวานชื่อดังสัญชาติญี่ปุ่น GRAM และ PABLO โดยบริษัทตั้งเป้าขยายสาขาของ GRAM เพิ่มอีกรวมเป็น 7-8 แห่งภายในปี 2563 รุกตลาดออนไลน์ เดลิเวอรี่ แพลตฟอร์ม (online delivery platform) พร้อมใช้ธุรกิจใหม่เป็นช่องทางส่งเสริมธุรกิจอื่นๆ ของบริษัทให้เติบโตอย่าแข็งแกร่งไปด้วยกัน
นายวีรวัฒน์ องค์วาสิฏฐ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วีรันดา รีสอร์ท จำกัด (มหาชน) หรือ VRANDA เปิดเผยถึงแผนการเข้าซื้อกิจการครั้งล่าสุด ว่า บริษัทฯ ใช้เงินจำนวน 110 ล้านบาท เข้าซื้อหุ้นทั้งหมดของบริษัท พีดีเอส โฮลดิ้ง จำกัด ซึ่งเป็นเจ้าของสัญญาแฟรนไชส์หลัก (Master Franchise Agreement) ของร้านคาเฟ่และขนมหวาน GRAM และ PABLO โดยวางแผนงานที่จะดำเนินการทางเอกสารให้แล้วเสร็จภายในเดือนพฤศจิกายน – ธันวาคม ปีนี้ ซึ่งการเข้าซื้อครั้งนี้จะช่วยเข้ามาเสริมทัพความแข็งแกร่งให้บริษัท พร้อมทั้งช่วยเสริมยอดรายได้การเติบโตของบริษัทได้อย่างชัดเจนในปีถัดไป
“บริษัทฯ เชื่อว่าการซื้อกิจการในครั้งนี้ เราคงจะไม่ได้เห็นแค่ยอดการเติบโตจากธุรกิจอาหารและเครื่องดื่มเพียงอย่างเดียวเท่านั้น แต่จะมีส่วนช่วยเสริมธุรกิจอื่นๆ ของบริษัทให้เติบโตขึ้นไปด้วย โดยผลจากการเข้าซื้อในครั้งนี้คาดการณ์ว่าจะทำให้รายได้ประจำ (recurring income) ของบริษัทฯ ในปี 2563 เพิ่มขึ้นประมาณ 10-15 เปอร์เซนต์ และบริษัทได้ตั้งเป้าที่จะเพิ่มจำนวนสาขาของ GRAM อย่างต่อเนื่อง ซึ่งจะเน้นปักหมุดไปที่จุดท่องเที่ยวทั้งเมืองหลัก เมืองรองโดยมีเป้าหมายทั้งลูกค้าไทยและต่างชาติ นอกจากนี้ จากกระแสการเติบโตของ ออนไลน์ เดลิเวอรี่ แพลตฟอร์ม เราก็มีแผนงานที่จะรุกธุรกิจนี้อย่างเป็นรูปธรรมมากขึ้น โดยจะเชื่อมโยงการส่งสินค้าออนไลน์เข้าด้วยกัน พร้อมทำโปรโมชั่นอื่น ๆ เพื่อส่งเสริมธุรกิจควบคู่กันอย่างต่อเนื่อง” นายวีรวัฒน์กล่าว
นายวีรวัฒน์ กล่าวเสริมว่า ด้วยสถานะการเงินที่แข็งแกร่งบริษัทฯ พร้อมที่จะขยายกิจการและลงทุนผ่านกลยุทธ์ต่าง ๆ การลงทุนครั้งนี้จึงถือเป็นการใช้เม็ดเงินการลงทุนที่คุ้มค่าและมีศักยภาพในการดำเนินธุรกิจและมีความเกื้อหนุนเป็นประโยชน์ซึ่งกันและกันกับธุรกิจปัจุบันเป็นอย่างมาก ทำให้บริษัทฯ มีโอกาสได้รับผลตอบแทนที่ดีจากการลงทุน โดยบริษัทได้ดำเนินธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ด้านท่องเที่ยว และอาหารและเครื่องดื่มมาพอสมควร และเป็นที่รู้จักในกลุ่มลูกค้าทั่วโลก มีฐานะการเงินและผลการดำเนินงานที่ดีมาโดยตลอด ดังนั้นมั่นใจได้ว่า บริษัทฯ จะได้รับประโยชน์จากการเข้าซื้อธุรกิจในครั้งนี้แน่นอน
ทั้งนี้ GRAM เป็นร้านคาเฟ่และขนมหวานที่มีชื่อเสียงด้านขนมแพนเค้ก มีต้นกำเนิดจากประเทศญี่ปุ่น โดยได้เปิดตัวในไทยในช่วงครึ่งปีหลังของปี 2561 และได้เสียงตอบรับเป็นอย่างดีทั้งจากจำนวนลูกค้าและการกล่าวถึงในโลกโซเชียล ถือเป็นแม่เหล็กสำคัญที่ศูนย์การค้าต่าง ๆ ก็ต้องการคว้า GRAM มาไว้เพื่อช่วยดึงดูดลูกค้าด้วยเช่นกัน ปัจจุบัน GRAM เปิดให้บริการที่ สยามพารากอน เซ็นทรัลเวิร์ด สามเสน และล่าสุดที่เซ็นทรัล ลาดพร้าว ที่เพิ่งเปิดตัวไปเมื่อต้นเดือนกันยายนที่ผ่านมา โดยหลังจากการเข้าซื้อกิจการแบบ 100 เปอร์เซนต์ วีรันดามีแผนที่จะขยายสาขา GRAM เพิ่มขึ้น รวมเป็น 7-8 สาขาภายในสิ้นปี 2563
นอกจากนี้ วีรันดายังได้ PABLO แบรนด์ขนมหวานชื่อดังจากญี่ปุ่นจากการเข้าซื้อธุรกิจในครั้งนี้ด้วย โดยเปิดให้บริการที่ สยามพารากอน และล่าสุดเพิ่งขยายสาขาใหม่ที่สนามบินนานาชาติดอนเมือง และได้รับเสียงตอบรับจากนักท่องเที่ยวชาวไทยและชาวต่างชาติเป็นอย่างดี
ปัจจุบัน วีรันดา ได้ประกอบธุรกิจอาหารและเครื่องดื่ม โดยมีแบรนด์ “Skoop” และ “KOF” ซึ่ง GRAM และ PABLO จะช่วยเสริมศักยภาพการต่อรองในด้านต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการหาพื้นที่เพื่อลงทุนขยายสาขา การทำโปรโมชั่นควบคู่กับแบรนด์อื่น ๆ ตลอดจนการทำธุรกิจกับออนไลน์ เดลิเวอรี่ แพลตฟอร์ม ที่จะมีการเชื่อโยงซึ่งกันและกัน ช่วยลดต้นทุนการบริหารจัดการและเข้าถึงผู้บริโภคได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ในส่วนของสถาณการณ์ปัจจุบันของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ด้านการท่องเที่ยวซึ่งเป็นธุรกิจหลักของ วีรันดา นายวีรวัฒน์ กล่าวว่า ทางบริษัทฯ ได้เตรียมพร้อมรับนักท่องเที่ยวในช่วง High Season ในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี หลังได้รับสัญญาณที่ดีจากยอดจองเข้าพักของนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติข้ามาในไทยมากขึ้น ซึ่งมองว่าจะส่งผลดีต่อ
ทั้งธุรกิจอสังหาริมทรพัย์ด้านการท่องเที่ยวของบริษัท รวมไปถึงธุรกิจอาหารและเครื่องดื่มที่มีอยู่ในมือ ซึ่งเป็นสัญญานที่ดีที่นักท่องเที่ยวพร้อมที่จะใช้จ่ายในธุรกิจท่องเที่ยว อาหารและเครื่องดื่มด้วยเช่นกัน
ทั้งนี้ ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ได้ประมาณการณ์จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติเที่ยวไทยในปี 2562 ไว้ที่ประมาณ 39 ล้านคน ถึง 39.8 ล้านคน เพิ่มขึ้น 2-4 เปอร์เซนต์จากปีก่อนหน้า ขณะที่รายได้จากนักท่องเที่ยวน่าจะมีมูลค่าประมาณ 1.94 ล้านล้านบาท ถึง 1.97 ล้านล้านบาท โดยคาดว่าในครึ่งปีหลังของปี 2562 จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติเที่ยวไทย จะเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับครึ่งปีแรกที่มีจำนวน 19.7 ล้านคน โดยประเมินว่าจะมีจำนวนราว 20.1 ล้านคน ขยายตัว 7 เปอร์เซนต์ เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน