แซมโซไนท์ฉลองครบรอบ 110 ปีแห่งนวัตกรรม คุณภาพ และความแข็งแกร่ง พร้อมเปิดตัวกลยุทธ์ใหม่ และพันธสัญญาระดับโลกในการนำพาอุตสาหกรรมผู้ผลิตกระเป๋าสู่ความยั่งยืน ภายใต้คอนเซ็ปต์ “Our Responsible Journey” หรือเส้นทางความรับผิดชอบขององค์กร โดยนับตั้งแต่วันที่บริษัทก่อตั้งขึ้นที่เมืองเดนเวอร์ มลรัฐโคโลราโด เมื่อปี ค.ศ. 1910 แซมโซไนท์ก็ได้ก้าวขึ้นมาเป็นผู้ผลิตและสร้างสรรค์กระเป๋าเดินทางรูปแบบต่าง ๆ ที่ยิ่งใหญ่และเป็นที่รู้จักมากที่สุดในโลก และเพื่อตอกย้ำความเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมนี้ แคมเปญ “Our Responsible Journey” จะเน้นย้ำถึงจุดแข็งของแซมโซไนท์ในการออกแบบผลิตภัณฑ์ที่มีความคงทน อายุการใช้งานยืนยาว และพันธสัญญาของบริษัทในการลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม รวมถึงความรับผิดชอบขององค์กรต่อผู้คน พาร์ทเนอร์ และชุมชน ในทุกขั้นตอนการดำเนินงาน
แซมโซไนท์ มีชื่อเสียงโดดเด่นในด้านการสร้างสรรค์นวัตกรรม “ชิ้นแรก” มาตลอดเส้นทางอันยาวนานของแบรนด์ สำหรับการพัฒนานวัตกรรมต่อไปในอนาคต บริษัทจึงมีความตั้งใจที่จะผลักดันคอนเซ็ปต์ของ “ความยั่งยืน” เป็นกุญแจสำคัญในการทำงาน ซึ่งพันธกิจนี้จะครอบคลุมถึงแบรนด์อื่น ๆ ภายใต้แซมโซไนท์ด้วย ไม่ว่าจะเป็น Samsonite®, Tumi®, American Tourister® หรือ Gregory® โดยมีจุดประสงค์หลัก คือ
- เพิ่มอัตราการใช้วัสดุที่มีความยั่งยืนมากขึ้นในขั้นตอนการผลิตและการบรรจุแพ็คเกจ
- ไม่หยุดยั้งในการพัฒนาโซลูชั่นนวัตกรรมใหม่ ๆ เพื่อสร้างผลิตภัณฑ์มีความแข็งแรงทนทาน สนับสนุนให้ผู้บริโภคสามารถเข้าถึงศูนย์ซ่อมได้โดยง่าย และมีโซลูชั่นที่เหมาะสมสำหรับกำจัดสินค้าที่สิ้นอายุขัยแล้ว และ
- เปลี่ยนไปใช้พลังงานทางเลือก 100% และลดการปล่อยก๊าซคาร์บอน จนกลายเป็นองค์กรที่มีปริมาณคาร์บอนสมดุลภายในปี ค.ศ. 2025
“ตลอดประวัติศาสตร์อันยาวนานถึง 110 ปีของแซมโซไนท์ เรายึดมั่นในค่านิยมในการเคารพและให้เกียรติผู้คน โลก และดูแลผลกระทบที่เราสร้างต่อสิ่งแวดล้อมเสมอมา ซึ่งเมื่อหลอมรวมค่านิยมในวิธีการที่เราปฏิบัติต่อผู้อื่นและวิธีการที่เราดูแลโลกที่เราอาศัยอยู่นี้ เข้ากับความสามารถของเราในฐานะผู้นำในอุตสาหกรรมนี้แล้ว มันจึงเป็นเรื่องธรรมชาติที่แซมโซไนท์จะต้องรับหน้าที่เป็นผู้นำในด้านความยั่งยืนเช่นกัน” นายไคล์ เจ็นโดร ประธานบริหาร บริษัท แซมโซไนท์ อินเตอร์เนชั่นแนล กล่าว “แม้ว่าเราจะเริ่มให้ความสำคัญกับความยั่งยืนมาหลายปีแล้ว แต่กลยุทธ์ Our Responsible Journey จะเข้ามาเป็นตัวเร่งปฏิกิริยาที่ทำให้แนวทางปฏิบัติทางธุรกิจที่ยั่งยืนประสบความสำเร็จ และบรรลุเป้าหมายของเราได้รวดเร็วยิ่งขึ้น โดยกลยุทธ์นี้จะถูกนำมาใช้งานในทุกแง่มุมขององค์กร ซึ่งจะทำให้เราสามารถยืนหยัดในฐานะผู้นำในตลาดได้อย่างมั่นคงยาวนาน”
ตั้งแต่ปี ค.ศ. 2018 เป็นต้นมา แซมโซไนท์ได้เปิดตัวคอลเลคชันใหม่กว่า 50 คอลเลคชันทั่วโลก รวมถึงคอลเลคชันที่ผลิตจากวัสดุรักษ์โลก อย่างเช่น วัสดุที่รีไซเคิลมาจากพลาสติก PET ไนล่อน หรือพอลิโพรพิลีน (polypropylene) จากโรงงานอุตสาหกรรม เศษไม้ และจุกไม้ก๊อก นอกจากนี้ ยังมีผ้า Recyclex™ ที่ผลิตขึ้นจากขวดพลาสติก PET ที่ใช้แล้ว 100% ซึ่งช่วยลดขยะขวดพลาสติก PET ขนาด 500 มล. ที่ต้องนำไปจำกัดโดยกระบวนการฝังกลบได้มากกว่า 52 ล้านขวด
ทั้งนี้ “Our Responsible Journey” จะพุ่งเป้าไปที่ 4 ปัจจัยสำคัญสำหรับธุรกิจของแซมโซไนท์ ได้แก่
- ผลิตภัณฑ์นวัตกรรม – แซมโซไนท์มีความมุ่งมั่นตั้งใจในการออกแบบผลิตภัณฑ์ที่มีความคงทนสูง โดยจะเลือกใช้วัสดุที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้น เพื่อช่วยลดปริมาณขยะที่ต้องทำการฝังกลบ นอกจากนี้ ผลิตภัณฑ์ส่วนใหญ่ยังสามารถนำไปซ่อมที่ศูนย์ซ่อมของแบรนด์ได้ทั่วโลก จึงลดความสิ้นเปลืองในการใช้สินค้าได้ด้วย
- ลดคาร์บอน – แซมโซไนท์ได้ทำงานอย่างหนักเพื่อลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมที่เกิดจากโรงงานที่บริษัทเป็นเจ้าของหรือเป็นผู้ดำเนินการให้ได้มากที่สุดผ่านการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอน โดยได้ให้คำมั่นว่าจะเปลี่ยนไปใช้พลังงานหมุนเวียน 100% และทำให้ปริมาณคาร์บอนสมดุลภายในปี ค.ศ. 2025 และตั้งแต่ปี 2017 แซมโซไนท์ยังได้ปลูกต้นไม้จำนวนกว่า 700,000 ต้นทั่วโลก ซึ่งนอกจากจะเป็นส่วนหนึ่งของโครงการลดปริมาณคาร์บอนแล้ว ยังเป็นการร่วมอนุรักษ์ธรรมชาติให้คงความงดงามในทุกพื้นที่ที่ลูกค้าของเราเดินทางไปถึง ยิ่งไปกว่านั้น แซมโซไนท์ยังมีความตั้งใจที่จะทำงานร่วมกับซัพพลายเออร์อย่างใกล้ชิด เพื่อให้พวกเขามุ่งหน้าสู่การเป็นองค์กรที่มีคาร์บอนสมดุลเช่นกัน
- ห่วงโซ่อุปทาน – แซมโซไนท์เอาใจใส่ต่อผู้คนและสังคมในทุกแห่งทั่วโลกที่บริษัทตั้งอยู่ และเลือกทำงานกับซัพพลายเออร์ที่มีจรรยาบรรณในการทำงานตรงตามหลักการของแซมโซไนท์ เพื่อให้มั่นใจได้ว่าพาร์ทเนอร์ธุรกิจของเราดำเนินงานอย่างเป็นธรรมและมีความรับผิดชอบ นอกจากนั้น แซมโซไนท์ยังได้ขยายโปรแกรมการปฏิบัติตามกฎเกณฑ์ทางสังคม (Social Compliance Program) ที่มีอยู่ ให้ครอบคลุมถึงการปกป้องสิทธิมนุษยชนในห่วงโซ่อุปทาน (Supply Chain)ของบริษัทอีกด้วย
- ใส่ใจต่อผู้คน – เพราะตระหนักดีว่า มนุษย์ คือทรัพยากรที่ทรงคุณค่าที่สุด แซมโซไนท์จึงให้ความสำคัญกับการสนับสนุนให้พนักงานทุกคนเข้าถึงโอกาสในการพัฒนาตนเอง อีกทั้งยังมีเป้าหมายที่จะทำให้เกิดความเท่าเทียมทางเพศ โดยเฉพาะในตำแหน่งสำคัญภายในองค์กร รวมทั้งมุ่งมั่นที่จะคอยสนับสนุนผู้คนและชุมชนในบริเวณที่บริษัทดำเนินการอยู่ด้วย
เพราะอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวทั่วโลกไม่เคยหยุดนิ่ง ตลอดระยะเวลา 110 ปีที่ผ่านมา แซมโซไนท์จึงให้ความสำคัญอย่างยิ่งในการพัฒนานวัตกรรมและดีไซน์ อีกทั้งยังเป็นผู้บุกเบิกการนำวัสดุใหม่ ๆ เข้ามาใช้ในกระบวนการผลิต และบริษัทจะยังคงสรรหาโซลูชั่นการเดินทางสำหรับอนาคตที่จะช่วยให้นักเดินทางสามารถสัญจรไปได้ไกลยิ่งกว่าที่เคย ด้วยผลิตภัณฑ์ที่มีน้ำหนักเบาขึ้น แข็งแรงขึ้น และยั่งยืนยิ่งขึ้น