เป็นอีกหนึ่งงานที่คนไทยไม่ควรพลาดสำหรับมหกรรมรวมพลเทคโนโลยี “DIGITAL THAILAND BIG BANG” ที่จัดขึ้นโดย depa ซึ่งในปี 2019 นี้หนึ่งในบูธที่น่าสนใจและอยากนำมาฝากกันก็คือบูธของกลุ่มทรูที่ดูเหมือนอยากจะบอกกับเราว่า สิ่งที่จัดแสดงให้ได้เห็นกันรอบบูธนั้น พัฒนาขึ้นมาเพื่อช่วยให้คนไทย “ทลายข้อจำกัด” ด้านดิจิทัลหลาย ๆ ข้อออกไปเสียที
โดยสิ่งที่กลุ่มทรูสะท้อนออกมาผ่านการจัดแสดงเทคโนโลยีในงานมหกรรมครั้งนี้ คือการมองเห็นแนวโน้มของบริการดิจิทัลในรูปแบบต่างๆ ที่จะเข้ามาช่วยตอบโจทย์ Pain Point หลายๆข้อ ทั้งการช่วยให้คนไทยเข้าถึงองค์ความรู้ด้านดิจิทัล การปรับตัวกับสังคมไร้เงินสด Cashless Society หรือการสเกลธุรกิจในยุคดิจิทัลที่ต้องมองหาโซลูชันเข้ามาช่วย รวมถึงเรื่องของนวัตกรรมเช่น Humanoid Robot, 5G, IoT ที่หลายคนต้องการการสัมผัสของจริงจึงจะเห็นภาพและเข้าใจ ในคอนเซ็ปต์ “True Connectivity to complete limitless living – การเชื่อมต่อเพื่อตอบโจทย์ชีวิตไม่สิ้นสุด”
“ดิจิทัล” อยู่ในไลฟ์สไตล์
เราเลยได้เห็นการจำลองประสบการณ์ Cashless Society แบบที่ควรจะเกิดขึ้นจริงในชีวิตประจำวัน เช่น การซื้อของผ่านตู้ขายเครื่องดื่มอัตโนมัติขึ้นที่เปิดให้ผู้เที่ยวชมงานเข้ามาซื้อของจากตู้ดังกล่าว และจ่ายเงินด้วยการสแกน QR Code ผ่านแอปพลิเคชัน TrueMoney Wallet ที่สามารถทำจนจบกระบวนการได้โดยที่ไม่มีเงินสดจริง ๆ ออกมาโลดแล่นเลยสักบาท
และยังมีการร่วมกับ Mastercard สร้างสรรค์บัตรเติมเงิน True Digital Card ช่วยให้คนไทยเข้าถึงบริการทางการเงิน สามารถมีบัตรเครดิตให้จับจ่ายใช้สอยกันอย่างสะดวกมากขึ้น ซึ่งเป็นหนึ่งในโซลูชั่นและผลิตภัณฑ์ที่ครอบคลุมทุกมิติด้านดิจิทัล จาก True Digital Group
รวมไปถึงเรื่องของความบันเทิง ที่เราทุกคนทราบกันดีว่าพฤติกรรมผู้บริโภคนั้นเปลี่ยนไปแล้ว และเป็นเรื่องยากที่จะจับผู้บริโภคในยุคนี้มานั่งหน้าจอทีวีเพื่อกดรีโมตไล่ไปตามช่องต่างๆ True Digital Group สะท้อนจุดนี้ผ่านแอปพลิเคชัน True ID ที่เปิดโอกาสให้ผู้ติดตั้งแอป (ไม่จำเป็นว่าต้องใช้บริการอินเทอร์เน็ตของทรูก็ติดตั้งได้) สามารถรับชมรายการจากช่องต่าง ๆ ได้มากกว่า 80 ช่องผ่านโทรศัพท์มือถือแบบไม่มีค่าใช้จ่าย รวมถึงมี Premium Content อย่างศึกฟุตบอลพรีเมียร์ลีกที่คนไทยให้ความสนใจก็อยู่ใน True ID เช่นกัน
“ดิจิทัล” ช่วยธุรกิจไทยสเกลได้
ถัดจากมุมด้านดิจิทัลไลฟ์สไตล์ สิ่งที่กลุ่มทรูสะท้อนออกมาอีกด้านก็คือเรื่องการทำธุรกิจ โดยมี 3 โซลูชันจาก True Digital Group ที่มองว่าประเทศไทยน่าจะกำลังต้องการ และนำมาจัดแสดงในงาน DIGITAL THAILAND BIG BANG 2019 นั่นคือ โซลูชัน Digital Guest สำหรับโรงแรมที่พักเอาไว้ใช้ให้บริการนักท่องเที่ยว, โซลูชันด้านการเกษตรที่มาพร้อมอุปกรณ์ IoTสำหรับมอนิเตอร์สุขภาพวัว และโซลูชันด้าน Data Analytics สำหรับช่วยธุรกิจหาคำตอบในการลงทุน
ยกตัวอย่างการวิเคราะห์ของทีม Data Analytics ให้เห็นชัดขึ้น เช่น การช่วยธนาคารหาคำตอบว่า “ควรจะเปิดสาขาที่ไหนดี” ซึ่งระบบ Analytics สามารถวิเคราะห์พื้นที่ที่เหมาะสมออกมาให้ได้จากข้อมูลที่ระบบมีอยู่ ซึ่งข้อมูลนั้นสามารถบอกได้กระทั่งลักษณะการใช้จ่ายของผู้ที่ใช้ชีวิตในย่านนั้นๆ และ ความหนาแน่นของคนภายในพื้นที่
หรือเรื่องของปศุสัตว์เอง ซึ่งที่ผ่านมาเกษตรกรไทยอาจจะยังขาดเครื่องมือที่แม่นยำเข้ามาช่วยในด้านปศุสัตว์ ทำให้การผสมพันธุ์สัตว์อาจทำได้ไม่ดีเท่าที่ควร True Digital Group จึงมีการพัฒนาอุปกรณ์ IoT สำหรับติดที่บริเวณใบหูของวัว เพื่อเก็บอุณหภูมิ และค่าต่าง ๆ จากวัวมาประมวลผล โดยจะทำให้เกษตรกรทราบว่า ควรจะผสมพันธุ์แม่วัวตัวนั้นในช่วงเวลาไหนจึงจะไม่พลาดโอกาส เป็นต้น
สุดท้ายคือโซลูชันด้านการท่องเที่ยว “Digital Guest Solution” โดยหลายคนอาจเคยเห็นโรงแรมในต่างประเทศใช้ระบบดิจิทัลดังกล่าวกันบ้างแล้ว โดยลูกค้าผู้เข้าพักสามารถสั่งอาหาร เรียกทำความสะอาด สั่งเปิด-ปิดไฟ ฯลฯ ผ่านแท็บเล็ตที่โรงแรมเตรียมไว้ในห้องพัก ซึ่งโซลูชั่นนี้จะช่วยเสริมภาพลักษณ์ด้านการท่องเที่ยวของไทยด้วยเช่นกัน เพราะจะช่วยยกระดับการบริการที่ทันสมัยและสะดวกมากขึ้น โดยมีโรงแรมในกรุงเทพฯที่ได้ใช้บริการนี้แล้ว เช่น โรงแรมแลงคาสเตอร์ ย่านมักกะสัน
“ดิจิทัล” คือองค์ความรู้
สำหรับคนที่มองว่าองค์ความรู้ด้านเทคโนโลยีดิจิทัลเป็นสิ่งไกลตัว ตอนนี้บอกได้เลยว่า การเพิ่มทักษะด้านดิจิทัลเริ่มได้ไม่ยากเลย กับ True Digital Academy สถาบันการศึกษาที่ True Digital Group ก่อตั้งขึ้นสำหรับพัฒนาคนให้มีทักษะด้านดิจิทัล โดยในปัจจุบัน มีการดึงผู้เชี่ยวชาญทั้งในไทยและต่างประเทศเข้ามาเปิดคอร์สสอนกันหลายหลักสูตร และมีแผนจะเปิดให้บริการสำหรับบุคคลทั่วไปในปี 2563
“ดิจิทัล” คือความเป็นไปได้
ช่วยให้ธุรกิจไปต่อได้ด้วยการสเกลธุรกิจผ่าน True Incube ศูนย์บ่มเพาะสตาร์ทอัพที่เริ่มตั้งแต่การจุดประกาย สร้างแรงบันดาลใจ ไปจนถึงการช่วยให้สตาร์ทอัพแข่งขันในตลาดได้จริง พร้อมกับการ Synergy ธุรกิจสตาร์ทอัพกับบริษัทในกลุ่มทรู ในโครงการ True Incube Incubation & ScaleUp Program Batch6 ที่เปิดโอกาสให้สตาร์ทอัพเข้าร่วมทำงานกับภาคธุรกิจจริงตั้งแต่ Day1 เพื่อผสานการทำงานเข้าด้วยกันได้อย่างลงตัว รวมถึงระบบนิเวศสมบูรณ์แบบครบวงจรสำหรับสตาร์ทอัพและผู้ประกอบการด้านเทคโนโลยี (Tech Entrepreneur) ของ True Digital Park ศูนย์กลางนวัตกรรมดิจิทัลแห่งแรกในไทยที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ที่พร้อมเสริมความแข็งแกร่งของสตาร์ทอัพให้เติบโตได้ถึงระดับยูนิคอร์น
“ดิจิทัล” คืออนาคต
จำลองการใช้งานเทคโนโลยี 5G ผ่าน Use Case ต่างๆ ได้แก่ มุมสุดท้ายที่กลุ่มทรูจัดมาให้สัมผัสถึงนวัตกรรมแห่งอนาคตและน่าจะเป็นมุมที่เรียกความสนใจได้ดีที่สุดก็คือ การจำลอง Used Case ต่างๆ ที่สามารถใช้งานเทคโนโลยี 5G ได้ในอนาคต อาทิ การทดสอบขับรถภายใต้สภาพแวดล้อมเสมือนจริง ซึ่งในอนาคต เทคโนโลยีดังกล่าวอาจนำไปใช้กับบริการด้านโลจิสติกส์ได้ นั่นคือ ผู้ควบคุมรถทำการควบคุมจากศูนย์กลาง ขณะที่ตัวรถก็แล่นอยู่บนถนนได้แบบอัตโนมัติตามการควบคุมนั้น ๆ หรือการใช้เทคโนโลยี 5G ร่วมกับ AI สำหรับวิเคราะห์ท่าของนักฟุตบอล ซึ่งสามารถนำไปพัฒนาเป็นโซลูชันช่วยนักเตะพัฒนาฝีมือการฝึกซ้อมฟุตบอลได้เช่นกัน
นอกจากนี้ ยังมี หุ่นยนต์เสมือนมนุษย์ (Humanoid Robot) ฝีมือคนไทย และหุ่นยนต์ต้อนรับชื่อ Temiกับ Cruzr ที่กลุ่มทรูนำมาโชว์ภายในงาน ซึ่งปัจจุบัน หุ่นเหล่านี้สามารถช่วยนำทางไปยังพื้นที่ต่างๆ ได้ และในอนาคตก็แน่นอนว่า หุ่นยนต์จะเข้ามาช่วยงานมนุษย์ในอีกหลายๆ ด้านเพื่อช่วยให้งานต่างๆ รวดเร็วและมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
ความพร้อมที่มากกว่าโชว์หุ่นยนต์ให้ว้าวก็คือ การที่กลุ่มทรู โดย True Robotics มีแพลตฟอร์มสำหรับควบคุมหุ่นยนต์เหล่านี้เตรียมพร้อมเอาไว้แล้ว ดังนั้น ในอนาคตการนำหุ่นยนต์เข้ามาใช้งานก็สามารถทำได้สะดวกมากขึ้น และเหนือสิ่งอื่นใด การจัดแสดงนวัตกรรมในงาน “DIGITAL THAILAND BIG BANG 2019” นี้ กลุ่มทรูได้สะท้อนรูปแบบการใช้ชีวิตและการทำธุรกิจในอนาคตที่ทุกอย่างเป็นไปได้ผ่านการเชื่อมต่อบนโครงข่ายสื่อสารโทรคมนาคมครบวงจรของทรู การจะทำให้คนเราเข้าใจโลกในอนาคตได้มากที่สุด ก็ต้องลงทุนนำเทคโนโลยีในอนาคตมาให้สัมผัสกันกับตา ได้จับต้องกันกับมือนั่นเอง
#เชื่อมต่อชีวิตไม่มีสิ้นสุด #trueconnectivity #digitalbigbang2019