ศูนย์ศึกษาปัญหาการพนัน หรือ CGS (Center for Gambling Studies) เปิดเผยรายงาน “สถานการณ์การพนันในสังคมไทย ปี 2562” จากการเก็บรวบรวมข้อมูลประชาชนไทยอายุ 15 ปีขึ้นไป จากทั้ง 77 จังหวัด จำนวน 44,050 คน ระหว่างเดือนเมษายน–กรกฎาคม 2562 เพื่อศึกษาสถานการณ์ พฤติกรรมและผลกระทบการพนันในประเทศไทย ประจำปี 2562 ดำเนินการสำรวจและประเมินผลข้อมูลโดย ศูนย์วิจัยเพื่อการพัฒนาสังคมและธุรกิจ (SAB)
ผลการศึกษาดังกล่าว พบว่า คนไทยอายุมากกว่า 15 ปี ขึ้นไป มีถึง 76.3% หรือ 40.69 ล้านคน เคยมีประสบการณ์เล่นพนันมาก่อน ขณะที่ข้อมูลล่าสุดในปี 2562 นี้ ตัวเลขคนไทยที่เล่นการพนันอยู่ที่ 57% หรือประมาณ 30.42 ล้านคน เพิ่มขึ้นจากปี 2560 จำนวน 1.49 ล้านคน และในนี้มีกลุ่มผู้เล่นหน้าใหม่ถึง 7.2 แสนคน เพิ่มขึ้นจากปี 2560 ประมาณ 14.4% ที่มีผู้เล่นหน้าใหม่ในปีนั้นราว 6.3 แสนคน
คนไทยเล่นพนันครั้งแรก เด็กสุดตั้งแต่ 7 ขวบ
ข้อมูลจากกลุ่มตัวอย่างที่เคยมีประสบการณ์เล่นการพนันมาก่อน พบว่า มีคนเริ่มเล่นการพนันครั้งแรก ที่อายุน้อยที่สุดคือ 7 ขวบ ขณะที่คนเล่นเป็นครั้งแรกที่อายุมากที่สุดตอน 62 ปี และยังพบว่า คนไทยมากกว่าครึ่งหนึ่งที่เริ่มเล่นการพนันเป็นครั้งแรก ในวัยที่ต่ำกว่า 20 ปี โดยอายุเฉลี่ยของผู้ชายที่เริ่มเล่นการพนันคือ 22 ปี เร็วกว่าผู้หญิงที่เริ่มเล่นตอนอายุเฉลี่ย 24 ปี ด้วยเหตุผลหลักคือ อยากรู้อยากลอง ซึ่งมีถึง 1 ใน 4 ตามมาด้วยอยากได้เงิน เพื่อความตื่นเต้นเพลิดเพลิน และการเล่นตามคนใกล้ชิด เป็นต้น
ทั้งนี้ ในจำนวนผู้เล่นการพนันนั้น กลุ่มสูงวัยถือเป็นกลุ่มที่มีการเล่นพนันมากที่สุด ซึ่งหากนับตั้งแต่อายุ 50 ปีขึ้นไป จะมีคนเล่นพนันมากกว่า 10.79 ล้านคน ซึ่งในจำนวนนี้มีคนอายุ 60 ปีขึ้นไป ราว 3.4 ล้านคน ขณะที่กลุ่มอายุ 30-39 ปี และ 40-49 ปี มีคนเล่นพนันใกล้เคียงกันที่ประมาณ 6 ล้านคน อายุ 19-29 ปี มีผู้เล่นพนัน 5.8 ล้านคน และในกลุ่มเยาวชนอายุ 15-18 ปี มีผู้เล่นพนันอยู่ที่ราว 7.3 แสนคน
ที่สำคัญ มีคนไทยถึง 96.1% รับรู้ว่าคนใกล้ตัวเล่นการพนัน ไม่ว่าจะเป็นเพื่อนบ้าน คนแถวบ้าน เพื่อนสนิท ญาติ พ่อแม่ พี่น้อง แฟน สามี-ภรรยา โดยประเภทของการพนันที่คนไทยเล่นมากที่สุด 5 อันดับแรก ประกอบด้วย สลากกินแบ่งรัฐบาล 82.9% หวยใต้ดิน 76.4% เล่นไพ่ 44.7% ไฮโล โปปั่น น้ำเต้าปูปลา 25.1% และพนันฟุตบอล 18.8% และยังพบว่าคนไทยส่วนใหญ่จะเริ่มเล่นการพนันเป็นครั้งแรกด้วยการ “เล่นหวย” ทั้งการซื้อสลากกินแบ่งรัฐบาล รวมทั้งการซื้อหวยใต้ดิน ในสัดส่วนใกล้เคียงกันที่ 28% และ 27.3% ตามลำดับ โดยพบว่า คนไทยเล่นการพนันเฉลี่ยคนละ 3 ประเภท แต่คนที่เล่นการพนันสูงสุดเล่นถึง 16 ประเภทเลยทีเดียว โดย 7.7% หรือ 3.19 ล้านคน เคยเล่นการพนันผ่านช่องทางออนไลน์
ขณะที่ทัศนคติหรือมุมมองของคนไทยต่อการพนัน ซึ่งเป็นหนึ่งในโอกาสที่ทำให้คนไทยหันมาเล่นการพนันเพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะในกลุ่มผู้เล่นหน้าใหม่ อาทิ มากกว่าครึ่ง (53.5%) ที่เชื่อวาการซื้อสลากกินแบ่งไม่ถือว่าเป็นการพนัน, เกือบ 1 ใน 3 (30.5%) สนับสนุนให้ประเทศไทยเปิดบ่อนคาสิโนอย่างถูกกฎหมาย และ 27.2% สนับสนุนให้เปิดพนันทายผลฟุตบอลได้อย่างถูกกฎหมาย หรือ 45.1% โดยจำนวนสูงเกือบ 60% มองว่าหากมีการเปลี่ยนการพนันที่เคยผิดกฎหมายให้ถูกกฎหมาย จะมีผลให้คนเล่นการพนันเพิ่มมากขึ้น
นักเล่นล้านคนเป็นหนี้ ยอดพุ่งทะลุ 1.1 หมื่นล้าน
ข้อมูลยังระบุต่อว่า คนไทยที่เล่นพนันในปี 2562 ถึง 1.068 ล้านคน มีหนี้สินที่เกิดจากการเล่นพนันจนต้องหาลู่ทางต่างๆ เพื่อนำเงินไปใช้หนี้ พร้อมประเมินตัวเลขยอดหนี้จากการพนันสูงถึง 11,468 ล้านบาท เฉลี่ยแต่ละคนมีหนี้ราว 10,738 ล้านบาท จำนวนหนี้ต่อคนมากที่สุดสูงถึง 2 แสนบาท แต่จากการสอบถามคนที่เป็นหนี้ มีเพียงแค่ 17.1% ที่บอกว่าจะหยุดเล่นหลังจากเป็นหนี้ ขณะที่ส่วนใหญ่ 82.9% ยังยืนยันที่จะเล่นต่อไป
ส่วนวิธีที่แต่ละคนใช้เพื่อล้างหนี้สินที่เกิดขึ้น 68% เลือกที่จะยืมเพื่อน, 41% ยืมหรือขอจากคนในครอบครัว หรือคู่สมรส, 32.7% ยืมหรือขอจากญาติ, 25.2% ยืมจากแฟน, 16.6% พึ่งเงินกู้นอกระบบ, 11.7% ขาย จำนอง จำนำทรัพย์สินหรือของมีค่า, 4.9% เล่นแชร์, 2.7% เบิกเงินสดล่วงหน้าจากบัตรเครดิต และ 1.3% กู้สินเชื่อส่วนบุคคลจากสถาบันการเงิน
ทั้งนี้ ผู้เล่นพนันราว 10% หรือเกือบ 3 ล้านคน ระบุว่า ได้รับผลกระทบด้านต่างๆ จากการเล่นพนัน โดย 60% ระบุว่า มีปัญหาเรื่องขาดเงินใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน, 34.7% มีปัญหาเรื่องความเครียด, 31.3% ต้องเป็นหนี้, 22.2% มีปากเสียง ทะเลาะกับคนในครอบครัว, 15.1% สุขภาพเสื่อมโทรม, 12.2% เสียเวลาทำงาน เสียเวลาเรียน, 8.1% เสื่อมเสียชื่อเสียง, 4% ขายทรัพย์สิน สิ่งมีค่า เพื่อใช้หนี้, 1.4% เสียเพื่อน,ญาติ,ครอบครัว, 0.8% ทำสิ่งผิดกฎหมายเพื่อนำเงินไปเล่นพนัน, 0.6% ถูกเจ้าหนี้ข่มขู่ ทำร้ายร่างกาย และ 0.3% ครอบครัวหย่าร้าง
ขณะที่นักพนันในทุกวัยมีแนวโน้มกลายเป็นนักพนันที่มีปัญหาสูงถึง 2.1 แสนคน ขณะที่มากกว่า 3.7 ล้านคน มีพฤติกรรมเสี่ยงต่อการจะกลายเป็นนักพนันที่จะมีปัญหาในอนาคต โดยนักพนันกว่า 17.2% หรือ 5.23 ล้านคน คิดว่าตัวเองติดการพนัน ส่วน 14.1% หรือราว 4.29 ล้านคน ไม่แน่ใจว่าตัวเองติดการพนันหรือไม่
ส่องเงินสะพัดการพนันยอดฮิตคนไทย
สำหรับประเภทของการพนัน ที่คนไทยนิยมเล่นในปี 2562 อาทิเช่น สลากกินแบ่งรัฐบาล มีผู้เล่นกว่า 22.7 ล้านคน หวยใต้ดิน 17.7 ล้านคน เล่นไพ่ 4.4 ล้านคน ทายผลฟุตบอล 3.4 ล้านคน ไฮโล/ โปปั่น /น้ำเต้าปูปลา 1.9 ล้านคน โดยการสำรวจพบว่า การพนันทุกประเภทมีจำนวนผู้เล่นหน้าใหม่เพิ่มขึ้นหลายแสนคน เมื่อเทียบจากปี 2560 โดยเฉพาะล็อตเตอรี่ที่พบผู้ซื้อหน้าใหม่มากขึ้น 1.3 ล้านคน ตามมาด้วยการทายผลพนันฟุตบอล ที่มีผู้เล่นใหม่เพิ่มขึ้นสูงถึง 9.8 แสนคน
ทั้งนี้ การพนันที่คนไทยนิยมเล่น มีเงินสะพัดอยู่ค่อนข้างมาก ขณะที่คนไทยก็เสียเงินไปกับการเล่นพนันแต่ละประเภทไม่ใช่น้อย ไม่ว่าจะเป็น
1. สลากกินแบ่งรัฐบาล มีผู้เล่น 22.7 ล้านคน หรือ 42.7% คาดว่ามีวงเงินหมุนเวียนในการพนันประเภทนี้กว่า 1.5 แสนล้านบาท และเติบโตในระดับสูง เมื่อเทียบจากปี 2560 ที่มีเงินสะพัดใกล้ๆ 1 หมื่นล้านบาท โดยมียอดซื้อเฉลี่ยต่องวด 314 บาท ต่ำสุดที่ 80 บาท และสูงสุดถึง 5 หมื่นบาทเลยทีเดียว
2. หวยใต้ดิน มีผู้เล่น 17.7 ล้านคน หรือ 33.3% คาดเม็ดเงินหมุนเวียนกว่า 1.53 แสนล้านบาท โดยเกือบ 3 ใน 4 ของคนเล่นหวยใต้ดิน จะซื้อล็อตเตอรี่ควบคู่ไปด้วย และมีกลุ่มเยาวชนอายุ 18-25 ปี สูงถึง 1.75 ล้านคน ขณะที่จำนวนนักเล่นหน้าใหม่เพิ่มขึ้น 2.12 แสนคน ใช้เงินเฉลี่ยต่องวด 405 บาท ซื้อน้อยสุด 10 บาท และมากสุด 1 หมื่นบาท โดยค่าเฉลี่ยจำนวนงวดในการซื้อต่อปีเพิ่มขึ้นเป็น 19 งวด จากทั้งหมด 24 งวด และเพิ่มจากปี 2560 ที่มีการซื้อเฉลี่ยอยู่ที่ 9 งวดต่อปี
3. ทายผลฟุตบอล มีผู้เล่น 3.46 ล้านคน หรือ 6.49% วงเงินหมุนเวียนสูงถึง 1.6 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้นจากกว่า 2 หมื่นล้านบาทในปี 2560 ส่วนใหญ่ผู้เล่นเป็นผู้ชายกว่า 3 ล้านคน และเป็นผู้เล่นหน้าใหม่ถึง 2 แสนกว่าคน โดยเฉพาะเยาวชนอายุ 18 -25 ปี มีประมาณ 9 แสนคน ขณะที่รูปแบบการเล่นมีทั้งเล่นกับเพื่อนๆ ญาติ หรือในละแวกชุมชน เล่นกับโต๊ะบอล คนเดินโพย และเล่นผ่านออนไลน์นจากเว็บไซต์ในประเทศ รวมทั้งการเล่นกับโต๊ะบอล หรือเว็บไซต์ของต่างประเทศ โดยจำนวนเงินที่ใช้ในการเล่นโดยเฉลี่ยอยู่ที่ 500 กว่าบาท ไปจนถึง 2-3 หมื่นบาทต่อสัปดาห์ ขณะที่ความถี่ในการเล่นต่อเดือนอยู่ที่ 4-5 ครั้ง ไปจนถึง 30 ครั้งต่อเดือนเลยทีเดียว
4. เล่นพนันในบ่อน มีผู้เล่นเกือบ 5 ล้านคน หรือ 9.35% วงเงินหมุนเวียนอยู่ที่ 1.23 แสนล้านบาท โดยลักษณะของบ่อนที่เล่น มีทั้งบ่อนวิ่ง หรือบ่อนที่เล่นตามบ้านหรือตามงานศพ 97.2% บ่อนในประเทศ 1.2% และบ่อนต่างประเทศทั้งที่ติดชายแดนและไม่ติด โดยประเภทการพนันที่เล่น มีทั้งเล่นไพ่ ไฮโล บาคาร่า ตู้เกม สล็อตเเมชชีน รูเล็ต และเกมต่าง โดยใช้เงินในการเล่นแต่ละครั้งตั้งแต่ 50 บาท ไปจนถึง 5 หมื่นบาท และเล่นกันเฉลี่ยตั้งแต่ 3 – 30 ครั้งต่อเดือน
5.พนันออนไลน์ มีผู้เล่นเกือบ 8.3 แสนคน หรือ 1.55% และเป็นนักพนันหน้าใหม่กว่า 9 หมื่นคน โดยส่วนใหญ่จะเล่นผ่านโทรศัพท์มือถือ 97.1%, คอมพิวเตอร์ PC โน๊ตบุ๊ค แล็ปท็อป 6.3% และแท็บเล็ต 4.2% โดยมีวงเงินหมุนเวียนกว่า 2 หมื่นล้านบาท กระจายไปในหลายประเภททั้งไพ่ ตู้เกม ทายผลกีฬา ไฮโล น้ำเต้าปูปลา หวย รูเล็ต อีสปอร์ตต่างๆ โดย 93.7% ให้เหตุผลในการเล่นพนันออนไลน์เพราะสะดวก เล่นได้ง่าย และเล่นได้ทุกที่ทุกเวลา ขณะที่ 39.3% ระบุว่าฝาก-ถอนเงินจากระบบได้อย่างรวดเร็ว และ 33.7% เพราะเพื่อนชวน รวมทั้งเหตุผลอื่นๆ อาทิ เชื่อว่าจะไม่ถูกจับได้ มั่นใจว่าจะได้เงินแน่นอนหากชนะพนัน เงินรางวัลสูง รวมไปถึงรูปแบบการเล่นที่หลากหลาย และเห็นจากโฆษณา รวมทั้งการมีโปรโมชั่นที่โดนใจ เป็นต้น
Photo Credit : NUMBER 24 – Authorized Shutterstock Partner in Thailand