คำว่า Wellbeing หรือ สุขภาวะองค์รวมที่ดี เป็นเทรนด์ที่หลายคนคงเคยได้ยินกันมาสักระยะแล้ว ซึ่งวันนี้มีหลายองค์กรเริ่มนำแนวคิดนี้มาใช้ในการบริหารจัดการธุรกิจอย่างเป็นรูปธรรมมากขึ้น เพื่อตอบโจทย์พฤติกรรมผู้บริโภครุ่นใหม่ที่ตื่นตัวในการดูแลตัวเองและต้องการเสริมสร้างสุขภาวะที่ดีมากขึ้น ขณะเดียวกันหลายองค์กรยังเชื่อด้วยว่าแนวคิดนี้จะเป็นหมัดเด็ดที่ช่วยให้องค์กรสามารถก้าวเดินไปถึงเป้าหมายที่วางไว้ได้อย่างราบรื่นต่อไปโดย บริษัท มั่นคงเคหะการ จำกัด (มหาชน) หรือ MK นับเป็นอสังหาฯ รายแรกๆ ที่นำแนวคิด Wellbeing มาประยุกต์ใช้อย่างจริงจัง และวันนี้กำลังก่อร่างสร้างวัฒนธรรมองค์กร หรือ DNA แบบใหม่อย่างแข็งแกร่ง ซึ่ง BrandBuffet จะพาไปส่องเบื้องหลังวิถีคิดการสร้าง “สุขภาวะที่ดี” ขององค์กรแห่งนี้กันแบบเจาะลึก
Wellbeing ทางเลือกใหม่ในโลกอสังหาฯ
ปฏิเสธไม่ได้ว่า การทำธุรกิจอสังหาริมทรัพย์นับวันมีความท้าทายมากขึ้น เนื่องจากพฤติกรรมของผู้บริโภคเปลี่ยนแปลงไปมาก จากเดิมเวลาที่ผู้บริโภคจะซื้อบ้านจะให้ความสำคัญกับทำเลและโปรโมชั่นเป็นหลัก แต่นับจากนี้ไป การออกแบบดีไซน์ที่จะทำให้ชีวิตของผู้อยู่อาศัยดีขึ้นจะกลายเป็นสิ่งที่ผู้บริโภคมองหามากขึ้น ส่วนหนึ่งนั้นเป็นผลมาจากไลฟ์สไตล์ผู้บริโภคยุคใหม่ที่หันมาใส่ใจในสุขภาพและให้ความสำคัญกับการใช้ชีวิตที่สมดุลมากขึ้น โดยมองว่าการมีสุขภาพกายและจิตใจที่ดีจะนำมาสู่คุณภาพชีวิตที่ดี
จากเทรนด์ดังกล่าว ทำให้มั่นคงเคหะการฯ ตัดสินใจปรับกลยุทธ์การดำเนินธุรกิจ ด้วยการนำแนวคิด Wellbeing เข้ามาใช้เป็นแนวทางในการบริหารจัดการองค์กร รวมถึงการออกแบบที่อยู่อาศัยที่ตอบโจทย์การใช้ชีวิตอย่างสมดุลของผู้บริโภคยุคใหม่ได้มากยิ่งขึ้น
สร้างสุขคนทำงาน รากฐานสู่ความสำเร็จ
เมื่อพูดถึงแนวคิด Wellbeing หลายคนอาจจะนึกถึงการใส่ใจดูแลสุขภาพทางกายให้แข็งแรง แต่ Wellbeing ในมุมมองของมั่นคงเคหะการฯ ไม่ได้เป็นแค่เรื่องการดูแลสุขภาพกายที่ดีเท่านั้น โดย คุณวรสิทธิ์ โภคาชัยพัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท มั่นคงเคหะการ จำกัด (มหาชน) อธิบายว่า Wellbeing เป็นแนวคิดการสร้างสุขภาวะที่ดีแบบองค์รวมทั้งระบบ ที่จะสร้างความสุขทั้งกายและใจ รวมถึงสุขภาวะทางสังคมและสิ่งแวดล้อม
โดยบริษัทฯ เริ่มศึกษาเรื่องนี้อย่างจริงจังมาตลอด ด้วยการนำเอาแนวคิดนี้มาพัฒนาบุคลากรให้มีคุณภาพและประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ด้วยเชื่อว่าเมื่อบุคลากรมีคุณภาพแล้ว จะเป็นฟันเฟืองสำคัญที่ช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการพัฒนาที่อยู่อาศัยของมั่นคงเคหะการฯ ได้มากขึ้น และสามารถตอบโจทย์ความต้องการของคนยุคใหม่ที่หลากหลายและต้องการมีคุณภาพชีวิตที่ดียิ่งขึ้นด้วยการออกแบบและพัฒนาที่อยู่อาศัยที่สร้างคุณภาพชีวิตที่ดีและเอื้อต่อการใช้ชีวิตในทุกมิติ
ดังนั้น เมื่อศึกษาจนมั่นใจว่ามาถูกทาง จึงนำแนวคิดนี้มาเป็นหลักในการบริหารจัดการ ซึ่งจะเป็นหัวใจสำคัญที่จะทำให้มั่นคงเคหะการฯ แตกต่าง และประสบความสำเร็จในธุรกิจอสังหาฯ
สร้าง DNA คนมั่นคงฯ มี “สุขภาวะที่ดี”
จากแนวคิด Wellbeing สิ่งแรกที่มั่นคงเคหะการฯ ทำคือ การปลูกฝังแนวคิดสุขภาวะที่ดีให้พนักงานทุกคนมี DNA เดียวกัน ในขณะที่แบรนด์ส่วนใหญ่นั้นมักจะเริ่มต้นนำแนวคิดต่างๆ มาใช้ในการออกแบบผลิตภัณฑ์ เพราะเห็นผลเร็ว แต่คุณวรสิทธิ์ เชื่อว่า การเริ่มต้นปรับจากภายใน อาจเห็นผลช้า แต่ผลลัพธ์ในระยะยาวนั้น คุ้มค่าและยั่งยืนกว่า เพราะเมื่อพนักงานทุกคนมีสุขภาวะการทำงานที่ดีแล้ว ย่อมส่งมอบความสุขไปยังลูกค้าด้วยใจ
กระบวนการหล่อหลอม DNA พนักงานให้มีสุขภาวะที่ดี มั่นคงเคหะการฯ จะอาศัยการดูแลพนักงานในทุกรายละเอียด ผ่านการสร้างสำนักงานแห่งใหม่ ในคอนเซปต์ Workplace Wellbeing เพื่อให้เป็นที่ทำงานที่สามารถสร้าง “สุขภาวะที่ดีแบบองค์รวม” ในการทำงาน และทำให้พนักงานทุกคนมีความสุข โดยภายในจะมีสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ครบครัน เริ่มจากพื้นที่ Co-Wellnest ซึ่งพนักงานสามารถใช้พื้นที่ในการ Sharing ความรู้ต่างๆ, ห้องฟิตเนสที่ให้พนักงานได้ออกกำลังกาย โดยมีทั้งห้องโยคะและห้องกายภาพ รวมถึงแปลงผักออร์แกนิคบริเวณชั้นดาดฟ้า (Rooftop Organic Farm) เพื่อให้ผู้บริหารและพนักงานได้ร่วมกันปลูกผักออแกนิคเพื่อรับประทาน รวมทั้งเรียนรู้และใส่ใจเรื่องที่มาของวัตถุดิบในการประกอบอาหาร
ด้าน คุณดุษฎี ตันเจริญ กรรมการผู้จัดการ บริษัท มั่นคงเคหะการ จำกัด (มหาชน) กล่าวเพิ่มเติมว่า เรามีกิจกรรมเพื่อการสร้าง “สุขภาวะที่ดี” ให้อยู่ใน DNA ของพนักงานผ่านกิจกรรมต่างๆ มากมาย ไม่ว่าจะเป็นกิจกรรม Happy Fine Day เป็นเวทีที่จะเปิดให้พนักงานได้แสดงความสามารถด้านต่างๆ ทั้งการเล่นดนตรี ร้องเพลง ทำอาหาร, กิจกรรม Green Monday โดยจะมีผู้เชี่ยวชาญมาให้ความรู้เกี่ยวกับวัตถุดิบที่นำมาประกอบอาหารในแต่ละมื้อ, การแจกกระบอกน้ำแก่พนักงานและรณรงค์ลดใช้แก้ว หลอด ถุงพลาสติก, การจัดอบรมคัดแยกขยะก่อนทิ้ง โดยผู้เชี่ยวชาญจากสภาอุตสาหกรรม รวมถึงปรับรูปแบบการทำงานเป็น Flexible Time และ Work from Home เพื่อเพิ่มความยืดหยุ่นในการทำงาน และทำให้พนักงานสามารถคิดงาน แสดงไอเดียต่างๆ ได้มากขึ้น
ต่อยอดนำ Wellbeing พัฒนาสินค้า สร้างจุดขายที่แตกต่าง
หลังจากสร้างความรู้ความเข้าใจในแนวคิด Wellbeing ให้อยู่ใน DNA ของพนักงานทุกคน ปีนี้มั่นคงเคหะการฯ จึงต่อยอดนำแนวคิดนี้มาใช้ในการพัฒนาสินค้าบนทำเลที่ดี โดยให้ความสำคัญในทุกมิติแห่งการอยู่อาศัย ตั้งแต่การวางผังโครงการฯ การออกแบบตัวบ้านให้สอดคล้องกับทิศทางลม เพื่อช่วยลดการใช้พลังงาน และช่วยให้ภายในบ้านมีอากาศถ่ายเทที่ดี การออกแบบฟังก์ชั่นพื้นที่ใช้สอยที่คำนึงถึงการใช้ชีวิตของคนกลุ่ม การเลือกใช้วัสดุที่ช่วยประหยัดพลังงานต่างๆ เช่น กระจกเขียวตัดแสงป้องกันความร้อนจากแสงแดดช่องรับแสงธรรมชาติ และพลังงานโซลาเซลล์ ฯลฯ พื้นที่สีเขียวส่วนกลางเพื่อเพิ่มความร่มรื่น ฟิตเนส สระว่ายน้ำ Edutainment playground รวมถึงการจัดกิจกรรมสำหรับลูกบ้านเพื่อให้มี “สุขภาวะที่ดี”
ในแง่การทำตลาด Wellbeing เป็นแนวคิดที่ดีและน่าสนใจ เพราะเป็นการสร้างความสุขในการทำงานและหลอมรวมคนในองค์กรให้เดินไปในทางเดียวกัน ซึ่งเมื่อคนเรามีความสุข เมื่อทำอะไร ย่อมสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ ออกมาดี แต่การจะนำแนวคิดมาใช้ในโลกธุรกิจนั้น ต้องใช้เวลาในการสร้างและทำอย่างต่อเนื่องกว่าจะออกดอกออกผลเป็นรูปธรรมชัดเจน แต่เชื่อว่าปีนี้เราน่าจะได้เห็นโปรดักต์ดีไซน์ที่มาจากแนวคิด Wellbeing เพื่อตอบโจทย์คนยุคใหม่อย่างแน่นอน และหากถูกจริตผู้บริโภค นั่นก็จะกลายเป็นจุดขายที่สร้างความแตกต่างให้กับมั่นคงเคหะการฯ ครั้งใหม่ และก้าวสู่การเป็นองค์กร Wellbeing อย่างเต็มตัวต่อไป