การเปิดตัวเทคโนโลยีใหม่ ๆ อย่างร้านค้าไร้พนักงาน (Unmanned Store) อาจเคยสร้างความว้าวให้กับผู้บริโภคทั่วโลก และเกิดกระแสเรียกร้องอยากทดลองใช้บริการกันมากมายเต็มไปหมด แต่ก็ไม่ใช่ทุกรายที่ลงมาทำแล้วจะประสบความสำเร็จ โดยเฉพาะในจีนแผ่นดินใหญ่ที่ในปี 2018 – 2019 ธุรกิจอย่าง Unmanned Store ต้องปิดตัวลงอย่างต่อเนื่อง เหตุเพราะไม่สามารถสร้างประสบการณ์ที่ดีให้กับลูกค้าได้
โดยความผิดพลาดของร้านค้าไร้พนักงานในจีนแผ่นดินใหญ่ตามการรายงานของ ejinsight.com นั้นมีหลายข้อ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของสินค้าภายในร้านที่อาจคัดเลือกมาไม่เหมาะสม ทำให้ลูกค้าเกิดคำถามขึ้นในใจ แต่เมื่อไม่มีพนักงานขาย ลูกค้าก็ไม่รู้จะถามใคร ทำให้ทางร้านพลาดโอกาสที่จะขายสินค้าไปอย่างน่าเสียดาย หรือสินค้าบางประเภท ลูกค้าอาจต้องการคำแนะนำในการเลือกซื้อ เมื่อไม่มีพนักงานก็ไม่สามารถตัดสินใจเลือกได้อย่างถูกต้อง เป็นต้น
แต่สำหรับสิงคโปร์ มีรายงานเช่นกันว่า ประเทศดังกล่าวกำลังเรียนรู้จากความผิดพลาดเหล่านี้ และอยู่ระหว่างการพัฒนาประสบการณ์ในการซื้อของในร้านค้าไร้พนักงานให้ดียิ่งขึ้นกว่าเดิม ภายใต้การดำเนินงานของสตาร์ทอัพชื่อ Octobox
โดย Octobox มีการเปิดตัวร้านค้าไร้พนักงานของตนเองขึ้นในมหาวิทยาลัยแห่งชาติสิงคโปร์เมื่อเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา และปัจจุบันใช้การชำระเงินผ่านการสแกนฝ่ามือ แต่สิ่งที่ Octobox เรียนรู้และนำมาปรับใช้กับร้านค้าของตัวเองนั้น ได้สะท้อนออกมาผ่านรายงานของ Nikkei Asian Review ที่ระบุว่า นักศึกษาในมหาวิทยาลัยแห่งชาติสิงคโปร์ยอมรับว่าร้านค้าไร้พนักงานนี้เหมาะกับพวกเขา โดยเฉพาะเวลาที่ลงมาหาอะไรกินยามดึก ๆ
จากบทสัมภาษณ์ดังกล่าว จะเห็นได้ว่าสิ่งหนึ่งที่ Octobox เรียนรู้และนำมาใช้คือการเลือกทำเล และกลุ่มเป้าหมายที่ไม่หว่านแห แต่เลือกแล้วว่าจะเจาะกลุ่มคนรุ่นใหม่หัวใจดิจิทัลเป็นหลัก ซึ่งคนกลุ่มนี้ หากเทคโนโลยีตอบโจทย์ พวกเขาก็พร้อมจะใช้บริการ
การเรียนรู้จากพฤติกรรมของกลุ่มเป้าหมายนี้ทำให้ Octobox มีแผนจะขยายร้านค้าดังกล่าวให้ได้ 10 แห่งภายในปีหน้า (2021) โดยอาจขยายไปยังต่างประเทศอย่างมาเลเซีย ไต้หวัน และอินโดนีเซียด้วย
ไม่เฉพาะ Octobox แต่ในสิงคโปร์ยังมีสตาร์ทอัพอีกหลายรายที่ทดสอบเทคโนโลยีร้านค้าไร้พนักงาน หนึ่งในนั้นคือ Pick and Go ที่เปิดตัวร้านค้าไร้พนักงานของตัวเองในมหาวิทยาลัยด้านเทคโนโลยีและการออกแบบของสิงคโปร์เมื่อเดือนตุลาคมที่ผ่านมาเช่นกัน
ด้าน Toh Hong Aik กรรมการผู้จัดการของ U-Venture Investment เป็นอีกหนึ่งคนที่ใช้วิธีเดินทางไปถึงจีนแผ่นดินใหญ่เพื่อศึกษาว่าทำไมโมเดลของร้านค้าไร้พนักงานในจีนถึงล้มเหลว โดยเขาพบว่า ความล้มเหลวนั้นเกิดจากประสบการณ์ในร้านค้าไร้พนักงานของจีนซับซ้อนเกินไป เช่น มีการยืนยันตัวตนหลายระดับกว่าที่ลูกค้าจะสามารถชำระเงินค่าสินค้าได้ ซึ่งทำให้ประสบการณ์ที่ลูกค้าได้รับนั้นไม่สะดวกสบายอย่างที่ควรจะเป็น
การรวบรวมข้อมูลและออกมาแบ่งปันถึงประสบการณ์ที่ได้รับจาก Unmanned Store ที่ล้มเหลว จึงอาจเป็นหนทางหนึ่งในการช่วยสตาร์ทอัพภายในประเทศของคนสิงคโปร์ให้สามารถปรับปรุงประสบการณ์ให้ดีขึ้นได้
ประกอบกับข้อมูลจาก ABI Research ที่คาดการณ์ว่า Unmanned Store เป็นธุรกิจที่มีโอกาสขยายตัวได้มากถึง 44,000 แห่งทั่วโลกได้ภายในปี 2023 จากเดิมที่ในปี 2020 นี้มีอยู่เพียง 500 แห่ง จึงน่าสนใจว่าความพยายามของสิงคโปร์ในครั้งนี้อาจเป็นอีกหนึ่งแรงผลักดันให้ Unmanned Store สามารถฟื้นคืนชีพกลับมาได้และเข้ามาให้บริการแก่ชุมชนได้อีกครั้งในวันที่หลายประเทศเริ่มประสบปัญหาขาดแคลนแรงงานในยุค Aging Society นั่นเอง