ทุกวันนี้เรามักเห็นบริการทางการเงินจากบริษัทผู้ผลิตสมาร์ทโฟนปรากฏออกมาอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นค่าย Apple หรือ Samsung ที่มีบริการชำระเงินของตนเอง ซึ่งในมุมของบริษัทผู้ผลิตสมาร์ทโฟนที่ใหญ่เป็นอันดับสี่ของโลก Xiaomi แม้ว่าจะมีบริการ Mi Pay แต่การออกมาแข่งในตลาดโลกกับเจ้าใหญ่ ๆ เหล่านั้นอาจไม่ใช่เรื่องง่าย ส่วนจะแข่งในตลาดจีน ประเทศแม่ของตัวเองก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเช่นกัน เนื่องจากมีบริการยักษ์ใหญ่อย่าง Alipay และ WeChatpay ครองตลาดไปแล้วเรียบร้อย
ครั้นจะขายแต่สมาร์ทโฟน – อุปกรณ์ IoT ต่อไป ตามรายงานจากรอยเตอร์ก็ชี้ว่า เส้นทางธุรกิจดีไวซ์ของ Xiaomi บนจีนแผ่นดินใหญ่ทุกวันนี้ค่อนข้างหนักหนาสาหัสเอาการ เพราะสมาร์ทโฟนของบริษัทก็เป็นสมาร์ทโฟนที่มาร์จินต่ำ เน้นขายในราคาถูก
ด้วยเหตุนี้ เราจึงได้เห็นการเดินเกมแบบใหม่ของ Xiaomi ที่เลือกไปบุกตลาดการเงินในอินเดีย ซึ่งเป็นตลาดที่ยอดขายสมาร์ทโฟนของ Xiaomi กำลังเติบโตอย่างต่อเนื่องจนแทบจะเป็นเบอร์หนึ่งของตลาดไปแล้วในขณะนี้ และนั่นส่งผลให้บริการอย่าง Mi Pay ของ Xiaomi เติบโตได้ด้วยดีเช่นกัน แม้จะเพิ่งเปิดตัวไปเมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา
ไม่เพียงเท่านั้น Xiaomi ยังเตรียมทดสอบบริการใหม่อย่าง Mi Credit ที่พร้อมจะเสนอเงินกู้มูลค่า 10,000 รูปี และอัตราดอกเบี้ย 1.8% ให้กับผู้ที่สนใจในตลาดอินเดียอีกด้วย
อย่างไรก็ดี สิ่งที่ตามมาจากการเปิดบริการทางการเงินของ Xiaomi บนแผ่นดินอินเดียก็คือเรื่องของ Data Privacy โดย Apar Gupta ผู้อำนวยการของกลุ่ม Internet Freedom Foundation เผยว่า ปัญหาใหญ่ของอินเดียก็คือ การขาดกฎหมายด้าน Data Privacy ที่ทำให้คนอินเดียตกอยู่ในความเสี่ยง เพราะไม่ทราบว่ามีข้อมูลใดบ้างที่ถูกเก็บไป รวมถึงไม่ทราบว่า เขาต้องแลกกับข้อมูลอะไรบ้างเพื่อให้ได้มาซึ่งเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำจาก Xiaomi
ขณะที่รายงานจากรอยเตอร์ได้อ้างอิงแหล่งข่าวว่า การเก็บข้อมูลในลักษณะนี้ทำให้พาร์ทเนอร์ที่เป็นสถาบันการเงินของ Xiaomi ในอินโดนีเซียเกรงว่าจะมีความผิดในเรื่อง Data Privacy และได้ถอนตัวออกไป จนทำให้ Xiaomi ต้องยุติการให้บริการทางการเงินในอินโดนีเซียในที่สุด
แหล่งข่าวในสถาบันการเงินของอินโดนีเซียเผยด้วยว่า เขาเห็นพรีเซนเทชันของบริษัทที่เผยให้เห็นถึงวิธีในการเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคล ไม่ว่าจะเป็นการหย่าร้าง หรือการได้รับตำแหน่งใหม่ โดยทั้งหมดนี้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการสร้าง credit scoring ของ Xiaomi ทั้งสิ้น
ส่วนผู้บริโภคในอินเดียที่ใช้บริการจาก Xiaomi นั้น พบว่าต้องมีการยินยอมแบ่งปันข้อมูลส่วนบุคคลกับทางบริษัทเช่นกัน ซึ่งสิ่งที่ยอมให้แชร์นั้น มีตั้งแต่ทักษะพิเศษ ระดับการศึกษา ไปจนถึงข้อมูลเกี่ยวกับการใช้แอปพลิเคชันอื่น ๆ และเว็บไซต์ที่พวกเขาเข้าไปเยี่ยมชม
ทั้งนี้ ข้อมูลส่วนบุคคลที่เก็บมาได้กำลังทำให้ธุรกิจฟินเทคของ Xiaomi โตวันโตคืน โดยในไตรมาสที่ 2 ของปีนี้พบว่า ธุรกิจดังกล่าวมีอัตราการเติบโตถึง 62.7% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา หรือคิดเป็นมูลค่า 792 ล้านหยวน ซึ่งบริษัทเผยว่า จะโฟกัสไปที่สินเชื่อส่วนบุคคลเป็นหลัก โดยที่ผ่านมา Xiaomi มีการใช้ข้อมูลจากโทรศัพท์มือถือของลูกค้าในการสร้างเครดิตโปรไฟล์ ซึ่งมีการเก็บข้อมูลตั้งแต่ตัวตนของคน ๆ นั้น ช่วงอายุ ไลฟ์สไตล์ ความสัมพันธ์ทางสังคม ความจงรักภักดีในแบรนด์ ฯลฯ อย่างต่อเนื่อง