HomePR Newsบทพิสูจน์ความสำเร็จ “20 ปี สเปเชียลตี้ เนเชอรัล โปรดักส์” พร้อมขึ้นแท่นผู้ผลิตสารสกัดสมุนไพรไทย อันดับ 1 ของอาเซียน [PR]

บทพิสูจน์ความสำเร็จ “20 ปี สเปเชียลตี้ เนเชอรัล โปรดักส์” พร้อมขึ้นแท่นผู้ผลิตสารสกัดสมุนไพรไทย อันดับ 1 ของอาเซียน [PR]

แชร์ :

รศ.ดร.พรรณวิภา และ ดร.ธีรญา กฤษฎาพงษ์_ผู้บริหาร บริษัท สเปเชียลตี้ เนเชอรัล โปรดักส์ จำกัด

บริษัท สเปเชียลตี้ เนเชอรัล โปรดักส์ จำกัด (Specialty Natural Products – SNP) ผู้ผลิตสารสกัดสมุนไพรไทยแห่งแรกในประเทศไทย จัดงานแถลงข่าว 20 ปี สเปเชียลตี้ เนเชอรัล โปรดักส์” บอกเล่าถึงบทพิสูจน์ความสำเร็จตลอด 20 ปี ก้าวสู่ทศวรรษที่ 2 อย่างเต็มภาคภูมิ โดยเตรียมขยายตลาดสมุนไพรไทยในเชิงรุก ด้วยแผนการตลาด B2B พร้อมจับมือพันธมิตร สร้างความแข็งแกร่ง มุ่งยกระดับให้เป็นปัจจัยที่ 5 ร่วมสร้างเสริมสุขภาพ มอบคุณภาพชีวิตที่ดีให้กับผู้บริโภคทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ ขึ้นแท่นผู้ผลิตสารสกัดสมุนไพรไทย อันดับ 1 ของอาเซียน

ADFEST 2024

Santos Or Jaune

รศ.ดร.พรรณวิภา กฤษฎาพงษ์ ประธานบริหาร บริษัท สเปเชียลตี้ เนเชอรัล โปรดักส์ จำกัด กล่าวว่า การสร้างธุรกิจ สเปเชียลตี้ เนเชอรัล โปรดักส์ มีจุดเริ่มต้นมากจากธุรกิจไร่ชาในจังหวัดเชียงใหม่ จวบจนการศึกษาหาความรู้ในด้านเภสัชศาสตร์ และมีความรัก ความหลงใหล ความผูกพันในสมุนไพรไทย ทำให้เกิดความมุ่งมั่น ความตั้งใจในการผลักดันสมุนไพรไทยให้มีคุณภาพและมาตรฐาน เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันกับตลาดโลก จึงทำให้เกิดแนวคิดในการก่อตั้งบริษัทสเปเชียลตี้ เนเชอรัล โปรดักส์ (SNP)  นับตั้งแต่ปี 1999 เป็นต้นมา

รศ.ดร.พรรณวิภา กล่าวต่อไปว่า ตลอด 20 ปีที่ผ่านมา คือบทพิสูจน์ความสำเร็จ ที่น่าภาคภูมิใจ สเปเชียลตี้ เนเชอรัล โปรดักส์ ถือเป็นบริษัทแห่งแรกในประเทศไทยที่ผลิตสารสกัดหัวเชื้อสมุนไพรไทยที่มีการทำมาตรฐาน หรือการทำ standardized ผ่านการรับรองมาตรฐานต่างๆ อาทิ GMP, ISO, HALAL, HACCP ที่ใช้ในวงการแพทย์ ผลิตภัณฑ์ยาสมุนไพรผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร อุตสาหกรรมอาหารและเครื่องสำอาง พร้อมผสมผสานองค์ความรู้ดั้งเดิม หรือภูมิปัญญาของบรรพบุรุษกับพื้นฐานความรู้ด้านวิทยาศาสตร์ที่มีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง และยังตอกย้ำความสำเร็จกับรางวัลมากมาย Prime Minister Herbal Awards, Rice Plus Award, รางวัลชมเชยบริหารอุตสาหกรรมฯ โรงงานสีเขียว Trust Mark และ LEED Gold เป็นต้น ไม่เพียงเท่านั้น ปัจจุบันยังได้มีการจัดจำหน่ายสินค้าทั้งในประเทศ และขยายไปยังต่างประเทศ อาทิ ประเทศในแถบอาเซียน มาเลเซีย อินโดนีเซีย เวียดนาม ฟิลิปปินส์ รวมถึงประเทศในฝั่งยุโรป ทั้งอังกฤษ ฝรั่งเศส อิตาลี และประเทศในแถบทวีปอเมริกา

ผู้บริหารคนเก่งเผยถึงการขยายตลาดเชิงรุกว่า เราได้ตอกย้ำจุดยืน การเป็นบริษัทฯ ผู้ผลิตสารสกัดสมุนไพรไทยแห่งแรกในประเทศ ขยายแนวรุกธุรกิจสมุนไพร โดยชูนวัตกรรมใหม่ สร้างมูลค่าเพิ่มข้าวไทย เพื่อประกาศก้าวสู่ 2 ทศวรรษแห่งความสำเร็จของเรา โดยขยายแนวรุกตลาดสมุนไพรไทย มูลค่ากว่า 3 หมื่นล้านบาท ด้วยแผนการตลาด B2B พร้อมจับมือพันธมิตรสร้างผลิตภัณฑ์สมุนไพรไทย ยกเป็นปัจจัยที่ 5 สร้างคุณภาพชีวิตคนไทย และมีความมั่นใจว่า จะสามารถขึ้นแท่นผู้ผลิตสารสกัดสมุนไพรไทยอันดับ 1 ในอาเซียน อย่างแน่นอน”

“ที่ผ่านมาเราให้ความสำคัญกับการพัฒนาการเพาะปลูกและเข้าไปใกล้ชิดกับกลุ่มเกษตรกร 20 จังหวัดกว่า 192 ครัวเรือนทั่วประเทศไทย โดยเน้นในการกระจายรายได้ที่ยั่งยืนผ่านการเข้าไปให้ความรู้ในการเพาะปลูกและรับซื้อสมุนไพรจากกลุ่มเกษตรกร ในมุมนวัตกรรม บริษัทฯ มีความร่วมมือกับสถาบันวิจัย และ มหาวิทยาลัยต่างๆ เพื่อเพิ่มมูลค่าให้กับวัตถุดิบจากแผ่นดินไทยให้มีประโยชน์สูงสูดกับในเชิงสุขภาพ (human being) โดยเน้นในการพัฒนาสารสกัดในรูปแบบของ Active Ingredients ที่ตอบโจทย์ความต้องการของผู้ป่วย NCDs เช่น Reishield สารสกัดเห็นหลินจือ  และ GuVNis สารสกัดกระชายดำ”

รศ.ดร.พรรณวิภา ยังขยายความถึงแผนการตลาด B2B ว่า บริษัทฯ มีการพัฒนาอย่างไม่หยุดยั้งทั้งในด้านการคิดค้นนวัตกรรม ให้คำปรึกษาแบบครบวงจร และมุ่งหาพันธมิตรเพื่อขยายธุรกิจ มุ่งเน้นพัฒนาผลิตภัณฑ์สมุนไพรออกสู่ตลาดอย่างกว้างขวางยิ่งขึ้น และช่วยให้บริษัทฯ และพันธมิตรสามารถเติบโตได้อย่างยั่งยืนในอนาคต โดยได้เตรียมงบประมาณการตลาดไว้ ประมาณ 30-40% ของงบประมาณรายจ่าย เพื่อนำไปใช้สำหรับการจัดทำแผนการตลาดทั้งในด้านสื่อออนไลน์ และออฟไลน์ เพื่อเป็นการประชาสัมพันธ์ และกระตุ้นการขายสินค้า อีกทั้งเมื่อโลกเปลี่ยนไปสู่ยุคดิจิทัล บริษัทฯ ได้มีการปรับตัวเพื่อครองความเป็น 1 ในตลาด โดยให้ความสำคัญกับระบบการตลาดออนไลน์อย่างมากในการโปรโมทสินค้า และกระจายข่าวสารต่างๆ ทาง Social Media หลากหลายช่องทาง ทั้ง Website, Facebook Fanpage, Youtube Channel และ Instagram  นอกจากนี้ทางบริษัทยังทำ SEO (Search Engine Optimization) เพื่อให้ง่ายต่อการเชิญชวนลูกค้าใหม่ๆ เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของ SNP อีกด้วย

รศ.ดร.พรรณวิภา ยังเปิดเผยถึงพันธมิตรหรือคู่ค้า ที่จับมือร่วมสร้างความแข็งแรงให้กับแบรนด์ผลิตภัณฑ์สมุนไพรไทยด้วยว่า SNP ได้มีการทำวิจัยร่วมกันกับมหาวิทยาลัยต่างๆ ทั้งในภาครัฐและภาคเอกชน เพื่อวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ด้วยนวัตกรรมใหม่ๆ อย่างสม่ำเสมอ เพื่อให้ตรงต่อความต้องการของตลาดให้ได้มากที่สุด และพัฒนามาตรฐานสมุนไพรไทยให้ทัดเทียมในระดับสากล

“อีกหนึ่งความมุ่งมั่น ของบริษัทฯ นั่นคือการ ยกระดับสมุนไพรไทย ให้กลายเป็นปัจจัยที่ 5 เพื่อร่วมสร้างเสริมสุขภาพ มอบคุณภาพชีวิตที่ดีให้กับผู้บริโภคทั้งชาวไทยและต่างชาติ อันเนื่องมาจากกระแสสังคมในปัจจุบัน ผู้คนต่างหันมาสนใจทางด้านสุขภาพ และความงามกันมากขึ้น ทำให้ผลิตภัณฑ์ที่มาจากสมุนไพรไทย ได้รับความสนใจและเป็นที่ต้องการของตลาดมากขึ้น เน้นการทำผลิตภัณฑ์ให้เหมาะกับไลฟ์สไตล์สังคมปัจจุบัน เข้าถึงได้ง่าย ใช้ง่าย เห็นผลจริง สารสกัดสมุนไพรไทย จึงเป็นอีกหนึ่งทางเลือกในการตอบโจทย์ของสังคมในยุค 4.0 โดยคาดว่า ปี 2563 ความเติบโตทางการตลาดจะเพิ่มเป็น 20-30% เนื่องจากเป็นกระแสความนิยมของโลกที่กลับมาให้ความสำคัญกับธรรมชาติ ความปลอดภัย และ Local goodness ซึ่งเป็นจุดเด่นที่แข็งแกร่งของประเทศไทย ดังที่ทราบว่าประเทศไทยถือเป็น Kitchen of the world ในเรื่องของพืชเกษตรและสมุนไพร”

“สำหรับเป้าหมายของ SNP ในอีก 3-5 ปีข้างหน้า คือการเป็นอันดับ 1 ในการผลิต สารสกัดสมุนไพรไทยเพื่อสุขภาพและความงาม ที่สามารถเพิ่มมูลค่าของสมุนไพรตั้งแต่การเพาะปลูก ของภูมิภาคเอเชีย SNP มุ่งหวังที่จะเติบโตอย่างยั่งยืนกับพันธมิตร ทั้งในและต่างประเทศ ซึ่งในต่างประเทศ SNP ได้แต่งตั้งบริษัทผู้เป็นตัวแทนในการส่งมอบสินค้าให้กับลูกค้าในประเทศต่างๆ เช่น ฝรั่งเศส เยอรมนี สวิตเซอร์แลนด์ ญี่ปุ่น จีน มาเลเซีย ฮ่องกง อินเดีย และรัสเซีย”

ด้าน ดร.ธีรญา กฤษฎาพงษ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท สเปเชียลตี้ เนเชอรัล โปรดักส์ จำกัด อีกหนึ่งผู้บริหารคนสำคัญ ได้ร่วมชี้ถึงจุดเด่นของ SNP ให้ฟังว่า หัวใจ 4 ห้องของ SNP ประกอบไปด้วย 1. จิตวิญญาณในสมุนไพรของผู้บริหาร (Passion) 2. ความมีน้ำใจ จริงใจที่พร้อมเปิดรับสิ่งใหม่ในวัฒนธรรมองค์กร 3. วิทยาศาสตร์และความคิดสร้างสรรค์ที่เสริมสร้างนวัตกรรม และ  4. เราเป็นบริษัทในประเทศไทยที่ซึ่งอุดมสมบูรณ์ในทรัพยากรธรรมชาติ

“SNP เป็นบริษัทที่มีความหลายหลากในผลิตภัณฑ์ โดยแบ่งเป็นกลุ่มหลักๆ ได้ 3 ประเภท อาทิ เช่น กลุ่ม Extract Powder สำหรับใช้ในกลุ่มผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร, เครื่องดื่ม ยาแผนโบราณ, กลุ่ม Extract Liquid สำหรับผลิตภัณฑ์เครื่องสำอาง และกลุ่ม Semi cosmetic base เช่น concentrate shampoo ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์กึ่งสำเร็จรูปที่ลูกค้าเพียงแค่เติมส่วนผสมอื่น คือส่วนสารสำคัญ ก็สามารถนำไปใช้จำหน่ายได้  ซึ่งโดยรวมแล้วปัจจุบันมีผลิตภัณฑ์มากกว่า 300 รายการ โดยมุ่งเน้นสินค้าที่พิสูจน์ว่ามีประสิทธิภาพที่ดีจริง และอยู่ในรูปแบบของ standardize extract with clinical study ต่อมาคือ Thai Herbal Local Goodness to the world โดยพัฒนาอย่างใกล้ชิดกับกลุ่มเกษตรกร และนักวิจัย รวมไปถึง Innovation and product differentiation to fulfill markets’ needs นั่นคือ การไม่หยุดที่จะพัฒนาสินค้าอย่างสร้างสรรค์ และ ตอบโจทย์ความต้องการของตลาด”

ดร.ธีรญา กล่าวต่อไปว่า ที่ผ่านมาบริษัทฯ ได้มีส่วนร่วมสร้าง กระตุ้น หรือหนุนเสริมเศรษฐกิจไทยโดยได้ส่งเสริมและให้ความรู้กับเกษตรกร ทั้งในการเตรียมพื้นที่เพาะปลูก ใน 20 จังหวัดทั่วประเทศไทย คิดเป็นมูลค่ากว่า 30.5 ล้านบาท กระจายรายได้จากการรับซื้อสมุนไพรไทยในช่วงสองปีที่ผ่านมา  การเก็บเกี่ยวผลผลิตและยังช่วยผลักดัน สมุนไพรไทยให้เป็นที่รู้จักในวงกว้าง เป็นที่ยอมรับทั้งตลาดในประเทศ และต่างประเทศ รวมถึงการเพิ่มมูลค่าให้กับผลิตภัณฑ์สารสกัดสมุนไพรให้มากยิ่งขึ้น ในอนาคต SNP จะมุ่งเน้นและเพิ่มพื้นที่การเพาะปลูกในอนาคต โดยเฉพาะในจังหวัดที่ต้องการพัฒนา เราเป็นส่วนเล็กๆ ที่ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ แต่เราภูมิใจที่เราสามารถทำมาได้อย่างต่อเนื่องในช่วงเวลา 20 ปีที่ผ่านมาอย่างยั่งยืน

“ผลิตภัณฑ์ที่เป็นจุดเด่นของ SNP คือผลิตภัณฑ์จากข้าว เนื่องจากเรามีนวัตกรรมที่ปลอดภัย และมีประสิทธิภาพ อีกทั้งมาจากการเพิ่มมูลค่าของข้าวไทย โดยนำข้าวซึ่งเป็นพืชเศรษฐกิจสำคัญของไทยที่มีการส่งออกไปทั่วโลก แต่ปัจจุบันกำลังเผชิญกับความท้าทายทางด้านราคาที่สูงกว่าคู่แข่ง ดังนั้นการต่อยอดให้กับข้าวไทยเพื่อสร้างมูลค่าเพิ่ม จึงเป็นทางเลือกที่จะทำให้ข้าวไทยมีจุดแข็งในการสร้างความแตกต่าง และเพิ่มโอกาสการส่งออกท่ามกลางการแข่งขันในตลาดโลกที่รุนแรง โดยบริษัทฯ ได้พัฒนาสินค้านวัตกรรมจากข้าวออกมา 3 ตัว ได้แก่ Ricocoside สารลดแรงตึงผิวจากธรรมชาติ เป็นส่วนประกอบในผลิตภัณฑ์ชำระล้าง อาทิ แชมพู สบู่ โฟมล้างหน้า ให้ความอ่อนโยน ไม่ระคายเคือง และไม่ทำลายสิ่งแวดล้อม Ricallus สารสกัด สเต็มเซลล์จากข้าวไทย ซึ่งเป็นนวัตกรรมใหม่ในการเพาะเลี้ยงสเต็มเซลล์โดยใช้ข้าวเป็นวัตถุดิบ มีคุณสมบัติชะลอความชรา ต้านอนุมูลอิสระ สามารถนำเป็นสารประกอบในเครื่องสำอางได้ และ MoistuRice สารให้ความชุ่มชื้นที่ได้จากกระบวนการหมักข้าวด้วยจุลินทรีย์ มีคุณสมบัติเพิ่มประสิทธิภาพให้สารกันเสีย ช่วยลดการใช้สารกันเสียในเครื่องสำอางต่างๆ ได้”

“สำหรับผลิตภัณฑ์ล่าสุดมีการคิดค้นมาเพื่อตอบโจทย์ผู้บริโภค สิ่งสำคัญในการคิดค้นนวัตกรรม ของเรา คือ ความต้องการของตลาด Trends, เห็นผลจริงมีประสิทธิภาพ Solve problems และ สร้างมูลค่าและทำได้อย่างยั่งยืน Sustainability ด้วยเหตุนี้เอง เราจึงเปิดตัวผลิตภัณฑ์ EXCUILAR (Extract Cuisine Molecular) คือนวัตกรรมนิยามใหม่ แห่งวงการอาหาร โดยการรังสรรค์อาหารผสมผสานสารสกัดสมุนไพรไทยมาตรฐานให้เข้ากับเมนูอาหารได้อย่างลงตัว เพื่อชูเอกลักษณ์อันโดดเด่นให้เป็นเมนูเพื่อสุขภาพอย่างแท้จริง อีกทั้งยังคงรสชาติดั้งเดิม และได้ประโยชน์สูงสุดจากสารสกัดมาตรฐาน จึงเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ตอบโจทย์ ไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่ ที่ให้ความสำคัญด้านสุขภาพกับตัวเอง และครอบครัว “EXCUILAR, the next healthy lifestyle” ดร.ธีรญา กล่าวทิ้งท้าย

และทั้งหมดนี้ คือ บทพิสูจน์ความสำเร็จ “20 ปี สเปเชียลตี้ เนเชอรัล โปรดักส์” และก้าวต่อไปสู่การขึ้นแท่นผู้ผลิตสารสกัดสมุนไพรไทยอันดับ 1 ในอาเซียน


แชร์ :

You may also like