ออกมาแถลงกลยุทธ์กันรัว ๆ เลยทีเดียว สำหรับเอไอเอสที่ล่าสุดเปิดตัวบริการ 5G แล้วอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 2 มีนาคมที่ผ่านมา แถมยังเป็นนรายแรกของภูมิภาคอาเซียนด้วย โดยในการแถลงข่าว ผู้บริหารของเอไอเอสอย่างคุณปรัธนา ลีลพนัง หัวหน้าคณะผู้บริหารกลุ่มลูกค้าทั่วไปบริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) เผยว่า ผู้ที่ใช้บริการของเอไอเอส หากตัวเครื่องสามารถรองรับ 5G ได้แล้ว จะสามารถเริ่มใช้บริการได้ในย่านใจกลางเมือง ทั้งในกรุงเทพฯ และหัวเมืองใหญ่ทั่วประเทศได้เลยทันที แถมเป็นการให้ทดลองใช้ฟรี ไม่มีค่าใช้จ่ายใด ๆ
โดยในเขตกรุงเทพฯ พื้นที่ที่สามารถใช้งานเครือข่าย 5G ได้พบว่า เป็นการปูพรมในจุดสำคัญใจกลางเมือง เช่น ห้างเซ็นทรัลเวิลด์, สยามพารากอน, สยามเซ็นเตอร์ และสยามดิสคัฟเวอรี่ รวมถึงพื้นที่ที่มีความสำคัญต่อเศรษฐกิจอย่างชิดลม, นานา, อโศก, สุขุมวิท, สีลม, สาทร, สามย่าน, อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ, จตุจักร, อารีย์ ฯลฯ
ส่วนพื้นที่ในต่างจังหวัด พบว่าเริ่มมีการให้บริการ 5G แล้วในจุดสำคัญ 5 แห่ง ได้แก่ ประตูท่าแพ จังหวัดเชียงใหม่, ลานย่าโม จังหวัดนครราชสีมา, พระปฐมเจดีย์ จังหวัดนครปฐม, แหลมบาลีฮาย จังหวัดชลบุรี และสุดท้ายที่ วงเวียนสุรินทร์ และวงเวียนท้าวเทพกษัตรี ท้าวศรีสุนทร จังหวัดภูเก็ต
โดยทั้งหมดนี้ ทางเอไอเอสใช้ SMS เป็นช่องทางหลักในการสื่อสารกับลูกค้า เริ่มตั้งแต่การกด *987# (โทรออก) เพื่อตรวจสอบว่าตัวเครื่องและซิมสามารถรองรับบริการดังกล่าวได้หรือไม่ ซึ่งหากเครื่องและซิมสามารถใช้งาน 5G ได้ จะได้รับ SMS แจ้งว่าสามารถเปิดใช้บริการ 5G ได้ด้วยการกด *212955 (โทรออก) จากนั้น ทางค่ายจะเปิดให้ทดลองใช้สัญญาณ 5G แบบ Unlimited กันได้เลย (เฉพาะแพกเกจ Unlimited Max Speed)
ส่วนลูกค้าจากแคมเปญ AIS Hot Deal และ AIS Best Buy ก็เป็นอีกหนึ่งกลุ่มที่สามารถใช้งานสัญญาณ 5G กันได้ฟรี ๆ เดือนละ 10GB ต่อเนื่องจนถึง 30 มิถุนายน ส่วนถ้าเป็นลูกค้าแคมเปญอื่น ๆ ของเอไอเอสก็สามารถกดรับสิทธิได้เช่นกัน โดยจะมีสิทธิใช้งานสัญญาณ 5G ได้ 10GB และมีระยะเวลาในการใช้งานที่ 30 วัน (ถ้าอยากใช้งานต่อต้องเปลี่ยนแพกเกจ)
สำหรับใครที่สมาร์ทโฟนยังไม่รองรับ แต่อยากทดลองใช้ ทางเอไอเอสก็เผยว่า ปัจจุบัน ประเทศไทยมีสมาร์ทโฟนที่รองรับ 5G วางจำหน่ายในท้องตลาดแล้ว 2 รุ่นได้แก่ Huawei Mate30Pro และ Samsung S20 Ultra 5G (ยังมี Oppo Find X2 ที่กำลังจะเปิดตัวเร็ว ๆ นี้ด้วย) แต่ถ้าทั้ง 3 รุ่นนี้ยังไม่โดนใจ ผู้บริหารเอไอเอสบอกว่า ในปี 2020 คาดว่าจะมีสมาร์ทโฟนที่รองรับ 5G ได้เปิดตัวออกมาอีกราว 28 รุ่นเลยทีเดียว
ป่าล้อมเมือง จากคอนซูเมอร์สู่เอนเทอร์ไพรส์
อย่างไรก็ดี การนำ 5G มาใช้งานในกลุ่มคอนซูเมอร์อาจเป็นตัวจุดกระแสให้เอไอเอสในช่วงเริ่มต้น แต่ในทางปฏิบัติ การต่อยอดไปสู่ภาคอุตสาหกรรม และการใช้งานในเชิงธุรกิจต่างหากคือหนทางที่จะทำให้ผู้ให้บริการโทรคมนาคม “เติบโต” ได้ในระยะยาว ซึ่งเอไอเอสเผยถึงแผนการในส่วนนี้ว่า บริษัทมีการจับมือกับภาคอุตสาหกรรมต่าง ๆ มาสักระยะแล้ว ไม่ว่าจะเป็น SCG, ท่าเรือฮัทชิสันพอร์ต หรือสนามบินอู่ตะเภา
โดยอุตสาหกรรมที่เอไอเอสมองว่ามีความต้องการสัญญาณ 5G ในอนาคตอันใกล้คือ ภาคการผลิต เช่น กรณีของ SCG ที่ต้องการ 5G ไปใช้ในการควบคุมเครื่องจักรจากระยะไกลในการระเบิดหินในเหมือง หรือใช้ควบคุมเครื่องจักรในเตาเผาปูน เพื่อลดความเสี่ยงของพนักงาน ฯลฯ
ต่อมาคือภาคการเกษตรกับการใช้ 5G ควบคุมฟาร์มขนาดใหญ่ และภาคโลจิสติกส์ กับการ Track การเดินทางของรถบรรทุกในการขนส่งสินค้า หรือใช้ควบคุมสัญญาณไฟจราจร ฯลฯ ซึ่งเพื่อให้การใช้งาน 5G พร้อมมากขึ้น ทางเอไอเอสเผยว่ามีแผนจะจำหน่ายอุปกรณ์ IoT เพื่อใช้ในภาคอุตสาหกรรมเหล่านั้นด้วย
แต่สิ่งหนึ่งที่ต้องยอมรับก็คือ การใช้งาน 5G เพื่อตอบโจทย์ภาคอุตสาหกรรมของไทยยังอยู่ในยุคเริ่มต้น ไม่ต่างจากการใช้งานของกลุ่มคอนซูเมอร์ ที่ปัจจุบันตัวเครื่องในท้องตลาดยังมีไม่หลากหลาย และราคาของตัวเครื่องก็ยังสูงอยู่มาก แถมความท้าทายนี้ไม่ได้เกิดเฉพาะในประเทศไทย แต่ประเทศอื่น ๆ ทั่วโลกก็ต้องเผชิญไม่ต่างกัน
ดังนั้น สิ่งที่ผู้ให้บริการโทรคมนาคมที่มีคลื่นในมือสามารถทำได้ในขณะนี้จึงอาจเป็นการสั่งสมประสบการณ์ และสร้างเคสในการใช้งาน 5G ที่ประสบความสำเร็จเอาไว้ให้มาก ๆ เพื่อในวันหนึ่งที่ภาคอุตสาหกรรมมีความพร้อมมากพอ ผู้ให้บริการโทรคมนาคมจะได้สามารถเข้าไปสนับสนุนการเติบโตนั้น ๆ ได้อย่างแท้จริง