อีกไม่กี่วันก็จะเข้าสู่วันเด็กอีกครั้ง กลุ่มบริษัทอเด็คโก้ประเทศไทย จึงได้ทำการสำรวจเด็กไทยอายุ 7-14 ปี เพื่อทราบถึงพฤติกรรมและทัศนคติของเด็กกลุ่มนี้ในมิติต่างๆ จากกลุ่มตัวอย่างกว่า 4 พันราย จากทั่วทุกภูมิภาคทั่วประเทศ
เด็กไทย อยากได้สมาร์ทโฟนมากกว่า เงิน-หนังสือ
สำหรับช่วงอายุ 7-14 ปี จะประกอบไปด้วยเด็กไทย 2 เจนเนอเรชั่น คือ GEN Z และ Gen Alpha ซึ่งเป็นกลุ่มที่เติบโตมากับเทคโนโลยี คุ้นชินกับการใช้สมาร์ทโฟน แท็บเล็ต คอมพิวเตอร์ อินเทอร์เน็ต มาตั้งแต่เด็ก ทำให้ภาพความเป็น Digital native ของเด็กไทยในปัจจุบันค่อนข้างชัดเจน ทั้งวิธีการหาความรู้นอกห้องเรียน ที่เด็กไทยมากกว่า 50% เลือกหาความรู้จากอินเทอร์เน็ต ทั้งในรูปแบบของการเสิร์ชกูเกิ้ล การเข้าเว็บไซต์ต่างๆ หรือดูยูทูป ผ่านคอมพิวเตอร์หรือสมาร์ทโฟน ขณะที่คำตอบราว 1 ใน 4 หรือ 25% เลือกค้นคว้าผ่านการอ่านหนังสือและการเข้าห้องสมุด
โดยเฉพาะคำถามที่ว่า ของขวัญวันเด็กที่เด็กไทยอยากได้มากที่สุดในปีนี้คืออะไร คำตอบที่เด็กตอบมากที่สุดคือ “สมาร์ทโฟน” คิดเป็น 25% ของจำนวนผู้ตอบแบบสอบถามทั้งหมด รองลงมาคือ คอมพิวเตอร์ ตุ๊กตา เงิน และหนังสือ ตามลำดับ ซึ่งของขวัญเหล่านี้ก็สอดคล้องกับงานอดิเรกที่เด็กไทยชอบทำคือ เล่นเกม เล่นอินเตอร์เน็ต เล่นกับเพื่อน อ่านหนังสือ อ่านการ์ตูน ดูภาพยนตร์ และไปเที่ยว
คุณธิดารัตน์ กาญจนวัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มบริษัทอเด็คโก้ประเทศไทย เปิดเผยว่า พฤติกรรมของเด็กในยุคนี้จะชอบเล่นเกม สื่อสารผ่านโซเชียลมีเดีย ค้นหาความรู้ทางอินเทอร์เน็ต จึงไม่น่าแปลกใจว่าภาพรวมของคำตอบในปีนี้จะเห็นความเป็นดิจิทัลมากขึ้นเรื่อยๆ ไม่ว่าจะเป็น อาชีพยูทูบเบอร์ที่มาแรงขึ้นและมีแนวโน้มที่สูงขึ้นทุกปี หรือการที่เด็กเกือบครึ่งโพลล์เลือกยูทูบเบอร์เป็นไอดอลในดวงใจ รวมไปถึงพฤติกรรมของเด็กในยุคนี้ที่ชอบเล่นเกม สื่อสารผ่านโซเชียลมีเดีย ค้นหาความรู้ทางอินเทอร์เน็ต ล้วนสะท้อนให้เห็นถึงความเป็น Digital native ของเด็กไทยในยุคนี้ได้เป็นอย่างดี
“เด็กไทย Gen Z และ Alpha เป็นกลุ่มที่เกิดมาพร้อมกับโอกาสในการเข้าถึงเทคโนโลยีและข้อมูลข่าวสาร Mark McCrindle นักประชากรศาสตร์และนักวิจัยทางสังคม มีการพยากรณ์ว่า Gen Alpha หรือเด็กที่มีอายุต่ำกว่า 10 ปี จะเป็นเจเนอเรชันที่ได้รับการศึกษาที่ดีที่สุด และเป็น Gen ที่ฉลาดที่สุด ใช้เทคโนโลยีเก่งที่สุด เมื่อเทียบกับ Gen อื่นๆ ตอนมีอายุรุ่นราวคราวเดียวกัน ขณะที่ Gen Z หรือผู้ที่ปัจจุบันมีอายุตั้งแต่ 26 ปีลงไป งานวิจัยจากต่างประเทศรายงานว่า Gen Z ก็จะก้าวเข้ามาเป็นแรงขับเคลื่อนที่สำคัญขององค์กร ในสัดส่วน 27% ของแรงงานทั้งหมดภายใน 5 ปีข้างหน้า Gen Z มีแนวโน้มที่จะเลือกอาชีพที่ได้เป็นส่วนหนึ่งในการขับเคลื่อนและเปลี่ยนแปลงสังคมโลก ทั้งการพัฒนาเทคโนโลยีและการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ รวมถึงสนใจการเป็นผู้ประกอบการและทำอาชีพอิสระ ซึ่งเป็นมุมมองการเลือกอาชีพที่แตกต่างไปจากคนรุ่นก่อน”
ที่สำคัญ เด็กในรุ่นนี้จะโตมากับอนาคตของโลกการทำงานที่เปลี่ยนไป หลายอาชีพจะถูกแทนที่ด้วยเทคโนโลยีและปัญญาประดิษฐ์ แต่ก็จะมีอีกหลายอาชีพเกิดขึ้นใหม่เช่นเดียวกัน มีการคาดการณ์ว่าภายในปี 2025 มากกว่าครึ่งของแรงงาน หรือกว่า 60% จะทำงานในอาชีพที่ไม่มีอยู่ในปัจจุบัน จึงเป็นหน้าที่ของผู้ใหญ่ที่จะช่วยกันพัฒนาศักยภาพเด็ก โดยเฉพาะอย่างยิ่งทักษะการใช้ชีวิตและทักษะทางสังคม ซึ่งเป็นทักษะที่หุ่นยนต์ไม่สามารถทดแทนได้ รวมทั้งปลูกฝังค่านิยมการเรียนรู้ตลอดชีวิต เพื่อให้พวกเขาสามารถที่จะเรียนรู้และต่อยอดองค์ความรู้เดิมที่มีอยู่ เพราะในอนาคตความรู้ใหม่ๆ จะมีความสำคัญมากกว่าใบปริญญา
“การเรียนรู้ตลอดชีวิตและปรับตัวให้ทันกับการเปลี่ยนแปลง จะกลายเป็นคำขวัญสำคัญของเด็กยุคใหม่ที่จะช่วยให้พวกเขาเติบโตอย่างมั่นคงในโลกที่มีการ Disruption ตลอดเวลา”