การประกาศความร่วมมือกันของ 2 บริษัทใหญ่ในภูมิภาคตะวันออกเฉียงใต้ อย่าง “กลุ่มโรงพยาบาลสมิติเวช” ในเครือกรุงเทพดุสิตเวชการ กับ “แกร็บ” (Grab) ซูเปอร์แอพพลิเคชั่น ในการทำแคมเปญใหญ่ร่วมกันภายใต้กรอบแนวคิด “เราไม่อยากให้ใครป่วยและอยากให้มีสุขภาพที่ดีด้วยความเข้าใจอย่างลึกซึ้ง” ความน่าสนใจอยู่ตรงที่ว่า นี่ถือเป็นแคมเปญครั้งแรกในวงการสุขภาพของไทย ที่นำเรื่องของบริการดูแลสุขภาพไปผนวกเป็นส่วนหนึ่งอยู่ใน Food Delivery Platform ได้อย่างไร้รอยต่อ สอดรับกับเทรนด์พฤติกรรมของผู้บริโภคในยุค 4.0 ที่มีไลฟ์สไตล์ผูกติดไปกับแอพพลิเคชั่น โดยมีคาดหวังให้เทคโนโลยีช่วยให้การใช้ชีวิตทุกอย่างง่ายขึ้น
ก่อนเจาะลึกถึงโอกาสทางธุรกิจที่จะเกิดขึ้นจากการต่อยอดร่วมมือกันให้บริการในครั้งนี้ ลองไปดูกันก่อนว่าทั้งสองบริษัทใหญ่ที่ต่างอุตสาหกรรมกันอย่างสิ้นเชิงนี้ ผสานการร่วมมือในมิติใดบ้าง
มิติแรกคือ ให้ส่วนลดลูกค้าแกร็บที่เข้ามาใช้บริการที่โรงพยาบาลสมิติเวช โดยสามารถนำคะแนนใน Grab Rewards มาใช้เป็นส่วนลดในการเข้ารับบริการภายในโรงพยาบาลสมิติเวชได้มากถึง 10% (เฉพาะค่ายา ค่าตรวจทางห้องปฎิบัติการบางรายการ และค่าฉายรังสี โดยยกเว้นค่ายา ค่าตรวจทางห้องปฏิบัติการ และค่าฉายรังสีบางรายการ)
มิติที่สอง ให้บริการปรึกษาด้านสุขภาพ โดยเน้นไปที่เรื่องอาหาร ซึ่งถือเป็นหลักต้นทางเบื้องต้น ของการดูแลสุขภาพร่างกาย ผ่านบริการพิเศษ “หมอ [สมิติเวชช่วย] ดูเมนูเสริม (ดวง) สุขภาพ” ซึ่งเป็นการให้คำแนะนำ เกี่ยวกับเมนูอาหารที่เหมาะกับสุขภาพจากคุณหมอโรงพยาบาลสมิติเวช โดยสามารถเข้ามาใช้บริการข้อคำแนะนำนี้ได้ผ่าน 2 ช่องทางหลักๆ คือ ไลน์ @samitivej และทางแอพพลิเคชันแกร็บ
ซึ่งตัวอย่างของเมนูอาหารที่โรงพยาบาลสมิติเวชได้ทำขึ้นมาเพื่อตอบโจทย์คนรักสุขภาพที่น่าสนใจ เช่น เมนูเสริมดวงสุขภาพ สำหรับคนให้ความสำคัญสุขภาพ, เมนูเสริมโหงวเฮ้งคุณแม่ สำหรับคุณแม่ตั้งครรภ์, เมนูปราศจากเนื้อสัตว์เสริมดวงเมตตามหานิยม สำหรับคนชอบมังสวิรัต, เมนูแก้กรรมท้องผูก สำหรับคนที่มีปัญหาท้องผูก, เมนูเสริมดวงหัวใจ สำหรับคนที่อยากบำรุงสุขภาพหัวใจ, เมนูแก้ชง สำหรับคนชอบชงและชน(แก้ว) สำหรับสายปาร์ตี้ และอร่อยได้สุขภาพจาก Street Food ร้านดัง สำหรับคนชอบแนว Street Food ที่เน้นอาหารดีต่อสุขภาพ
มิติที่สาม คือ มอบส่วนลดในการเดินทาง และสั่งอาหาร จากแกร็บ กับกลุ่มโรงพยาบาลสมิติเวช (สุขุมวิท, ศรีนครินทร์, ไชน่าทาวน์ และธนบุรี) อย่างบริการการเดินทางสำหรับลูกค้าใหม่ โปรโมโค้ด ‘GRABSVNHN’ รับส่วนลดค่าเดินทาง 50% ส่วนลูกค้าปัจจุบัน ใส่โปรโมโค้ด ‘GRABSVNHE’ รับส่วนลด 40 บาท และสำหรับบริการการสั่งอาหารสำหรับลูกค้าใหม่ ใส่โปรโมโค้ด ‘GRABFOODN’ รับส่วนลดค่าส่ง 50% ส่วนลูกค้าปัจจุบัน เมื่อสั่งขั้นต่ำ 300 บาท ใส่โปรโมโค้ด ‘GRABFOODE’ รับส่วนลดค่าส่ง 30 บาท
คราวนี้ลองมามองจุดเริ่มต้น และผลลัพธ์แคมเปญจากการร่วมมือครั้งนี้
หากมองในมิติของผู้บริโภคทั่วไป คือ เป็นการเพิ่มโอกาส และยกระดับการให้บริการในการดูแลสุขภาพของคนไทย
ทว่าหากมองในมุมของกลยุทธ์ทางธุรกิจ เป็นการผนึกร่วมจุดแข็งของทั้ง 2 แบรนด์ ในการสร้างโอกาสทางการตลาดใหม่ๆ ให้กับองค์กรธุรกิจได้อย่างน่าจับติดตาม
ทั้งนี้ “โรงพยาบาลสมิติเวช” ก่อตั้งมานานกว่า 40 ปี ได้รับการยอมรับในแง่ของความเลิศด้านการรักษาพยาบาลด้วยมาตรฐานระดับสากล รับรองคุณภาพโดย JCI ซึ่งไม่เพียงแค่ได้รับการเชื่อมั่นจากผู้บริโภคไทย แต่ชาวต่างชาติก็ให้การมั่นใจในการเข้ามาใช้บริการดูแลรักษา โดยดูจากจำนวนชาวต่างชาติที่เข้ามารับบริการทางการแพทย์เพิ่มมากขึ้นทุกปี
ย้อนกลับไปปี 2561 ในปีที่สมิติเวชครบรอบ 39 ปี สมิติเวชได้ประกาศปฎิวัติการดูแลสุขภาพ ภายใต้คอนเซ็ปต์ “เราไม่อยากให้ใครป่วย” พัฒนานวัตกรรมที่สามารถค้นหาโรคและเตรียมตัววางแผนก่อนเกิดโรคในอนาคต ซึ่งมีการออกแบบโปรแกรมเฉพาะบุคคล ดูจากไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิต รวมถึงการทำ Health Promotion เพื่อเสริมสร้างร่างกายให้แข็งแรง มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นแบบองค์รวม
และจากข้อมูลทางสถิติของโรงพยาบาลสมิติเวช ในปี 2562 พบว่า สมิติเวชสามารถตรวจพบความผิดปกติและช่วยป้องกันก่อนการเกิดโรคร้ายในผู้ที่มาตรวจสุขภาพได้มากกว่า 95% ลดความเสี่ยงของโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่ โรคมะเร็งเต้านม โรคหัวใจ โรคไขมันพอกตับ ภาวะหยุดหายใจขณะหลับ ให้กับผู้มาตรวจสุขภาพที่โรงพยาบาลสมิติเวช สุขุมวิท และสมิติเวช ศรีนครินทร์
สมิติเวชยังคงสร้างปรากฎการณ์ใหม่อย่างต่อเนื่อง ก้าวข้ามความท้าทายของธุรกิจด้านสุขภาพ (Healthcare) โดยในปี 2562 สมิติเวชร่วมกับอีก 6 พันธมิตรทางธุรกิจ อย่างเมืองไทยประกันชีวิต, AIS, LINE, SCG, แสนสิริ และ SCG เปิดตัวบริการ Samitivej Virtual Hospital โรงพยาบาลเสมือนจริงบนโลกออนไลน์ 24 ชั่วโมง พบแพทย์ได้เลย โดยไม่ต้องมาโรงพยาบาล สามารถทำได้ทุกที่ทุกเวลาแม้ไปต่างประเทศ เพราะมีการใช้เทคโนโลยีในด้านต่างๆ ของ Telehealth เชื่อมโยงกับบริการทางการแพทย์เดิมที่มีอยู่เพื่อก่อให้เกิดบริการทางการแพทย์รูปแบบใหม่ ตั้งแต่การเข้าถึงการดูแลสุขภาพได้ง่ายขึ้น เช่น ปรึกษาทางการแพทย์ผ่านวีดีโอคอล (Video Call) ด้วยทีมแพทย์และพยาบาลของสมิติเวชโดยเฉพาะตลอด 24 ชั่วโมง
นอกจากนี้ยังมีบริการ Test @Home ในกรณีที่แพทย์วินิจฉัยว่าต้องทำการตรวจเลือด จะมีบริการเจาะเลือดถึงบ้าน แล้วนำส่งห้องปฏิบัติการทันที รวมทั้งการบริการ Medicine Delivery ในกรณีที่ผู้ใช้บริการต้องได้รับยา โรงพยาบาลเสมือนจริงยังช่วยลดค่าใช้จ่ายและเวลาในการเดินทาง สะดวกสบายด้วยการวิดีโอคอลกับแพทย์ของสมิติเวชโดยตรง ตอบโจทย์ความต้องการของกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่ต้องการความรวดเร็วและเห็นคุณค่าของเวลา ถือเป็นการตอกย้ำความเป็นผู้นำทางด้าน Healthcare Innovation ของสมิติเวช
ดังนั้นถ้าเราเปลี่ยนความคิดให้คนไข้สามารถเเละมีส่วนร่วมในการดูเเลสุขภาพ เปลี่ยนจาก sick-care เป็น self-care โดยโรงพยาบาลทำหน้าที่เป็น help-care (ช่วยเหลือ) เสมือนเป็นโค้ชให้คำเเนะนำเเละคอยป้องกันไม่ให้พวกเขากลับมาป่วย โดยทั้งหมดนี้ อยู่ภายใต้ร่มของ #เราไม่อยากให้ใครป่วย อยากให้คนไทยมีสุขภาพดี จะเป็นการพัฒนาและยกระดับคุณภาพชีวิตของคนไทยได้อย่างยั่งยืน ภายใต้เป้าหมายการสร้าง Eco-Health System เพื่อให้คนไทยตระหนักถึงความสำคัญของการรักษาสุขภาพในเชิงป้องกัน หรือ Preventive Medicine จึงเกิดการสร้าง Brand Collaboration ขึ้น และขยายฐานการดูแลสุขภาพสู่วงกว้างมากขึ้น
การได้พันธมิตรที่แข็งแกร่งอย่าง “แกร็บ” แอพพลิเคชั่นดังทางฟู้ดเดลิเวอรี่ทั้งในไทย และอีก 7 ประเทศในภูมิภาคตะวันออกเฉียงใต้ ที่มีการดาวน์โหลดบนโทรศัพท์มือถือมากกว่า 163 ล้านเครื่อง มีพาร์ทเนอร์ผู้ขับขี่ ร้านค้าและผู้แทนกว่า 9 ล้านราย มาในครั้งนี้ทำให้แคมเปญนี้ทรงพลังมากขึ้น ที่สำคัญคือสะท้อนให้เห็นถึงยุทธศาสตร์การบริหารธุรกิจของโรงพยาบาลสมิติเวชที่มุ่งนำเทคโนโลยีมาช่วยพัฒนาบริการที่ดียิ่งขึ้น ร่วมถึงให้ความสำคัญกับการทำ Digital Marketing มาช่วยสร้างแบรนด์ กระตุ้นยอด ซึ่งเป็นหัวใจของการทำธุรกิจในยุคดิจิทัลนี้
“ในอดีตเราอาจเห็นภาพการร่วมมือกันของธุรกิจโรงพยาบาล กับภาคประกัน หรือภาคธนาคาร แต่นี้เป็นครั้งแรกที่โรงพยาบาลไปทำกับแอพพลิเคชั่นฟู้ดเดลิเวอรี่ ซึ่งต้องบอกว่าไอเดียของ โรงพยาบาลสมิติเวช ในครั้งนี้ออกแบบเกมการทำตลาดได้สอดรับกับอินไซต์ของคนยุคนี้ ที่มีไลฟ์สไตล์ที่เปลี่ยนไปจากอดีตอย่างชัดเจน อย่างวิถีชีวิตที่เร่งรีบ มองหาความสะดวกสบาย และให้ความสำคัญกับการดูแลสุขภาพ”
ผลจากความร่วมมือนี้ ช่วยให้ “โรงพยาบาลสมิติเวช” ขยายตลาดได้อย่างรวดเร็ว สามารถเข้าถึงให้ลูกค้าแกร็บที่มีอยู่นับหลายแสนราย ทั้งในส่วนของผู้บริโภค พาร์เนอร์ผู้ขับขี่ร้านค้า พาร์ทเนอร์ร้านค้า ได้โดยทันที ผ่านการส่งมอบบริการ รวมถึงส่วนลดพิเศษ และถ้าทำให้ลูกค้าใหม่เหล่านี้ประทับใจได้รับประสบการณ์ใหม่ๆ ในการเข้ามาใช้บริการ ไม่เพียงแค่ได้ฐานลูกค้าใหม่ แต่คนเหล่านี้จะเป็นกระบอกเสียงที่สำคัญในการบอกต่อถึงคุณภาพของแบรนด์ไปในวงกว้าง
อย่าง “หมอ [สมิติเวชช่วย] ดูเมนูเสริม (ดวง) สุขภาพ” บริการที่ให้คำแนะนำเรื่องของเมนูอาหารสุขภาพได้ตลอดเวลาผ่านโลกออนไลน์อย่าง ไลน์และทางแอพพลิเคชั่น ซึ่งเพียงตอบคำถามต่างๆ ที่อยู่ในระบบ ทางโรงพยาบาลก็จะแนะนำเมนูอาหารที่เหมาะสมกับสุขภาพของผู้บริโภคคนนั้นๆ นี่คือตัวอย่างของการพัฒนาธุรกิจของสมิติเวช ที่ต่อยอดขยายฐานจากบิ๊กเดต้า และฐานลูกค้าของแกร็บ หนึ่งในผู้นำด้านเรื่องของร้านอาหาร และการส่งอาหาร รวมถึงการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีมาช่วยในการยกระดับการให้บริการ และสร้างประสบการณ์ให้กับลูกค้าได้อย่างแตกต่างและโดดเด่นไปกว่าผู้เล่นในอุตสาหกรรมเดียวกัน
ที่ผ่านมา โรงพยาบาลสมิติเวช ให้ความสำคัญกับเรื่องส่งเสริมสุขภาพผ่านทาง Social Media Platforms มาโดยตลอด เพราะเข้าใจไลฟ์สไตล์ของผู้คนที่วันนี้ผูกติดไปกับเรื่องของเทคโนโลยี โลกออนไลน์ จึงพยายามเสิร์ฟความรู้ข้อมูลทางด้านสุขภาพ ให้คำปรึกษาเบื้องต้นในการดูแลสุขภาพต่างๆ ผ่านสื่อโซเชียลต่างๆ ในหลากหลายรูปแบบทั้ง content ทั่วไปอย่างบทความหรือวีดีโอ รวมถึง gamification อย่างที่ได้ทำร่วมกับแกร็บในครั้งนี้ด้วย เพื่อให้ประชาชนเข้าใจหลักการดูแลสุขภาพได้ง่ายและถูกต้อง โดยในช่องทางหลักๆ ที่สมิติเวชดูแล อย่างเช่น Facebook, Twitter @SamitivejClub, Facebook โรงพยาบาลเด็กสมิติเวช @KidsHospital และ LINE @Samitivej ที่เป็นศูนย์กลางแชร์ความรู้สุขภาพสำหรับทุกคนในครอบครัว
นอกจากนี้ ยังมีแพทย์ของโรงพยาบาลที่ใช้สื่อโซเชียลต่างๆ ในการให้ความรู้แก่ผู้ที่สนใจในเรื่องของการดูแลสุขภาพในแง่มุมต่างๆ เช่น พญ.ธิดากานต์ รุจิพัฒนกุล อินฟลูเอนเซอร์ด้านสุขภาพให้แก่ผู้คนโดยเฉพาะคนรุ่นใหม่ที่ชอบเล่น Twitter, Instagram @Thidakarn และ นพ.สมิทธิ์ อารยะสกุล คุณหมอพ่อลูกสอง ที่มีฐานแฟนคลับทุกวัย นอกจากจะชอบแบ่งปันเรื่องความงามและการดูแลผิวแล้ว ยังมีเคล็ดลับการทำอาหารเพื่อสุขภาพให้ติดตามอยู่เสมอผ่าน Twitter, Instagram @oak_smith
ในปีที่ผ่านมา 2562 Pantip ยังเลือกสมิติเวชให้เป็น Pantip Expert Brand ให้ความรู้ ตอบกระทู้สุขภาพ อัพเดททุกเฮลท์เทรนด์ ทั้งสุขภาพกาย สุขภาพใจ สร้างความมั่นใจให้กับผู้รักสุขภาพในชุมชนออนไลน์ ว่าเป็นข้อมูลที่มาจากผู้เชี่ยวชาญจริง
ในอนาคต เราอาจได้เห็น โมเดลการให้บริการทางการแพทย์ การดูแลสุขภาพในมิติใหม่ๆ จาก “โรงพยาบาลสมิติเวช” เพราะถ้าลองดูธุรกิจของแกร็บ ไม่ได้มีการแค่บริการรับส่งอาหาร การจัดส่งสินค้าและพัสดุเท่านั้น แต่ครอบคลุมไปถึงเรื่องของระบบการชำระเงินแบบอิเล็กทรอนิกส์ และการบริการทางการเงินอื่นๆอีกมากมาย แต่ที่แน่ๆ การที่โรงพยาบาลสมิติเวช สามารถในนำ Healthcare เข้ามาอยู่ใน Food Delivery Platform และตอบโจทย์ของผู้บริโภคยุคโลกาภิวัตน์นี้ได้ ต้องบอกว่า มองตลาดออก อ่านเกมขาดจริงๆ