HomeHR & Manangementสำรวจพบ “ปัญหาสุขภาพจิต” ทำให้คน Gen Z – มิลเลนเนียลลาออกจากงานเกิน 50%

สำรวจพบ “ปัญหาสุขภาพจิต” ทำให้คน Gen Z – มิลเลนเนียลลาออกจากงานเกิน 50%

แชร์ :

จากตัวเลขของสถาบันสุขภาพจิตของสหรัฐอเมริกา (The National Institute of Mental Health) พบข้อมูลน่าสนใจ นั่นคือมีชาวอเมริกันวัยผู้ใหญ่ประมาณ 46.6 ล้านคนที่มีปัญหาสุขภาพจิต แต่เรื่องที่น่าสนใจมากไปกว่านั้นก็คือรายงานเรื่อง Mental Health at Work 2019 ของ Mind Share Partners ที่พบว่า ปัญหาสุขภาพจิตของคนนั้น ส่วนหนึ่งเกิดขึ้นใน “ที่ทำงาน” นั่นเอง

ADFEST 2024

Santos Or Jaune

โดยงานวิจัยชิ้นนี้ได้ทำการสำรวจความคิดเห็นออนไลน์ของคน 1,500 คนที่มีอายุตั้งแต่ 16 ปีขึ้นไป และทำงานอยู่ในบริษัทที่มีเพื่อนร่วมงานอย่างน้อย 11 คน ซึ่งพบว่าเงินและหน้าที่การงานเป็นปัจจัยหลักที่ทำให้คนทำงานในปัจจุบันเกิดความเครียดได้มากที่สุด

สำหรับอาการเครียดที่ร่างกายแสดงออกมามีตั้งแต่ เหงื่อออกมาก หัวใจเต้นแรง ตัวสั่น มวนท้อง คลื่นไส้อาเจียน โดยพบว่า กว่า 60% ของคนทำงานเคยมีอาการเหล่านี้ในรอบปีที่ผ่านมา ยิ่งไปกว่านั้น กว่าครึ่งของชาวมินเลนเนียล (ในการสำรวจนี้คือคนที่อายุ 23-38 ปี) และ 75% ของ Gen-Z (อายุ 18-22 ปี) ต้องลาออกจากงานด้วยเหตุผลดังกล่าว

แต่สำหรับคนในยุคเบบี้บูมเมอร์ (55-73 ปี) มีจำนวนคนที่ออกจากงานเพราะปัญหาสุขภาพจิตน้อยที่สุด อยู่ที่ 10% เท่านั้น

ด้าน Kelly Greenwood ซีอีโอและผู้ก่อตั้ง Mind Share Partners เผยว่า คนรุ่นใหม่ค่อนข้างตระหนักถึงปัญหาสุขภาพจิตที่เกิดกับตัวเองมากกว่าคนรุ่นก่อน ๆ และมองว่าควรพูดถึงปัญหานี้ได้อย่างอิสระ แต่เมื่อก้าวเข้าสู่โลกแห่งการทำงาน พวกเขากลับพบว่าไม่สามารถพูดถึงมันได้มากนัก

รายงานนี้ยังชี้ด้วยว่า คนยุคมินเลนเนียลมีความเป็นไปได้ที่จะพบเจอกับอาการซึมเศร้ามากกว่าคนยุคเบบี้บูมถึง 3 เท่า แต่สำหรับชาว Gen-Z แล้ว ความเป็นไปได้เพิ่มเป็น 4 เท่า

แต่ข้อดีก็คือ คนยุคมินเลนเนียลกว่า 63% รู้ว่าหากพบเจอกับปัญหาทางสุขภาพจิตแล้ว จะต้องขอความช่วยเหลือได้ที่ไหน (เช่น เข้ารับการรักษาจากจิตแพทย์) มากกว่าคนยุคเบบี้บูมเมอร์

Greenwood กล่าวว่า ปรากฎการณ์นี้เกิดจาก “การเปลี่ยนแปลงทางวัฒนธรรมทางสังคม” และความจริงที่ว่ามินเลนเนียลและ Gen-Z ต่างมีความเข้าใจกับสุขภาพจิตของตัวเองมากกว่าคนยุคเบบี้บูมเมอร์

 

นอกจากช่วงอายุแล้ว ปัจจัยด้านประชากรศาสตร์ก็เป็นผลต่อปัญหาสุขภาพจิตเช่นกัน อาทิ คนผิวสีและชาวละตินกว่า 50% มีการลาออกจากงานเพราะปัญหาสุขภาพจิต ขณะที่คนผิวขาวมีปัญหาน้อยกว่า หรืออุตสาหกรรมที่ทำงานอยู่ด้วยนั้นก็เป็นส่วนหนึ่งของปัจจัยที่ทำให้เกิดปัญหาสุขภาพจิต ยกตัวอย่างเช่นอุตสาหกรรมเทคโนโลยีที่กว่า 55% ลาออกจากงานเพราะปัญหาสุขภาพจิตเช่นกัน อย่างไรก็ดี พบว่า คนในอุตสาหกรรมนี้ค่อนข้างเปิดกว้าง และให้พื้นที่สำหรับพูดคุยถึงปัญหาสุขภาพจิตกับเพื่อนร่วมงานมากกว่าคนในอุตสาหกรรมอื่น ๆ

ผลลัพธ์จากการสำรวจนี้ พบว่าสุขภาพจิตนั้นส่งผลต่อประสิทธิภาพในการทำงาน ถือเป็น 67% และ ในขณะที่ 37% มองว่าสภาพแวดล้อมส่งผลต่อความรู้สึกของพวกเขามากกว่า

Greenwood ให้คำแนะนำว่า อย่างน้อยที่สุดนายจ้างควรที่จะจัดหาสวัสดิการด้านสุขภาพจิตที่จับต้องได้เพื่อให้ลูกจ้างรู้สึกสบายใจที่จะใช้งาน เช่น อาจจะเริ่มจากตั้งกลุ่มให้กับคนที่มีความชอบเหมือนกันได้ทำความรู้จักกัน และอาจจะมีการเทรนเพื่อให้รับมือกับบทสนทนายากๆ และวิธีสังเกตสัญญาณและอาการของปัญหาสุขภาพจิตร่วมด้วย

Source

Source


แชร์ :

You may also like