นับเป็นการเริ่มต้นของการรวมตัวกันในนาม ‘วันเดอร์แมน ธอมสัน ประเทศไทย’ (Wunderman Thompson Thailand) ได้อย่างสง่างาม หลังสามารถคว้า 34 รางวัล ได้แก่ รางวัล THE BEST ในสาขา Experience & Activation, 4 Gold, 8 Silver และ 21 Bronze จากเวทีประกวดงานโฆษณาอันทรงเกียรติของไทย “Adman Awards & Symposium 2019”
มัวรีน ตัน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร วันเดอร์แมน ธอมสัน ประเทศไทย กล่าวว่า จากความสำเร็จในงาน Adman Awards & Symposium 2019 ที่เราได้รับรางวัล THE BEST สาขา Experience & Activation และสามารถคว้ารางวัลมาได้มากถึง 34 รางวัล จากผลงานที่วันเดอร์แมน ธอมสัน ประเทศไทย ส่งเข้าประกวดถึง 14 แคมเปญคุณภาพ กว่า 10 ลูกค้า รวมทั้งสิ้นที่ส่งเข้าประกวดมากถึง 96 ผลงาน เป็นการตอกย้ำและสะท้อนให้เห็นว่า เราเป็นเอเยนซีที่แข็งแกร่งที่สุดแห่งหนึ่งในวงการสื่อสารการตลาดของไทย เพราะยึดมั่นในแนวคิด ลูกค้า คือ พาร์ทเนอร์ และเราพร้อมจะนำเสนอโซลูชั่นอย่างเต็มรูปแบบและครบวงจร ตั้งแต่การวางแผนกลยุทธ์ การวิเคราะห์ข้อมูล การคิดและผลิตคอนเทนต์ที่สร้างสรรค์อย่างมีคุณภาพ ทั้งนี้เรายังคงมุ่งมั่นเดินหน้าพัฒนาศักยภาพทั้งในด้านบุคลากร องค์กร รวมไปถึงเทคโนโลยีอย่างต่อเนื่อง เพื่อนำพาแบรนด์ของลูกค้าทะยานสู่ความสำเร็จต่อไป
โจอาว บรากา ประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายความคิดสร้างสรรค์ กล่าวเสริมว่า การส่งผลงานคุณภาพเข้าประกวดจนสามารถชิงชัยรางวัล THE BEST สาขา Experience & Activation รวมถึง 4 Gold, 8 Silver และ 21 Bronze บนเวทีสุดยอดงานประกวดโฆษณาและสื่อสารการตลาดระดับประเทศ Adman Awards & Symposium 2019 มาครอบครองได้อย่างเต็มภาคภูมิ ด้วยผลงานโฆษณาที่สร้างความแตกต่างและเปี่ยมไปด้วยประสิทธิภาพที่สามารถส่งสารถึงผู้รับได้อย่างเข้าถึงและเข้าใจ เพื่อปูพรมสู่การนำทางแบรนด์ทะยานสู่เป้าหมายและความสำเร็จได้อย่างสมศักดิ์ศรี
สำหรับงาน Adman Awards & Symposium 2019 ในครั้งนี้ มีผู้ส่งผลงานเข้าประกวดทั้งหมด 1,098 ชิ้น จาก 66 บริษัท โดย วันเดอร์แมน ธอมสัน ประเทศไทย ส่งเข้าประกวดมากถึง 96 ผลงาน กวาดรางวัลมาได้มากถึง 34 รางวัล ได้แก่ รางวัล THE BEST ในสาขา Experience & Activation, 4 Gold, 8 Silver และ 21 Bronze จากผลงานสุดสร้างสรรค์ 14 แคมเปญ อาทิ
ผลงาน “Huawei From Mate to Mate”
รางวัลที่ได้รับ
1. รางวัลระดับ Gold จำนวน 2 รางวัล ในสาขา Film Craft หมวด Directing และ Cinematography
2. รางวัลระดับ Silver จำนวน 1 รางวัล ในสาขา Film หมวด Branded Content & Entertainment Film
3. รางวัลระดับ Bronze จำนวน 3 รางวัล ในสาขา
– Public Relations Plan หมวด Use of Celebrity / Influencer & KOLs
– Entertainment หมวด Fiction / Non Fiction Film or Series: Up to 30 Mins
– Film หมวด Viral
“Huawei From Mate to Mate” เป็นผลงานภาพยนตร์สั้น ที่ถ่ายทอดเรื่องราวระหว่างเพื่อนรู้ใจ ซึ่งคือตัวผู้กำกับมากฝีมือ “เต๋อ-นวพล ธำรงรัตนฤทธิ์” และเพื่อนๆคนสำคัญในชีวิตว่า ในขณะที่คนหนึ่งมีความสุขกับการท่องเที่ยวในประเทศญี่ปุ่นอยู่นั้น ก็ไม่ลืมที่จะส่งความสุขกลับมาให้กับเพื่อนที่อยู่บ้าน ด้วยวิดีโอที่เซฟลงในแฟลชไดรฟ์ แล้วส่งผ่านไปรษณีย์ที่ผู้รับต้องรอคอยอย่างช้าๆ ซึ่งถือเป็นการเพิ่มคุณค่าทางจิตใจให้กับของฝากท่ามกลางโลกที่หมุนเร็วอย่างทุกวันนี้ เป็นการให้คำนิยามใหม่ของคำว่า “Souvenir” ที่ไม่จำเป็นต้องเป็นสิ่งของ แต่เป็นช่วงเวลาอันมีค่าที่ผู้ให้อยากแบ่งปันความสุข ให้แก่ผู้รับ เป็นการส่งต่อ Magic moment อันน่ามหัศจรรย์ใจผ่านการบันทึกวิดีโอระหว่างการเดินทาง
โดยภาพยนตร์เรื่องนี้นับเป็นการสื่อสารผ่าน “Emotional Connection” ที่ทำให้ผู้บริโภคคล้อยตามได้ในมุมมองที่เรียบง่ายของผู้กำกับ ด้วยการบันทึกทุกเรื่องราวในทุกโมเมนต์ด้วย HUAWEI Mate 20 Series ทำให้ภาพยนตร์สั้นเรื่องนี้สามารถสื่อสารและเชื่อมโยงประสบการณ์กับผู้รับชมได้อย่างเข้าถึงอารมณ์และความรู้สึก ทั้งยังทำให้ผู้รับชมได้รู้จักใกล้ชิดกับแบรนด์และผลิตภัณฑ์ของหัวเว่ยมากยิ่งขึ้น ภาพยนตร์สั้นเรื่องนี้จึงเป็นที่จดจำและน่าประทับใจจนสามารถโกยยอดวิวได้ถึง 8 ล้านวิวจากทุกคลิปและทุกช่องทาง
ผลงาน “Malee Lonely Rambutan”
รางวัลที่ได้รับ
1. รางวัลระดับ Gold จำนวน 1 รางวัล ในสาขา Film หมวด Online Film: Food/Drink
2. รางวัลระดับ Bronze จำนวน 2 รางวัล ในสาขา Direct หมวด Use of Social Platform และในสาขา Digital & Social หมวด Campaign Journey Craft
“Malee Lonely Rambutan” ภาพยนตร์โฆษณา และ Social Media Campaign ของผลไม้กระป๋องเรื่องแรกในรอบหลายสิบปีของมาลีชุด “IN THE MOOD FOR CANNED FRUITS” หรือ #เหงาเงาะ บอกเล่าเรื่องราวความรู้สึกของผลไม้กระป๋องที่ต้องการอยู่ในชีวิตของผู้บริโภคมากขึ้น ผ่านภาพยนตร์โฆษณาสไตล์ “หว่องกาไว” ที่มีความทันสมัยตรงกับไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่ แต่ยังคงกลิ่นอายความคลาสสิกของผลิตภัณฑ์ไว้ เพื่อเป็นการสื่อสารให้ทุกคนหันมาบริโภคผลไม้กระป๋องมากขึ้น ไม่จำเป็นต้องบริโภคแค่ในช่วงเทศกาลเท่านั้น โดยแคมเปญนี้ประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก เฉพาะภาพยนตร์โฆษณานี้มียอดวิวพุ่งทะยานกว่า 7 ล้านวิวจากในทุกช่องทางออนไลน์ และกลายเป็นกระแสสุดฮ็อตในโลกออนไลน์
ผลงาน “Pollution Souvenir”
รางวัลที่ได้รับ
รางวัลระดับ Silver จำนวน 1 รางวัล ในสาขา Public Relations Plan หมวด Not-For-Profit/ Charity/Government
“Pollution Souvenir” คือ ของฝากแนวใหม่จากกลุ่มผู้ประกอบการในจังหวัดเชียงใหม่ ได้แก่ Gallery Seescape, ชุมชนบ้านข้างวัด, ร้าน My BEER Friend และโฮสเทล Thunder Bird โดย Pollution Souvenir ถือเป็นตัวแทนในการส่งคำขอโทษแก่นักท่องเที่ยวที่เข้ามาเที่ยวในจังหวัดเชียงใหม่ แต่ไม่สามารถเดินทางออกจากบ้านไปเที่ยวที่ไหนได้ เพราะสภาพอากาศ ณ ขณะนั้นเข้าขั้นวิกฤต ทั้งยังนับเป็นของฝากที่เปรียบเสมือนข้อความ SOS หรือข้อความฉุกเฉิน เรียกร้องให้คนหรือหน่วยงานสนใจที่จะแก้ปัญหา และตระหนักถึงปัญหาสภาพอากาศที่มีค่า PM 2.5 เพื่อให้คนไทยและนักท่องเที่ยวได้อากาศบริสุทธิ์กลับมาอีกครั้ง
โดยการนำอากาศจากจังหวัดเชียงใหม่ซึ่งเคยมีค่า PM 2.5เกินค่าเฉลี่ยมาอัดในกระป๋อง พร้อมฉลากระบุระดับของมลพิษที่รวบรวมได้ในแต่ละวัน รวมถึงข้อความขอโทษนักท่องเที่ยวสำหรับสภาพอากาศที่ไม่ดี และเชิญชวนให้กลับมาท่องเที่ยวจังหวัดเชียงใหม่อีกครั้งในวันที่สภาพอากาศดีขึ้น ซึ่งจากการส่งต่อของฝากชิ้นนี้ไปอย่างแพร่หลาย ทำให้มีผู้คนพูดถึง “Pollution Souvenir” พร้อมเชิญชวนคนรอบตัวให้หันมาตระหนักและช่วยกันแก้ไขปัญหา PM 2.5 กันเป็นจำนวนมาก