LPP เดินหน้าตามแผนปฏิบัติการส่งทีมฉุกเฉินปิดสำนักงานนิติบุคคลอาคารชุดโครงการลุมพีนี พาร์ค พระราม 9-รัชดา หลังพบเจ้าหน้าที่นิติบุคคลอาคารชุดของโครงการมีอาการไข้สูงและต่อมาแพทย์ยืนยันผลการตรวจว่าติดเชื้อโคโรนาไวรัสสายพันธ์ใหม่ 2019 (โควิด-19) เข้าสู่กระบวนการ Big Cleaning และปิดใช้งานเป็นเวลา 7 วัน เพื่อความปลอดภัยของเจ้าของร่วมและทีมงาน
นางสาวสมศรี เตชะไกรศรี กรรมการผู้จัดการ บริษัท ลุมพีนี พรอพเพอร์ตี้ มาเนจเมนท์ จำกัด (LPP) บริษัทบริหารจัดการชุมชนในเครือ บริษัท แอล.พี.เอ็น.ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า เมื่อวันที่ 15 มีนาคม 2563 เจ้าหน้าที่ดูแลนิติบุคคลอาคารชุดโครงการลุมพีนี พาร์ค พระราม 9-รัชดา มีอาการไข้สูง ได้เดินทางไปพบแพทย์ ซึ่งต่อมาแพทย์ได้ยืนยันผลการตรวจว่าพนักงานคนดังกล่าวติดเชื้อไวรัสโควิด-19 และได้แจ้งผลมายังบริษัท ทางบริษัทได้ดำเนินการตามแผนฉุกเฉินที่ได้มีการวางไว้ก่อนหน้าทันที โดยให้พนักงานคนดังกล่าวเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาล พร้อมกับได้แจ้งเรื่องตามกระบวนการถึงกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข เพื่อเข้าสู่กระบวนการสืบสวนหาสาเหตุของการติดเชื้อของพนักงานตามเส้นทางย้อนหลัง 7 วัน ตามมาตรฐานของกระทรวงสาธารณสุข
ในขณะเดียวกันบริษัทได้ดำเนินการตามแผนปฏิบัติการฉุกเฉินโดยแจ้งเรื่องดังกล่าวให้กับคณะกรรมการนิติบุคคลอาคารชุดและเจ้าของร่วมของโครงการดังกล่าวให้ทราบข้อมูลที่เกิดขึ้น พร้อมดำเนินการปิดสำนักงานนิติบุคคลอาคารชุด และพื้นที่ส่วนกลางเป็นเวลา 7 วัน และจัดส่งพนักงานเข้าทำความสะอาดพื้นที่ทั้งหมดของโครงการและโครงการข้างเคียงอีก 2 โครงการ คือ โครงการลุมพีนี เพลส พระราม 9-รัชดา (AB) และโครงการลุมพีนี เพลส พระราม 9-รัชดา (CD) เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ในพื้นที่ดังกล่าว รวมทั้ง ได้แจ้งทีมงานที่เกี่ยวข้องที่ได้มีการสัมผัสใกล้ชิดกับพนักงานคนดังกล่าวในช่วง 7 วันที่ผ่านมา เพื่อให้ทีมงานฝ้าระวังอาการภายใต้หลักเกณฑ์ 14 วัน เป็นส่วนหนึ่งของการป้องกันการแพร่กระจายของเชื้อไวรัสโควิด-19 ถ้าพบว่ามีอาการเข้าข่ายติดเชื้อ อาทิ มีอุณหภูมิสูงเกิน 37.5 องศาเซลเซียล มีอาการไอ จาม หายใจเหนื่อยหอบ ให้ไปดำเนินการพบแพทย์เพื่อตรวจวินิจฉัยโรคในทันที
“ทันทีที่เราทราบเรื่องเราดำเนินการทุกมาตรการอย่างเข้มงวดเพื่อลดความเสี่ยงในการติดเชื้อและการระบาดของไวรัสโควิด-19 ในโครงการดังกล่าว พร้อมกับทำงานตามแนวทางของกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุขในการดูแลและเฝ้าติดตามผู้สัมผัสและผู้ใกล้ชิดกับผู้ป่วย เพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการเฝ้าระวังการระบาด ซึ่งเราถือเป็นหน้าที่และความรับผิดชอบของเราต่อชุมชนที่เราดูแลและสังคมส่วนรวม” นางสาวสมศรี กล่าว
LPP ให้ความสำคัญกับการวางมาตรการดูแลชุมชนที่บริหารจัดการอยู่อีกมากกว่า 180 ชุมชน ให้ปลอดจากการแพร่ระบาดของไวรัส โควิด-19 ด้วยแผนปฏิบัติการที่พร้อมรับกับสถานการณ์ฉุกเฉินอย่างต่อเนื่อง โดยมีทีมฉุกเฉินที่พร้อมปฏิบัติการเข้าไปในพื้นที่ที่พบผู้ป่วยทันทีภายใน 2 ชั่วโมง โดยดำเนินการส่งตัวผู้ป่วยให้กับทางโรงพยาบาล และดำเนินการปิดพื้นที่เสี่ยงในโครงการทันที เพื่อดำเนินการทำความสะอาดและฆ่าเชื้อในจุดเสี่ยง
“ทีมฉุกเฉินเป็นทีมที่ตั้งขึ้นมาเพื่อปฏิบัติการดูแลชุมชนทุกชุมชนโดยมีมาตรการเบื้องต้นเมื่อพบผู้ป่วย คือ เป็นม้าเร็วเข้าไปในพื้นที่เสี่ยงทันทีภายใน 2 ชั่วโมง และดำเนินการปิดพื้นที่เสี่ยงตามมาตรการของบริษัทที่ได้รับการแนะนำจากกระทรวงสาธารณสุข โดยเราปิดพื้นที่เสี่ยง 7 วันนับจากวันที่ตรวจพบผู้ป่วย เพื่อทำความสะอาดและฆ่าเชื้อในพื้นที่ดังกล่าว จากนั้นเพื่อป้องกันและลดความเสี่ยงของเจ้าของร่วมและผู้พักอาศัย เราจะเปิดดำเนินการให้บริการบางส่วนในวันที่ 8-14 นับจากวันที่พบผู้ติดเชื้อ เราจะตรวจสอบความพร้อมเพื่อป้องกันปัจจัยเสี่ยงและเปิดพื้นที่ให้บริการเต็มรูปแบบในวันที่ 15 นับจากวันที่พบผู้ติดเชื้อ ซึ่งแผนดังกล่าวจะมีการปรับเปลี่ยนอย่างต่อเนื่องเพื่อให้เหมาะสมกับสถานการณ์” นางสาวสมศรี กล่าว
นอกจากนี้ LPP ได้กำหนดมาตรการดูแลชุมชนภายใต้สถานการณ์ที่ไม่ปกติจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ตามคำแนะนำของกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข กล่าวคือ จัดให้มีจุดคัดกรองคนเข้า-ออกอาคารที่ต้องมีการตรวจวัดอุณหภูมิ และมีการติดตามอาการอย่างใกล้ชิด ถ้าพนักงาน เจ้าของร่วม และผู้พักอาศัย ยังคงมีไข้สูงต่อเนื่องติดต่อกันหลายวัน ทีมงานจะแนะนำให้เข้ารับการรักษาจากแพทย์ เพื่อตรวจสอบอาการ และเป็นแนวทางการป้องกันการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ในเบื้องต้น การทำความสะอาดจุดสัมผัสทุกจุด เช่น ประตูทางเข้า-ออก ลิฟต์ทุก 45-60 นาที เพื่อลดความเสี่ยงจากการแพร่ระบาดของเชื้อโรคดังกล่าว การบริหารจัดการลิฟต์ไม่ให้มีความแออัดด้วยการตีตารางและกำหนดจำนวนคนในการใช้ลิฟต์ รวมทั้ง การให้ความรู้กับพนักงาน เจ้าของร่วม และผู้พักอาศัย ในการปฏิบัติตัวเพื่อให้ปลอดจากเชื้อไวรัสโควิด-19 เป็นต้น
“เราไม่นิ่งนอนใจกับสถานการณ์ที่ไม่ปกติของการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 และเราให้ความสำคัญกับทุกมาตรการที่มีส่วนในการช่วยลดการแพร่ระบาดของเชื้อดังกล่าว ทุกมาตรการที่ออกมาเราได้รับความร่วมมือจากคณะกรรมการนิติบุคคลอาคารชุด เจ้าของร่วม และผู้อยู่อาศัย ในทุกโครงการ และได้รับการสนับสนุนด้านมาตรการต่างๆ จากระทรวงสาธารณสุข ทำให้เรามั่นใจว่า ด้วยนโยบาย “ร่วมใจ ห่วงใย แบ่งปัน” จะทำให้เราสามารถบริหารจัดการสถานการณ์ที่เกิดขึ้นได้และสร้างความมั่นใจให้กับเจ้าของร่วมของทุกชุมชนที่เราบริหารอยู่ว่า เราสามารถที่จะดูแลทุกชุมชนให้ผ่านช่วงเวลานี้ไปได้ด้วยกัน เพื่อให้ทุกชุมชนคงความเป็น “ชุมชนน่าอยู่” ต่อไป” นางสาวสมศรี กล่าว