จากรายงานประจำปีของ Brand Finance ที่ปรึกษาด้านแบรนด์ในกรุงลอนดอน จัดทำรายงานประจำปี Nation Brands 2019 : World’s 100 most valuable nation brands เปิดเผยถึงมูลค่าแบรนด์ประเทศ (Nation Brand) รวมไปถึงประเทศที่มี Nation Brand แข็งแกร่งที่สุดในปีนี้ โดยตามรายงานระบุว่า สหรัฐอเมริกา ยังคงรักษาฐานะของประเทศที่มีมูลค่าแบรนด์สูงสุดของโลกไว้ได้ ด้วยมูลค่าแบรนด์ประเทศ 27.75 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ ส่วนฟากของประเทศที่มีแบรนด์ประเทศแข็งแกร่งที่สุดในปีนี้ ก็ยังคงเป็นแชมป์เก่าอย่าง สิงคโปร์ เช่นเดิม ด้วยเรตติ้ง AAA+ แต่ในส่วนของคะแนนลดลงมาอยู่ที่ 90.5 คะแนน จาก 92.4 ในปีก่อนหน้า
โดยมีคู่กรณีที่กำลังพิพาท Trade War อย่างจีน ตามมาเป็นอันดับ 2 ในด้าน Valuable Nation Brand ด้วยมูลค่า 19.48 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ และมีการเติบโตสูงถึง 40% จากมูลค่าในปีก่อนหน้าที่ 13.86 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ เป็นหนึ่งใน 4 ประเทศ จากเอเชีย ที่ติด Top 10 Most Valueable Nation Brands 2019 โดยมีญี่ปุ่น ตามมาในอันดับ 4 มีมูลค่าแบรนด์ประเทศ 4.53 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ อินเดีย อยู่อันดับ 7 มูลค่าแบรนด์ 2.56 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ และเกาหลีใต้ อยู่ในอันดับ 9 ด้วยมูลค่าแบรนด์ประเทศ 2.13 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ
และแม้ว่าหน้าตาของ Top 10 ประเทศที่มีมูลค่าแบรนด์สูงสุดในปีนี้ จะเป็นหน้าเดิมทั้งหมด โดยเฉพาะในกลุ่ม Top 3 ที่ต่างรักษาตำแหน่งของตัวเองไว้ได้ทุกประเทศ แต่ก็ยังมีการสลับอันดันกันอยู่บ้างในกลุ่ม Top 10 โดยเฉพาะประเทศจากเอเชียอีก 3 ประเทศนั้น มีอันดับที่ดีขึ้นจากปีก่อนทั้งสิ้น โดยญี่ปุ่น แซง UK จากอันดับ 5 มาอยู่อันดับ 4, อันเดียขยับจากอันดับ 9 มาเป็น 7 และเกาหลีใต้ ที่ขยับจากอันดับ 10 มาเป็น 9 ในปีนี้
โดยประเทศที่มีมูลค่าแบรนด์ประเทศ สูงสุด 10 อันดับแรกในปี 2019 นี้ ประกอบด้วย
1. สหรัฐอเมริกา มูลค่า Nation Brand 27.751 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ เติบโต +7.2%
2. จีน มูลค่า Nation Brand 19.486 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ เติบโต +40.5%
3. เยอรมนี มูลค่า Nation Brand4.855 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ เติบโต -5.7%
4. ญี่ปุ่น มูลค่า Nation Brand 4.533 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ เติบโต +26%
5. สหราชอาณาจักร มูลค่า Nation Brand 3.851 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ เติบโต +2.7%
6. ฝรั่งเศส มูลค่า Nation Brand 3.097 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ เติบโต -4%
7. อินเดีย มูลค่า Nation Brand 2.562 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ เติบโต +18.7%
8. แคนาดา มูลค่า Nation Brand 2.183 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ เติบโต -1.8%
9. เกาหลีใต้ มูลค่า Nation Brand 2.135 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ เติบโต +6.7%
10. อิตาลี มูลค่า Nation Brand 2.110 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ เติบโต -4.7%
สิงคโปร์ แบรนด์ประเทศที่แข็งแกร่งที่สุด
ส่วนการวัด Nation Brand ในมิติของความแข็งแกร่งของแบรนด์ (Most Strongest Nation Brands) Top 2 ในปีนี้ยังคงเหมือนในปี 2018 อันดับ 1 ได้แก่ สิงคโปร์ ด้วยคะแนน 90.5 ตามมาด้วย สวิตเซอร์แลนด์ ด้วยคะแนน 89.9 ส่วนอันดับ 3 คือ เนเธอร์แลนด์ คะแนน 89.6 ขยับจากอันดับ 4 ในปีก่อนที่ได้คะแนน 87.7 พร้อมสามารถปรับเรตติ้งประเทศจาก AAA เป็น AAA+
ขณะที่ความแข็งแกร่งของแบรนด์ USA ซึ่งเป็นประเทศที่มีมูลค่าแบรนด์ประเทศสูงที่สุดนั้น อยู่ในอันดับ 9 ตกลงจาก อันดับ 7 ในปีที่ผ่านมา ขณะที่คะแนนขยับขึ้นเล็กน้อยเป็น 85.7 จาก 85.6 คะแนนในปีก่อน ส่วนญี่ปุ่น ติดอันดับ 8 เพิ่มขึ้นจากอันดับ 14 ด้วยคะแนน 85.8 จากคะแนนในปีก่อน 83.8 พร้อมทั้งขยับเรตติ้งจาก AAA- มาเป็น AAA ได้อีกด้วย
รายงานประจำปีฉบับนี้ ยังได้สรุปรายละเอียดต่างๆ ที่น่าสนใจจากการศึกษาข้อมูลที่ได้จากการจัดทำ อาทิ
1. มูลค่าแบรนด์ประเทศในกลุ่มประเทศกำลังพัฒนาเติบโตได้เร็วกว่ากลุ่มประเทศที่พัฒนาแล้วถึง 30 เท่า โดยค่าเฉลี่ยการเพิ่มขึ้นของมูลค่าแบรนด์เมื่อเทียบแบบปีต่อปีของประเทศที่กำลังพัฒนา มีการเติบโตเฉลี่ยที่ 13.9% เทียบกับประเทศที่พัฒนาแล้วที่มีการเติบโตของเศรษฐกิจที่ 0.4% สะท้อนได้ว่า ประเทศที่กำลังพัฒนาสามารถเพิ่มสปีดให้กับมูลค่าแบรนด์ของประเทศได้เร็วกว่าประเทศที่พัฒนาแล้วถึง 31.3 เท่า
2. ประเทศจีนยังเติบโตได้ต่อเนื่อง ไม่พบสัญญานที่สะท้อนถึงการชะลอตัว โดยพบว่า ยังคงสามารถเติบโตได้อย่างแข็งแรง และสามารถขยับเข้าใกล้ผู้นำอย่างสหรัฐได้มากขึ้น ด้วยมูลค่าแบรนด์ประเทศที่มีอัตราเติบโตสูงถึง 40% ขณะที่ความห่างของมูลค่าแบรนด์ของสองประเทศนี้ลดลงจาก 12 ล้านล้านเหรียญสหรัฐในปีก่อน เหลืออยู่เพียง 8 ล้านล้านเหรียญสหรัฐในปีนี้ แม้ว่าทั้งสองประเทศมหาอำนาจนี้จะอยู่ในภาวะของความขัดแย้งจากปัญหา Trade War มาตั้งแต่กลางปีก่อน และมีหลายเสียงกังวลว่าจะกระทบต่อ Chaina’ Brand Value ให้ลดลง แต่หลายแบรนด์ก็ยังคงมีความแข็งแรง ไม่ว่าจะเป็น ICBC, Huawei หรือ Alibaba
3. ความแข็งแกร่งของแบรนด์สิงคโปร์ ที่ยังสามารถรักษาอันดับหนึ่งของโลกไว้ได้ และกลายเป็นศูนย์กลางธุรกิจที่หลากหลายของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ รวมทั้งระบบการศึกษาในระดับเวิลด์คลาส การดูแลสุขภาพ การคมนาคม รวมทั้งอัตราการเกิดอาชญากรรมในระดับต่ำ เนื่องจากเป็นประเทศแรกๆ ในการบุกเบิกการลงทุนด้านทรัพยากรบุคคล กลายเป็นประเทศตัวอย่างในการผลักดันการเติบโตแบบยั่งยืนและการสร้างความแข็งแกร่งให้กับแบรนด์
4. เศรษฐกิจญี่ปุ่นยังมีความแข็งแรง แม้ว่าอยู่ท่ามกลางสถานการณ์ที่เต็มไปด้วยปัจจัยโลกของตลาดทั่วโลก แต่ญี่ปุ่นยังคงได้รับความเชื่อมั่น และรักษาการเติบโตไว้ได้ สะท้อนผ่านการเติบโตของ Nation Brand ที่เพิ่มขึ้นถึง 26% และยังสามารถแซงสหราชอาณาจักร ขยับขึ้นมาอยู่ในอันดับ 4 ได้ รวมทั้งการจับจ่ายใช้สอยในประเทศ และการลงทุนที่ยังอยู่ในระดับสูง และความแข็งแรงในธุรกิจท่องเที่ยว รวมไปถึงจากการเป็นเจ้าภาพการจัดกีฬาระดับโลกอย่างรักบี้เวิลด์คัพในปี 2019 และโอลิมปิกฤดูร้อน ในปี 2020
Photo Credit : NUMBER 24 – Authorized Shutterstock Partner in Thailand