จากข้อมูลอันน่าตกใจที่ประเทศไทยติดอันดับอยู่ในประเทศที่ปล่อยขยะพลาสติกลงทะเลเป็นอันดับต้นๆ ของโลก สอดคล้องกับข้อมูลจากกรมควบคุมมลพิษที่ได้ออกมาเปิดเผยว่า ปริมาณการใช้ถุงพลาสติกหูหิ้วในประเทศไทยมีมากถึง 45,000 ล้านใบต่อปี ซึ่งเฉพาะในกรุงเทพฯ อย่างเดียว มีปริมาณการใช้ถุงพลาสติกเฉลี่ยคนละ 8 ใบต่อวัน ทำให้มีขยะพลาสติกมากถึง 80 ล้านใบต่อวันเลยทีเดียว
นี่คือการส่งสัญญาณครั้งสำคัญที่ทำให้ทั้งภาครัฐและเอกชนของไทยเริ่มตื่นตัวและหันมารวมพลังกันด้วยการออกนโยบายและแคมเปญที่เกี่ยวกับการลดใช้พลาสติกอย่างจริงจัง ซึ่งกิจกรรมที่น่าสนใจและเริ่มปรากฏเป็นรูปธรรมมากที่สุด ณ ขณะนี้ คือกระแสการรณรงค์ลดใช้ถุงพลาสติกในประเทศไทย ที่ได้เริ่มอย่างจริงจังตั้งแต่ภาครัฐบาล ห้างร้าน รวมถึงประชาชนที่พร้อมใจกันลดใช้ถุงพลาสติก ไปจนถึงกลุ่มองค์กรที่อาจจะดูเหมือนไม่ได้เกี่ยวข้องโดยตรง แต่ก็มีการผลักดันนโยบายดีๆ ออกมาช่วยสิ่งแวดล้อมร่วมกันอีกแรง
บริษัท ดี-แลนด์ กรุ๊ป จำกัด บริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ในเขตกรุงเทพฯ ตอนใต้ พระราม-2 สมุทรสาคร โซนภาคตะวันออก และโซนกรุงเทพฯ ฝั่งตะวันตก ก็เป็นอีกหนึ่งองค์กรที่เข้ามาให้ความสำคัญกับการรณรงค์ลดการใช้พลาสติกในครั้งนี้ด้วยเช่นกัน โดยการเปิดตัวโครงการ “ถุงผ้ากู้โลก” นำร่องผลิตถุงผ้าจำนวน 2,000 ใบ สำหรับแจกจ่ายให้กับพนักงานในองค์กรและกลุ่มลูกบ้านในเครือดี–แลนด์ กรุ๊ป รวมทั้งเปิดโอกาสให้กับผู้ที่สนใจได้มีโอกาสร่วมรับถุงผ้าฟรี ผ่านการร่วมสนุกกับกิจกรรมบน facebook: Dlandclub ที่จัดขึ้นเป็นประจำทุกเดือน
สำหรับที่มาของโครงการนี้ ศิริพงษ์ สมบูรณ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ดี-แลนด์ กรุ๊ป จำกัด ได้เปิดเผยว่า โครงการ “ถุงผ้ากู้โลก” เป็นโครงการที่ดี–แลนด์ฯ ได้ริเริ่มและต่อยอดมาจากโครงการ D–Green Office ซึ่งเป็นโครงการที่เริ่มต้นรณรงค์จากในองค์กรตั้งแต่ต้นปี 2562 ที่ผ่านมา โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้พนักงานได้มีส่วนร่วมในการสร้างองค์กรรักษ์โลก ด้วยการรณรงค์ให้พนักงานทุกคนร่วมใจกันใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่าไม่ว่าจะเป็นการประหยัดพลังงาน การนำทรัพยากรบางอย่างกลับมาใช้ซ้ำ (Reuse) การลดการใช้กระดาษ รวมทั้งการรณรงค์ลดการใช้พลาสติกภายในองค์กร ซึ่งเป็นแนวคิดสำคัญที่กลายมาเป็นจุดเริ่มต้นของโครงการถุงผ้ากู้โลกในครั้งนี้ โดยหลังจากที่เริ่มโครงการ ไปแล้ว ก็เลยเกิดไอเดียที่จะต่อยอดและส่งต่อไปยังกลุ่มลูกบ้านของดี-แลนด์ กรุ๊ป จำนวนกว่า 3,500 ครอบครัวอีกด้วย
“โครงการถุงผ้ากู้โลก เป็นอีกหนึ่งโครงการที่เกิดขึ้นภายใต้แนวคิดหลัก ‘To Give Before” เพราะเราเริ่มคิดจากการให้ ใส่ใจเพื่อชีวิตอีกขั้น’ และเป็นอีกหนึ่งโครงการที่ตอกย้ำวิสัยทัศน์ของดี–แลนด์ฯ ในการมุ่งมั่นที่จะก้าวสู่ผู้นำด้านการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ด้วยความคิดสร้างสรรค์ บนความทันสมัย และคุณภาพที่เหนือกว่าโดยมุ่งเน้นความพึงพอใจของลูกค้า ภายใต้การเป็นองค์กรที่มีจริยธรรม ใส่ใจสิ่งแวดล้อมและความสุขของชุมชนและส่งเสริมการพัฒนาคุณภาพของบุคลากรทุกระดับ” ศิริพงษ์ กล่าว
นอกเหนือจากการรวมพลังกันลดการใช้ถุงพลาสติกในชีวิตประจำวันแล้ว อีกด้านหนึ่ง ในฝั่งของโรงพยาบาลต่างๆ ได้ออกมาประกาศโครงการงดแจกถุงพลาสติกสำหรับใส่ยาเช่นกัน อาจด้วยเพราะข้อมูลการใช้ถุงพลาสติกใส่ยาของหน่วยงานในสังกัดกรมการแพทย์ ปี 2560 ที่ออกมาเปิดเผยว่ามีปริมาณการแจกจ่ายถุงพลาสติกใส่ยาสูงถึงกว่า 9 ล้านใบ ดังนั้น การออกมาประกาศงดแจกถุงพลาสติกพร้อมขอความร่วมมือให้ประชาชนนำถุงผ้ามาใส่ยากลับบ้าน จึงเป็นอีกหนึ่งในแคมเปญดีๆ ที่เข้ามาช่วยลดปัญหาขยะจากถุงพลาสติกร่วมกันอีกแรง ซึ่งทำให้ทางดี-แลนด์ กรุ๊ป ตัดสินใจต่อยอดโครงการ “ถุงผ้ากู้โลก” สู่โครงการ “ถุงยารักษ์โลก” โดยได้นำร่องประกาศจับมือกับ 6 โรงพยาบาล ประกอบด้วย โรงพยาบาลรามาธิบดี โรงพยาบาลบ้านแพ้ว โรงพยาบาลไทรน้อย โรงพยาบาลสมุทรสาคร โรงพยาบาลปลวกแดง และ โรงพยาบาลพิจิตร เพื่อผลิตและส่งมอบถุงผ้าสำหรับใส่ยาให้กับผู้ป่วยที่มาใช้บริการในโรงพยาบาลจำนวนรวมกว่า 9,000 ใบ
“โครงการถุงยารักษ์โลก เป็นโครงการที่เราต่อยอดมาจากโครงการถุงผ้ากู้โลก ด้วยการคิดต่อว่ายังมีส่วนไหนที่เราสามารถเอาถุงผ้าของเราเข้าไปช่วยเหลือได้อีกบ้างไหม โดยเฉพาะในกลุ่มของหน่วยงานรัฐที่อาจจะไม่ได้มีงบประมาณในการผลิตมากนัก ซึ่งโรงพยาบาลของรัฐก็เป็นอีกหนึ่งหน่วยงานที่มีความต้องการ เราจึงตัดสินใจที่จะผลิตถุงออกมาอีกขนาดหนึ่งเพื่ออำนวยความสะดวกให้กับผู้ที่มาใช้บริการใส่ยาแทนถุงพลาสติกได้ และเพื่อช่วยสนับสนุนโรงพยาบาลในด้านการให้บริการแก่ประชาชน”
ถึงแม้ว่า “ถุงผ้ากู้โลก” และ “ถุงยารักษ์โลก” อาจจะไม่ใช่โครงการใหญ่โตหากเทียบกับโครงการเพื่อสิ่งแวดล้อมอื่นๆ แต่เมื่อมองถึงการเข้าไปช่วยรณรงค์ด้วยความ “ใส่ใจ” มาตลอด จนอาจนับได้ว่าเป็นหนึ่งในโครงการที่ประสบความสำเร็จตามเป้าหมายที่วางไว้ของดี-แลนด์ กรุ๊ป ซึ่งยึดมั่นนโยบายหลักจากการเริ่มต้นที่ตัวเอง ก่อนจะส่งต่อและขยายผลไปสู่สังคมในวงกว้างในที่สุด