จีนได้ฤกษ์เปิดตัวสนามบินแห่งใหม่ “Beijing Daxing International Airport (PKX)” แล้วอย่างเป็นทางการเมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมา โดยถือเป็นสนามบินที่ใหญ่เป็นอันดับสองของโลก และเป็นสนามบินที่ใช้งบประมาณในการก่อสร้างมากที่สุดในโลกด้วย ในโอกาสที่สนามบินดังกล่าวเปิดครบ 1 เดือน เรามีสถิติน่าสนใจ และความเคลื่อนไหวของสนามบินดังกล่าวมาฝากกันค่ะ
- มีต้าชิงเพราะสนามบินปักกิ่งรับนักเดินทางเต็มพิกัดแล้ว
สำหรับเหตุผลที่ทำให้จีนต้องสร้างสนามบินใหม่อีกแห่งในกรุงปักกิ่ง อาจต้องย้อนไปดูตัวเลขผู้ใช้บริการสนามบินปักกิ่งที่พบว่าเติบโตอย่างต่อเนื่อง จนกระทั่งปี 2018 พบว่ามีมากกว่า 100 ล้านคน ส่งผลให้สนามบินปักกิ่งเป็นสนามบินที่มี traffic มากที่สุดเป็นอันดับที่สองของโลก รองจากสนามบิน Hartfield-Jackson ในแอตแลนตา และมีการคาดการณ์ว่าจีนจะมีนักเดินทางแซงหน้าสหรัฐฯ สำหรับตลาดการบินภายในปี 2022 นี้ การเปิด Beijing Daxing International Airport ในปีนี้จึงถือว่าทำได้ทันเวลา และทันต่อความต้องการพอดิบพอดี
2. ชาวโซเชียลแห่ถ่ายรูปนับหมื่นคนต่อวัน
หลังเปิดตัว มีคนให้ความสนใจ เดินทางมายัง Beijing Daxing International Airport หรือ PKX เพื่อถ่ายภาพเป็นที่ระลึก เฉลี่ยวันละ 15,000 คน โดยวันที่มีผู้เข้ามาเยี่ยมชมมากที่สุดก็คือวันแรกของเทศกาล Golden Week ที่ทางสนามบินพบว่ามีผู้มาเยี่ยมชมมากถึง 85,000 คนเลยทีเดียว ผลก็คือ เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยต้องออกมาขอความร่วมมือคนที่ไม่ได้เดินทาง ให้มาเยี่ยมเยือนน้อย ๆ ลงหน่อย
3. สนามบินที่ใหญ่พอ ๆ กับเกาะแมนฮัตตัน
ขนาดของสนามบิน Beijing Daxing International Airport ใช้พื้นที่ไปราว 47.9 ตารางกิโลเมตร ซึ่งทำให้ถูกนำไปเปรียบเทียบว่ามีขนาดพอ ๆ กับเกาะแมนฮัตตัน ในสหรัฐอเมริกาได้เลย (เกาะแมนฮัตตันมีพื้นที่ 59.5 ตารางกิโลเมตร) นอกจากนั้น ยังมาพร้อมจุดอ่อนที่ว่า อยู่ห่างจากตัวเมืองค่อนข้างมาก ทำให้ต้องมีรถไฟความเร็วสูงที่วิ่งด้วยความเร็ว 160 กิโลเมตรต่อชั่วโมงเป็นตัวเชื่อมนักเดินทางเข้าสู่ตัวเมือง (ถ้านั่งรถไฟจะใช้เวลา 20 นาทีในการเดินทางเข้าสู่ใจกลางเมือง)
4. สร้างแล้วเสร็จในเวลาไม่ถึง 5 ปี
สนามบิน Beijing Daxing International Airport นี้ถูกออกแบบโดยสถาปนิกคนดัง Zaha Hadid ลูกครึ่งอังกฤษ-อิรัก ซึ่งการเปิดตัวเฟสแรกใช้ระยะเวลาในการก่อสร้างไม่ถึง 5 ปี มีรันเวย์เปิดให้ใช้งานทั้งสิ้น 4 รันเวย์ สามารถรองรับเครื่องบินขึ้นลงได้มากถึง 300 ลำต่อชั่วโมง และอาคารผู้โดยสารก็มีขนาดใหญ่เทียบเท่าสนามฟุตบอล 97 สนาม อีกทั้งยังมีหุ่นยนต์คอยทำหน้าที่ดูแลภายในสนามบินอีกด้วย
5. สนามบินที่มีเป้าหมายรับส่งนักเดินทาง 72 ล้านคนต่อปี
สำหรับเป้าหมายของสนามบินในเฟสแรกที่วางเอาไว้ก็คือการขนส่งสินค้า 2 ล้านตัน และรองรับนักเดินทาง 72 ล้านคนต่อปีไปจนถึงปี 2025 ส่วนเฟสต่อไป สนามบินจะมีทั้งหมด 7 รันเวย์ รองรับผู้โดยสารมากถึง 100 ล้านคนต่อปี และรองรับการขนส่งสินค้ากว่า 4 ล้านตันต่อปี
6. งบก่อสร้างที่มากที่สุดในประวัติศาสตร์
การก่อสร้างสนามบินเริ่มตั้งแต่ปี 2014 ที่ผ่านมา ด้วยงบประมาณ 1.15 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ หรือ 80,000 ล้านหยวน ในช่วงที่การก่อสร้างดำเนินการนั้น มีการใช้คนงานมากถึง 40,000 คน ภายในอาคารมีการใช้ลายเส้นที่เป็นเอกลักษณ์ของ Hadid สถาปนิกผู้ออกแบบ และมีการใช้แสงธรรมชาติให้เข้าสู่อาคารได้มากที่สุดผ่านหน้าต่างบนหลังคากว่า 8,000 บานด้วย
7. ชื่อ “ปลาดาว” สมญานามจากสื่อจีน
สื่อจีนเรียกสนามบินนี้ว่า “ปลาดาว” ด้วยจากรูปทางภายนอกที่มีเกตยาวออกไป 5 แฉก โดยแต่ละเกตเชื่อมต่อกับโถงกลาง การออกแบบนี้เพื่อให้ลดระยะทางการเดินของผู้โดยสารลง ซึ่งเป็นสิ่งที่สนามบินขนาดใหญ่ทั่วโลกได้รับการร้องเรียน สำหรับสนามบินต้าชิงนี้ มีระยะทางการเดินตั้งแต่จุดตรวจความปลอดภัยจนถึงเกตที่ไกลที่สุดจะไม่เกิน 600 เมตร หรือ การเดินประมาณ 8 นาที
8. สายการบินใดบ้างที่จะย้ายมาใช้สนามบินแห่งนี้
สายการบิน China Southern และ China Eastern จะเป็นพันธมิตรหลักในการใช้สนามบินแห่งใหม่ ส่วนพันธมิตรภายใต้ Skyteam เช่น Delta, Korean, และ Air France-KLM จะย้ายตามมาหลังจากที่การก่อสร้างในอนาคตแล้วเสร็จ
ส่วน Air China สายการบินประจำชาติ และเป็นพันธมิตรของ Star Alliance จะยังคงอยู่ที่สนามบินปักกิ่งเดิมรวมทั้งสายการบินในพันธมิตรเดียวกันทั้งหมด
9. จัดเต็มความ “ไฮเทค”
เป็นธรรมดาของสนามบินทั่วโลกไปเสียแล้วกับความไฮเทคที่ต้องใส่มาอย่าให้ขาด ซึ่งสนามบินต้าชิงนี้ก็ไม่ยอมแพ้เช่นกัน เพราะมีการจัดเต็มด้วยการนำหุ่นยนต์เข้ามาดูแลลานจอดรถ, นำเทคโนโลยีจดจำใบหน้าเข้ามาช่วยในการตรวจสอบหลักฐาน รวมถึงใช้หุ่นยนต์ในการให้ความช่วยเหลือกับนักเดินทาง นอกจากนั้น พลังงานที่ใช้ในท่าอากาศยานแห่งนี้ มาจากแผงโซลาร์เซลล์ รวมถึงยังมีระบบบริหารจัดการน้ำฝนในตัวด้วย
10. ออกแบบให้เป็นเมืองขนาดย่อม
ภายในของสนามบินต้าชิงถูกออกแบบให้เป็นเมืองขนาดย่อม ๆ ที่ไม่เพียงแต่มีร้านค้าปลอดภาษีให้ได้เลือกช้อปปิ้งกัน แต่ยังมาพร้อมโรงแรมสำหรับสัตว์เลี้ยง, พื้นที่ทำงานของคนรุ่นใหม่, พื้นที่สำหรับเด็ก และอื่น ๆ อีกมากมาย โดยบริษัทผู้รับหน้าที่ออกแบบอย่าง Level 8 เผยว่าได้รับแรงบันดาลใจมาจากไลฟ์สไตล์ของคนรุ่นใหม่ที่มีเส้นแบ่งระหว่างการทำงานกับการพักผ่อนแตกต่างจากในอดีต และมองว่า แนวคิดในลักษณะนี้จะถูกนำไปใช้ออกแบบท่าอากาศยานอื่น ๆ ต่อไปด้วย