นอกจากซอมบี้ที่เตรียมมาเขย่าขวัญกันในซีรีส์ Kingdom Season 2 คู่แข่งของ Netflix ก็น่าจะถูกเขย่าขวัญกันไปพร้อม ๆ กัน กับการออกมาประกาศเปิดตัวแพกเกจราคาใหม่ของ Netflix แค่ 99 บาทต่อเดือน โดยสามารถใช้งานได้เฉพาะบนสมาร์ทโฟนหรือแท็บเล็ตเท่านั้น
คุณแพทริค เฟลมมิ่ง (Patrick Flemming) ผู้อำนวยการฝ่ายนวัตกรรมผลิตภัณฑ์ของ Netflix สหรัฐอเมริกาเปิดเผยถึงแพกเกจดังกล่าวว่า มาจาก Data ที่ Netflix พบว่า 70% ของชาวไทยใช้สมาร์ทโฟน และ 89% เลือกที่จะรับชมซีรีส์ต่าง ๆ ผ่านบริการสตรีมมิ่งเป็นหลัก นอกจากนั้น ในส่วนของลูกค้า Netflix ในไทย ก็พบว่ามีการรับชมภาพยนตร์และซีรีส์ผ่านหน้าจอสมาร์ทโฟนในอัตราส่วนที่มากกว่าค่าเฉลี่ยของโลกถึง 2 เท่า
แต่หากมองไปที่แพกเกจของ Netflix ก่อนหน้า อาจพบว่ายังไม่มีบริการที่ออกมารองรับความพิเศษนี้โดยตรง (แพกเกจเดิมประกอบด้วย ตัวพื้นฐานราคา 279 บาทต่อเดือน, แพกเกจมาตรฐาน 349 บาทต่อเดือน และแพกเกจพรีเมียม 419 บาทต่อเดือน) ด้วยเหตุนี้ หากมีแพกเกจที่เปิดมาเพื่อรองรับสมาร์ทโฟนหรือแท็บเล็ตโดยเฉพาะเพิ่มเข้ามาก็น่าจะจับกลุ่มผู้ใช้สมาร์ทโฟนที่สนใจอยากใช้บริการ Netflix ได้เพิ่มขึ้น
อย่างไรก็ดี ไม่เฉพาะในไทยที่มีการเปิดตัวแพกเกจดังกล่าว เพราะประเทศเพื่อนบ้านในแถบเอเชียอย่างอินเดีย ฟิลิปปินส์ มาเลเซีย ก็มีการเปิดตัวแพกเกจนี้เช่นกัน หรืออาจกล่าวได้ว่า แพกเกจดังกล่าวจัดมาเพื่อประเทศที่เป็นกลุ่ม Mobile-First โดยเฉพาะ
โชว์ฟีเจอร์ใหม่ Smart Download
ส่วนความพิเศษที่เพิ่มขึ้นมาในปีนี้คือฟีเจอร์ชื่อ Smart Download ที่ Netflix พบว่า คนไทย 1 ใน 3 นิยมดาวน์โหลดภาพยนตร์ของ Netflix มาไว้ในเครื่องเพื่อรับชมระหว่างเดินทาง โดยฟีเจอร์ Smart Download จะเข้ามาช่วยดาวน์โหลดภาพยนตร์หรือซีรีส์ให้ล่วงหน้าจะได้รับชมได้ไม่ขาดตอน เช่น หากระบบทราบว่าเราโหลดอีแทวอนคลาส EP 10 มาดู ก็จะเตรียมโหลด EP 11 มาเตรียมเอาไว้ให้เป็นต้น
ส่วนใครที่กังวลเรื่องขนาดของข้อมูลว่าจะใหญ่จนทำให้แพกเกจอินเทอร์เน็ตที่มีถูกใช้อย่างไม่คุ้มค่า Netflix บอกว่า ได้มีการปรับปรุงวิธีการบีบอัดข้อมูลให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น พร้อมยกตัวอย่างบริการในอดีต (ปี 2011) ที่ข้อมูลขนาด 1GB อาจสามารถดาวน์โหลดภาพยนตร์ได้ที่ความยาว 1.5 ชั่วโมง แต่ปัจจุบัน (ปี 2020) ข้อมูลขนาด 1GB สามารถดาวน์โหลดภาพยนตร์ได้มากถึง 6.5 ชั่วโมง หรือที่คุณแพทริกเปรียบเทียบว่า สามารถดาวน์โหลดซีรีย์ Stranger Things มาได้ทั้งซีซั่นเลยทีเดียว
อย่างไรก็ดี ข้อจำกัดของแพกเกจนี้ก็คือ ใช้งานได้เฉพาะบนสมาร์ทโฟนและแท็บเล็ตเท่านั้น (รองรับสูงสุด 5 โปรไฟล์) และสามารถเปิดใช้งานได้เพียง 1 หน้าจอต่อครั้ง รวมถึงไม่สามารถเชื่อมต่อ Chromecast เพื่อยิงขึ้นหน้าจอดิจิทัลอื่น ๆ ได้แต่อย่างใด
จ่ายตังค์ก็ยังเข้าใจ เปิดตัว Netflix Card เอาใจคนไม่มีบัตรเครดิต
ส่วนรูปแบบการชำระเงินนั้น Netflix บอกว่า นอกจากจ่ายผ่านบัตรเดบิต – บัตรเครดิต – วอลเล็ตต่าง ๆ แล้ว ยังมีการเปิดตัวบัตรเติมเงินชื่อ Netflix Card ซึ่งวางจำหน่ายตามร้าน 7-11, Family Mart และร้านสะดวกซื้ออื่น ๆ เพื่อเป็นทางเลือกสำหรับคนที่ไม่มีบัตรเครดิตด้วย โดยมีราคาให้เลือก 3 แบบ นั่นคือ 500, 1,000 และ 1,500 บาท
ทั้งหมดนี้ สะท้อนได้ว่า แพกเกจใหม่ 99 บาทต่อเดือนจึงน่าจะเป็นหนึ่งในไม้ตายที่ Netflix ดึงมาใช้ได้อย่างถูกจังหวะ และทำให้สมรภูมิวิดีโอออนไลน์แบบไม่มีโฆษณาคั่นร้อนแรงขึ้นมาอีกครั้งหนึ่งเลยทีเดียว