เอชเอสบีซี มีแผนปรับลดพนักงานลง 35,000 รายทั่วโลกภายใน 3 ปีนับจากนี้เพื่อลดภาระค่าใช้จ่ายลง หลังจากธนาคารมีกำไรลดลงถึง 33% โดยผลประกอบการ(ก่อนหักภาษี) ในปี 2019 ของ HSBC อยู่ที่ 13.35 พันล้านเหรียญสหรัฐ เมื่อเทียบกับผลประกอบการ ปี 2018 ที่มีรายได้ 19.89 พันล้านเหรียญ ทำให้ทางธนาคารมีแผนปรับลดพนักงานที่มีอยู่ทั่วโลก 235,000 ราย ให้เหลือ 200,000 รายภายในปี 2022
เหตุผลที่ HSBC มีรายได้ลดลง มาจากสงครามการค้า การประท้วงในฮ่องกง ต่อเนื่องมาจนถึงการแพร่ระบาดของ ไวรัส Covid-19 นั่นทำให้รายได้ของ HSBC ในเอเชียซึ่งเป็นรายได้หลักหดหายไปในปี 2020 จน Noel Quinn ที่ดำรงตำแหน่ง Director of HSBC Holdings ตั้งแต่เดือนสิงหาคม 2019 ต้องประกาศว่าจะต้องลดจำนวนแรงงานลง 15% ภายในปี 2022 และเป็นการปรับโครงสร้างครั้งใหญ่ที่สุดครั้งหนึ่งในประวัติศาสตร์ของ HSBC เลยทีเดียว
ปัจจุบัน HSBC ดำเนินงานอยู่ใน 64 ประเทศ การปรับลดคนในครั้งนี้น่าจะส่งผลกระทบกับพนักงานในสำนักงานใหญ่ที่ลอนดอน ประเทศอังกฤษซึ่งมีพนักงานจำนวน 40,000 คน ทางสหภาพแรงงานจึงมีแผนที่จะพูดคุยกับผู้บริหารในเรื่องนี้ต่อไป
การลดจำนวนพนักงานในอังกฤษ เป็นส่วนหนึ่งของแผนปรับโครงสร้างในยุโรปที่มีเป้าหมายลดคนลง 25% ส่วนที่สหรัฐอเมริกาก็มีแผนลดจำนวนสาขาลง 1 ใน 3 จากจำนวนสาขาทั้งสิ้น 224 แห่ง โดยทางธนาคารเชื่อว่าเทคโนโลยีและการบริหารจัดการออโตเมชันทั้งหลายจะเข้ามาแทนที่แรงงานเหล่านี้ได้ นอกเหนือจากลดแรงงานคนแล้วยังมีแผนจะขายทรัพย์สินให้ได้อีก 1 แสนล้านเหรียญภายในปี 2022