HomeBrand Move !!COME AND GET ME ความสำเร็จกลยุทธ์ Music Marketing จับใจคนเมือง จาก GET ในยุค Food Delivery แข่งดุ

COME AND GET ME ความสำเร็จกลยุทธ์ Music Marketing จับใจคนเมือง จาก GET ในยุค Food Delivery แข่งดุ

แชร์ :

ปฏิเสธไม่ได้ว่าการสั่งอาหารออนไลน์กลายเป็นเรื่องปกติไปแล้วสำหรับคนเมือง และอาจถึงขั้นเป็นหนึ่งในชีวิตประจำวันของบางคนเลยด้วยซ้ำ เหตุผลหลักก็เพราะความสะดวกสบาย และไหนจะความหลากหลายของร้านอาหารที่ทำให้เราไม่จำเป็นต้องกินแต่ร้านหน้าปากซอยอีกต่อไป ทำให้คนรุ่นใหม่มีตัวเลือกในการทานอาหารมากขึ้น (อ่านเพิ่มเติม คลิกที่นี่ https://www.brandbuffet.in.th/2019/07/restaurant-business-overview-by-eic/GET หนึ่งในแอปพลิเคชั่นสัญชาติไทยก็มีบริการสั่งอาหารอย่าง GET Foodรองรับการเติบโตในตลาดนี้เช่นกัน ทั้งนี้ GET มุ่งจับกลุ่มคนรุ่นใหม่ ทั้ง Gen Z และ Millennial ที่อยู่ในช่วงวัยของการเป็นนักศึกษาคาบเกี่ยวยาวไปถึงวัยทำงาน  โดยมุ่งมั่นที่จะขึ้นเป็นแอปพลิเคชั่น Food delivery ชั้นนำในใจคนกรุง จึงขนโปรโมชั่นและดันแคมเปญสนุกๆ ออกมาเพื่อเอาใจกลุ่มเป้าหมายอย่างต่อเนื่อง พร้อมวางโพสิชั่นความเป็นแบรนด์ที่เน้นสนุกสนาน เข้าถึงง่าย และยังสามารถตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ได้อย่างแท้จริง

ADFEST 2024

Santos Or Jaune

จนกลายเป็นแคมเปญล่าสุด ที่แบรนด์เลือกสร้างความแตกต่างอย่างมีสีสันด้วยการเปิดตัวพรีเซนเตอร์ใหม่ นนท์ธนนท์ ที่มีมีบุคลิกเหมาะกับแบรนด์และยังมีฐานแฟนคลับเหนียวแน่นตรงกับช่วงวัยและไลฟ์สไตล์ของกลุ่มเป้าหมาย โดยตัวนนท์เองก็เป็นคนที่ใช้บริการ GET อยู่แล้ว ซึ่งแคมเปญนี้แบรนด์เลือกวิธีสื่อสาร message ไปยังคนรุ่นใหม่ด้วยการใช้เพลงฟังสบายๆ COME AND GET ME ที่มีเนื้อหาน่ารักตรงกับสิ่งที่แบรนด์เป็น บอกถึงความพร้อมในการไปหา ไม่ว่าจะต้องการ (กิน) อะไร ชวนให้คนมา GET และกดสั่งได้ทุกเวลา

https://www.youtube.com/watch?v=_BWuJZSQUOc

การนำเพลงมาเป็นตัวช่วยสื่อสารทำให้ช่วยปรับภาพของแบรนด์ให้สนุกขึ้น เป็นหนึ่งวิธีที่สามารถใช้สร้างความสนิทสนมคุ้นเคยระหว่างแบรนด์และผู้ใช้งานมากขึ้นเพราะเป็นการเข้าไปอยู่ในไลฟ์สไตล์ประจำวันของเขาอย่างไม่ยัดเยียด และยังได้ตอกย้ำชื่อแบรนด์ GET ไปตลอดทั้งเพลงจนติดหู เพิ่มการจดจำให้ทุกคนอยากมา Come and GET me, GET me ไปตามๆ กัน ด้วยเพลงจีบสาวทำนองและเนื้อหาฟังง่ายๆ จนได้รับการตอบรับที่ดีจากทั้งแฟนๆ ของนนท์และคนทั่วไปที่ชื่นชอบ โดยปล่อยมิวสิควิดีโอผ่านไปแค่ไม่กี่วัน ก็มียอดฟังเกิน 2 ล้านครั้ง และติดเทรนด์บน Twitter อย่างรวดเร็ว ด้วยมิวสิควิดีโอน่ารักสดใส ที่มีแดนเซอร์ในชุด GET มาโยกย้ายกันพองาม และยอดวิวก็ยังคงพุ่งขึ้นอย่างไม่หยุด

การใช้ Music Marketing ในแบบของ GET ยังไม่หมดเพียงเท่านี้ เพราะนอกจากเพลงและ MV ที่ประสบความสำเร็จไปแล้ว ก็ยังมีการนำเพลงฮิตติดหูจากโฆษณาร้านอาหารยอดนิยมที่เราคุ้นเคยกันมาดี มาทำเป็นเวอร์ชั่น Parody โดยนนท์เหมือนเดิม แต่จะปล่อยทั้งบนออนไลน์และสื่อ out of home เพื่อกระจายกระแสให้ทั่วกรุงเทพผ่านหน้าจอดิจิทัลต่างๆ ด้วยข้อความอย่างเช่น “กินอะไร กินอะไร กินอะไร… ไปสั่ง GET” เรียกได้ว่าใครที่ได้เห็นก็จะได้คำตอบใหม่ๆ ให้กับคำถามเดิมๆ เพิ่มเติมคือเข้ากับไลฟ์สไตล์ปัจจุบันมากยิ่งขึ้น ทำให้ภาพรวมของแคมเปญนั้น GET สามารถพาตัวเองไปอยู่ใน touchpoint ของชีวิตคนเมืองไม่ว่าจะระหว่างเดินทาง หรือกำลังออนไลน์อยู่ที่ไหนก็ตาม

และการ Remind ชื่อแบรนด์ผ่านบทเพลงแบบนี้ ก็เป็นเครื่องมือสำคัญที่ช่วยให้ Brand Awareness และ Brand Preference เพิ่มมากขึ้น เช่นเดียวกับที่ธุรกิจอาหารหลายรายทำมาแล้ว จนกลายเป็นกรณีศึกษาของการตลาดเมืองไทย ไม่ว่าจะเป็น MK กับท่อนฮุค “กินอะไรไปกิน MK” หรือ สีฟ้าเวลาหิว ที่ส่งข้อความเหล่านี้จนกลายเป็นคำฮิตติดหูคนไทยไปเลย

นอกเหนือจากการปล่อยเพลงออกมาแล้ว ทาง GET ยังมีแคมเปญโฆษณาที่จับเอา นนท์ ธนนท์ มาทำอะไรที่ไม่เคยทำ เพราะในโฆษณาชิ้นเดียวพระเอกของเราต้องรับบทบาทถึง 3 ตัวละคร เพื่อตอกย้ำว่า GET คือแอปฯ ที่สามารถตอบสนองความต้องการให้กับทุกคนได้เสมอ

https://www.facebook.com/getthailandofficial/videos/1153471681508163/

 

อ่านมาถึงตรงนี้ใครที่กำลังหิวก็นึกเมนูไว้ในใจแล้วเปิด GET สั่งอาหารจากร้านโปรดกันดีกว่า เพราะไม่ว่าจะมื้อไหน นนท์ก็บอกแล้วว่า Come and GET me, GET me ได้ตลอด อยากกินอะไร สั่ง GET เลย

 

 


แชร์ :

You may also like