HomeBrand Move !!5 สิ่งที่จะเกิดขึ้นหลัง OPPO ประกาศโรดแมป 5G ตลาดเอเชีย

5 สิ่งที่จะเกิดขึ้นหลัง OPPO ประกาศโรดแมป 5G ตลาดเอเชีย

แชร์ :

 

ADFEST 2024

Santos Or Jaune

ปี 2020 การเปลี่ยนแปลงสำคัญในฝั่งเทคโนโลยี คือการก้าวสู่โลก 5G  ที่เร็วกว่า 4G ถึง 20 เท่า บรรดาโอเปอเรเตอร์และผู้ผลิตมือถือทั่วโลก เตรียมเข็นโปรดักท์ใหม่เจาะตลาด โดยเฉพาะอาเซียนที่มีศักยภาพเติบโตสูง OPPO ผู้ผลิตสมาร์ทโฟนแบรนด์ดังจากจีน ประกาศโรดแมป 5G เปิดกลยุทธ์บุกภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก ณ กรุงกัวลาลัมเปอร์ มาเลเซีย Brand Buffet สรุป 5 สิ่งที่จะได้เห็นจาก OPPO ในยุค 5G

1. ลงทุน 7 พันล้านดอลลาร์ สร้างเทคโนโลยี 5G

การมาถึงของยุค 5G จะนำมาซึ่งโอกาสและความท้าทายใหม่ๆ มากมายในอุตสาหกรรม OPPO เชื่อว่าในอนาคตสมาร์ทโฟน จะเป็นเพียงเครื่องมือ หรือจุดสั่งการหลัก สำหรับบริการด้านเทคโนโลยีที่หลากหลายเท่านั้น จึงได้นำแนวคิด “Think Globally, Act Locally” เข้ามาใช้สำหรับการปรับโครงสร้างการดำเนินธุรกิจทั่วโลก เพื่อพัฒนาขีดความสามารถทางด้านฮาร์ดแวร์ ซอฟต์แวร์ และการบริการ รวมถึงการขยายตลาดไปในอุปกรณ์อัจฉริยะ หรือ IoT มากขึ้น 

โดยใน 3 ปีข้างหน้า OPPO ได้เตรียมเงินลงทุนมากกว่า 7 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ สำหรับการวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยี เพื่อเสริมสร้างเทคโนโลยีอย่าง 5G, 6G, AI, AR และ Big Data ให้มีความก้าวหน้ามากขึ้น ในขณะเดียวกันก็ได้มีการวางโครงสร้างเทคโนโลยีหลัก สำหรับฮาร์ดแวร์ และซอฟต์แวร์ เพื่อหาโอกาสใหม่ๆ ในยุคของการเชื่อมต่ออัจฉริยะ

2. ภูมิภาค APAC ตลาดสำคัญของ OPPO ในอนาคต

อย่างทราบกันดีอยู่แล้วว่า OPPO เป็นแบรนด์ผู้ผลิตสมาร์ทโฟนและอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์จากประเทศจีน แต่นอกจากประเทศจีน ต้นกำเนิดแล้ว ไทย เป็นตลาดลำดับ 2 ที่ OPPO เข้ามาดำเนินธุรกิจเมื่อปี 2009 ก่อนจะขยายตลาดไปยังประเทศอื่นๆ ในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก และภูมิภาคอื่นๆ ทั่วโลก ปัจจุบันดำเนินธุรกิจอยู่ใน 40 ประเทศ มีสาขากว่า 400,000 แห่งทั่วโลก นอกจากนี้ยังมีศูนย์การผลิตอัจฉริยะ 9 แห่ง ศูนย์วิจัย 6 แห่ง ศูนย์การวิจัยและพัฒนา (R&D) 4 แห่ง และศูนย์การออกแบบระดับโลกในกรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ โดยมีพนักงานกว่า 40,000 คนทั่วโลก

ในฐานะที่ APAC เป็นหนึ่งในตลาดเก่าแก่ที่สุด และถือเป็นยุทธศาสตร์สำคัญต่อการขยายธุรกิจของ OPPO ไปทั่วโลก ตลอด 10 ปีที่ผ่านมาได้พัฒนาผลิตภัณฑ์และการบริการตอบโจทย์ผู้บริโภคในภูมิภาคนี้ ปัจจุบัน OPPO มีผู้ใช้งานเกือบ 100 ล้านคน และไตรมาส 3 ปี 2019 ได้ขึ้นเป็นผู้ผลิตสมาร์ทโฟนอันดับ 1 ในอินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ กัมพูชา และไทย

สิ่งที่ OPPO จะทำต่อจากนี้ คือ การสร้างเครือข่ายพันธมิตรในระดับภูมิภาค โดยจับมือกับผู้ให้บริการเครือข่ายรายใหม่รวม 15 ราย ภายใต้โครงการ “5G Landing Project” เพื่อร่วมกับขับเคลื่อนอุตสาหกรรม 5G ในภูมิภาค APAC ที่ในขณะนี้หลายประเทศได้เริ่มเดินหน้าทดสอบ 5G กันแล้ว ไม่ว่าจะเป็น มาเลเซีย กัมพูชา เวียดนาม อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ และไทย 

ในบรรดาผู้ให้บริการเครือข่ายรายใหม่ทั้ง 15 ราย OPPO ได้จับมือกับ AIS และ TRUE ผู้ให้บริการเครือข่ายในไทยขับเคลื่อน 5G  ที่จะได้เห็นการประมูลคลื่นความถี่ 5G ในปี 2020

“หากการประมูล 5G  ในไทยเป็นไปตามแผน ไทยจะเป็นประเทศแรกในอาเซียน ที่ให้บริการ 5G และเป็นตลาดสำคัญของ OPPO ในอนาคต” คุณ Alen Wu, Vice President และ President of Global Sales ของ OPPO กล่าว

3. จัดตั้ง APAC Hub Center รองรับการเติบโตในภูมิภาค

การเลือกปักหมุดที่ประเทศมาเลเซีย เพื่อประกาศกลยุทธ์ในงาน OPPO APAC Strategy Launch เนื่องจากได้จัดตั้ง “APAC Hub Center” ศูนย์ปฏิบัติการระดับภูมิภาคแห่งที่ 4 ของ OPPO ในกรุงกัวลาลัมเปอร์ มาเลเซีย หลังจากที่ได้ก่อตั้งศูนย์ปฏิบัติการระดับภูมิภาคในเมือง Gurugram ประเทศอินเดีย, รัฐดูไบ ในสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ และเมือง Düsseldorf ประเทศเยอรมนี เพื่อสนับสนุนการทำงานและรองรับการขยายตัวของธุรกิจ OPPO ทั่วโลก 

OPPO มองว่าการจัดตั้ง APAC Hub Center ในมาเลเซีย จะเข้าใกล้กับผู้บริโภคมากขึ้น และนำไปสู่การขึ้นเป็นผู้นำในตลาด APAC ซึ่งศูนย์ปฏิบัติการแห่งนี้จะทำหน้าที่เชื่อมโยงทุกตลาดในภูมิภาค APAC เข้าด้วยกัน และเป็นศูนย์กลางในการพัฒนากลยุทธ์สำคัญ ทั้งการสื่อสารหลัก การบริการเครือข่ายให้กับลูกค้า Product Customization รวมถึงการทำ Co-Branding และ Co-Marketing

4. OPPO ไม่ได้เป็นแค่แบรนด์สมาร์ทโฟนอีกต่อไป

รายงานจากบริษัทวิจัยตลาด GfK ระบุว่า ในปี 2019 ทั่วภูมิภาค APAC ครองสัดส่วนยอดขายสมาร์ทโฟน 50% ของตลาดโลก และในปี 2020 เมื่อก้าวสู่ยุค 5G  จะมียอดส่งออกสมาร์ทโฟนถึง 170 ล้านเครื่องทั่วโลก คาดว่าตลาด IoT และอุปกรณ์อื่นๆ จะเติบโต 5%

ดังนั้น OPPO จึงต้องวางตำแหน่งตัวเองให้เป็นมากกว่าแบรนด์สมาร์ทโฟน ตามวิสัยทัศน์การให้บริการด้านเทคโนโลยีที่หลากหลาย จากการพัฒนาฮาร์ดแวร์ ซอฟต์แวร์ และการบริการ รวมถึงการขยายตลาดไปยังอุปกรณ์ IoT และอุปกรณ์ของใช้ภายในบ้าน (Smart Home)  โดยเตรียมนำเทคโนโลยี 5G มาใช้ตอบโจทย์ผู้บริโภค ทั้งด้าน ไลฟ์สไตล์ ที่บ้าน ที่ทำงาน และการท่องเที่ยว จากการจับมือกับพันธมิตรด้าน IoT มากกว่า 20 แบรนด์ มีสินค้ามากกว่า 300 ชิ้น

ภายในงาน OPPO APAC Strategy Launch ครั้งนี้ ได้มีการจัดแสดงอุปกรณ์อัจฉริยะหลายชิ้น เช่น OPPO 5G CPE T1 อุปกรณ์เชื่อมต่อสัญญาณ 5G ที่จะเป็นศูนย์กลางการเชื่อมต่อสำหรับการใช้งาน Wi-Fi ในชีวิตประจำวัน เช่น การใช้งานภายในบ้าน และที่ทำงาน, OPPO Enco Free True Wireless Headphones หูฟังไร้สาย ที่มีการนำ AI เข้ามาช่วยตัดเสียงรบกวนระหว่างการโทร และควบคุมการทำงานผ่านการแตะหรือสไลด์ โดยจะเปิดตัวในเอเชีย ไตรมาสแรกปี 2020 

OPPO Enco Free True Wireless Headphones หูฟังไร้สาย

นอกจากนี้ยังมีการนำอุปกรณ์ Cloud Gaming อย่างแว่นตา AR และ Under-Screen Camera กล้องที่ซ่อนอยู่ใต้หน้าจอสมาร์ทโฟน ที่มีหลักการทำงานง่ายๆ คือ เมื่อปิดกล้องหน้าจอจะแสดงผลภาพปกติ แต่เมื่อเปิดใช้งานกล้องหน้า หน้าจอส่วนหนึ่งจะถูกเปิดเป็นกล้องทันที รวมถึงเทคโนโลยีอื่นๆ ที่พร้อมรองรับการเชื่อมต่ออัจฉริยะในอนาคตมาจัดแสดงอีกด้วย

5.สร้างอีโคซิสเต็ม 5G เต็มรูปแบบ

ด้วยคุณสมบัติ 5G ที่มีความเร็วสูงกว่า 4G ถึง 20 เท่า มีความหน่วงต่ำ ทำให้สามารถรองรับปริมาณข้อมูลมหาศาล ซึ่งจะนำไปสู่การเชื่อมโยงกันระหว่างอุปกรณ์มากขึ้น โดยใน 1 พื้นที่อาจจะมีการเชื่อมต่ออุปกรณ์ IoT ในปริมาณหลักแสน หรือหลักล้านชิ้น 

การร่วมมือกันระหว่าง OPPO และพันธมิตรในระดับโลก จะช่วยให้เกิดการผลักดันและส่งเสริมภาคธุรกิจ เพื่อสร้างอีโคซิสเต็มที่จะใช้งานเทคโนโลยีร่วมกันอย่างเต็มรูปแบบในอนาคต เริ่มตั้งแต่ผู้ให้บริการเครือข่าย ตลอดจนความร่วมมือกับผู้ผลิต Digital Content เช่น นักพัฒนาและผู้ผลิตเกม ที่จะต้องทำคอนเทนต์ให้พร้อมรองรับ 5G หรือทำ Live Streaming ได้ดียิ่งขึ้น

การก้าวสู่โลก 5G ในปี 2020 จึงเป็นปีที่จะเห็นการเปลี่ยนแปลงในทุกอุตสาหกรรมที่จะเชื่อมโยงเป็นอีโคซิสเต็มเดียวกัน และสร้างโอกาสใหม่ๆ ให้กับโลกธุรกิจ


แชร์ :

You may also like