หลังมีข้อมูลสะพัดผ่านโลกโซเชียลว่า หน้ากากอนามัยและเจลแอลกอฮอล์ ไม่สามารถฝากส่งพัสดุภายในประเทศได้ ล่าสุด ทาง บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด หรือ ปณท ยืนยันว่า ทุกคนสามารถส่งหน้ากากทุกประเภท ทั้งหน้ากากอนามัย และหน้ากากผ้าต่างๆ รวมทั้ง เจลแอลกอฮอล์ สำหรับการส่งภายในประเทศได้โดยไม่จำกัดจำนวน
คุณก่อกิจ ด่านชัยวิจิตร กรรมการผู้จัดการใหญ่ ปณท ให้ข้อมูลชี้แจงเพิ่มเติมว่า มีเพียงการขนส่งระหว่างประเทศเท่านั้น ที่ไม่สามารถนำส่งหน้ากากอนามัยและเจลแอลกอฮอล์ได้ เนื่องจาก ติดเงื่อนไขในเรื่องความปลอดภัยทางการบิน สำหรับการจัดส่งของเหลวตามระเบียบที่กำหนดไว้ ส่วนหน้ากากอนามัยนั้นไม่สามารถส่งอออกได้อยู่แล้ว เพราะติดเงื่อนไขของทางภาครัฐ ที่มีประกาศควบคุมการส่งออกหน้ากากอนามัยหลังจากช่วงวิกฤติเกิดการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19
“การฝากส่งไปยังปลายทางต่างประเทศ สามารถฝากส่งได้เฉพาะหน้ากากอนามัยที่ผลิตจากผ้าและสามารถนำกลับมาใช้ใหม่ได้เท่านั้นโดยไม่จำกัดจำนวนชิ้น ด้วยบริการ Courier Post บริการ Logispost World บริการไปรษณีย์ด่วนพิเศษระหว่างประเทศ บริการพัสดุไปรษณีย์ระหว่างประเทศ บริการ ePacket บริการไปรษณียภัณฑ์ระหว่างประเทศ ซึ่งผู้ฝากส่งต้องแสดงสิ่งของที่ฝากส่งหรือเปิดกล่อง ซอง ต่อหน้าเจ้าหน้าที่รับฝาก พร้อมทั้งต้องระบุหน้ากล่อง ซอง ว่า “cloth face mask” หรือ “fabric face mask” และลงนามรับทราบเงื่อนไขการฝากส่ง และงดการฝากส่งหน้ากากอนามัยทางการแพทย์ และหรือที่มีส่วนประกอบของคาร์บอน และหรือที่มีวาล์วปิด หน้ากากอนามัยชนิด N95 หน้ากากสำหรับใช้ในโรงงานอุตสาหกรรม หน้ากากป้องกันฝุ่นละออง ตามประกาศของกระทรวงพาณิชย์ เนื่องจากเป็นสินค้าที่ยังคงมีความต้องการใช้ภายในประเทศสูง รวมถึงเจลแอลกอฮอล์ เนื่องจากของเหลวเป็นสิ่งของต้องห้ามในการฝากส่ง โดยการฝากส่งทั้งในประเทศ และต่างประเทศ ผู้ฝากส่งสามารถใช้บริการได้ทุกที่ทำการไปรษณีย์ทั่วประเทศ”
ส่วนการส่งภายในประเทศนั้น ยืนยันว่าประชาชนทุกคนสามารถส่งพัสดุได้ทุกประเภท ไม่ว่าจะเป็นหน้ากากผ้า หน้ากากอนามัย เจลแอลกอฮอล์ หรือจะเป็นพัสดุต่างๆ ได้ตามต้องการ หากไม่ใช่สิ่งของ 7 ประเภทต้องห้ามในการส่งตามพระราชบัญญัติไปรษณีย์ พ.ศ.2477 และผู้กระทำผิดจะต้องถูกดำเนินคดีตามกฎหมาย ได้แก่ 1.สัตว์มีชีวิต 2.สิ่งเสพติด 3. สิ่งลามกอนาจาร 4.วัตถุระเบิดหรือวัตถุไวไฟ 5.วัตถุมีคมที่ไม่มีเครื่องหุ้มห่อป้องกัน 6.ธนบัตร และ 7. สิ่งของปลอมแปลงหรือลอกเลียนแบบโดยละเมิดลิขสิทธิ์ ส่วนเงื่อนไขในการส่งเจลแอกกออฮอล์หรืออุปกรณ์ทำความะอาดต่างๆ มีเพียงแค่ขอความร่วมมือในการส่งควรบรรจุหีบห่อให้แน่นหนา เพื่อป้องกันการรั่วไหล หรือแตกหักเสียหาย จนทำให้กล่องพัสดุอื่นๆ เสียหายตามไปด้วยเท่านั้น
“ความเข้าใจคลาดเคลื่อนน่าจะมาจากกรณีการแชร์ข้อมูลต่างๆ ในโลกโซเชียล ซึ่งยืนยันว่า ปณท ไม่มีอำนาจใดๆ ในการแกะพัสดุที่มีการบรรจุหีบห่อจากผู้นำจ่ายมาแล้ว ซึ่งภาพที่มีการแกะพัสดุต่างๆ เพื่อตรวจสอบเป็นการปฏิบัติงานของในส่วนของเจ้าหน้าที่กรมศุลกากรซึ่งมีอำนาจหน้าที่ในการตรวจค้นได้ตามกฏหมาย รวมท้ังดราม่าที่ว่าเจ้าหน้าที่ของ ปณท ไม่ช่วยแพ็กหลังการตรวจค้น ก็ยืนยันว่าในทางกฏหมาย เจ้าหน้าที่ ปณท ไม่สามารถเข้าไปร่วมดำเนินการทั้งในขั้นตอนการตรวจสอบหรือการแพ็กกลับ เพื่อป้องกันปัญหาในเรื่องของความปลอดภัยในการขนส่งหรือการลักลอบขนส่งวัตถุอันตรายต่างๆ”
มาตรการความปลอดภัย เล็งทำประกันให้บุคลากร
ทั้งนี้ ปณท ยืนยันยังคงให้บริการสังคมอย่างต่อเนื่อง เพื่ออำนวยความสะดวกให้ประชาชนสามารถซื้อขายสินค้าจำเป็น โดยเฉพาะสินค้าอุปโภค บริโภค รวมถึงอุปกรณ์ป้องกันตนเองจากเชื้อ COVID-19 ผ่านร้านค้าออนไลน์ได้โดยไม่ต้องออกจากบ้านเพื่อลดความเสี่ยงในการรับเชื้อ อีกทั้งเพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจไม่ให้หยุดชะงัก จึงเปิดบริการ “ยิ้มสู้-19” ส่งสิ่งของเหมาจ่ายราคาประหยัด อัตราค่าบริการชิ้นละ 19 บาทราคาเดียว น้ำหนักสิ่งของฝากส่งสูงสุดไม่เกิน 1 กิโลกรัม/ชิ้น ถึงปลายทางภายใน 2-5 วันทำการ สามารถติดตามสถานะสิ่งของได้ พร้อมความคุ้มครองสูงสุด 1,000 บาท/ชิ้น โดยสามารถเก็บเงินปลายทาง (COD) ในวงเงินไม่เกิน 30,000 บาท/ชิ้น โดยสามารถใช้บริการได้ที่ทำการไปรษณีย์ทั่วประเทศ จนถึง 30 เมษายน 2563
ขณะที่ปริมาณการส่งพัสดุต่างๆ ของคนไทยในขณะนี้นั้น มีปริมาณเพิ่มขึ้นจากช่วงปกติ โดยช่วง 3 วันที่ผ่านมา มีปริมาณการส่งเพิ่มขึ้นราว 1.5 แสนชิ้นต่อวัน จากปริมาณการส่งพัสดุแบบ EMS ในแต่ละวันมีปริมาณอยู่ราว 1-1.5 ล้านชิ้นต่อวัน และหากรวมงานส่งไปรษณียภัณฑ์ จะมีปริมาณรวมกว่า 8 ล้านชิ้นต่อวัน
ในส่วนของมาตรการเฝ้าระวังเพื่อป้องกันการแพร่กระจายของเชื้อไวรัสโควิด-19 ได้มีการเพิ่มการฉีดพ่นฆ่าเชื้อภายในที่ทำการ และการเช็ดทำความสะอาดในบริเวณจุดสัมผัสทุก 2 ชั่วโมง เพื่อความปลอดภัยทั้งของพนักงานและประชาชนที่เข้ามาใช้บริการทุกคน รวมทั้งการตรวจวัดอุณหภูมิของพนักงานทุกคน หากมีผู้ต้องสงสัยว่าจะป่วยจะทำการแยกตัวไว้เพื่อดูแลและติดตาม ส่วนเจ้าหน้าที่นำจ่าย หากพบว่ามีไข้ก็จะให้งดเว้นจากนำจ่ายพัสดุและไปรษณีย์ภัณฑ์ไปก่อน ขณะเดียวกันได้มีการพ่นฆ่าเชื้อพัสดุที่มาจากต่างประเทศทุกชิ้น เพื่อเพิ่มความมั่นใจในความปลอดภัยมากยิ่งขึ้น
“ส่วนพัสดุในประเทศ มองว่ายังไม่ถึงจุดที่ต้องพ่นฆ่าเชื้อทุกชิ้นเพราะจะทำให้การนำจ่ายช้าลงไป ด้วยปริมาณงานที่เข้ามาในแต่ละวันค่อนข้างมาก ขณะที่การนำจ่ายให้ประชาชน หากผู้รับไม่อยากเซ็นรับทางเจ้าหน้าที่ก็จะเป็นผู้รับแทนให้เพื่อความสบายใจของผู้รับ อย่างไรก็ตาม แม้จำนวนผู้ป่วยจะยังคงเพิ่มปริมาณมมากขึ้นทุกวัน แต่การรักษาสุขอามัยส่วนตัวโดยเฉพาะการล้างมือทุกครั้งที่ไปสัมผัสสิ่งที่ไม่มั่นใจ เป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยป้องกันได้อย่างดีที่สุด เพราะเรากำลังสู้กับสิ่งที่มองไม่เห็น อยากให้ทุกคนตระหนักแต่ไม่ต้องการให้ขยายความหวาดกลัวจนมากเกินไป”
นอกจากนี้ ทาง ปณท ยังเตรียมขออนุมัติจากคณะกรรมการในการพิจารณาให้ทำประกันภัยโควิด-19 ให้แก่บุคลากรของ ปณท ที่มีอยู่ราว 4 หมื่นคนทั่วประเทศ เพื่อเพิ่มความมั่นใจและแสดงถึงความห่วงใยในบุคลากรทุกคน โดยปัจจุบัน ปณท มีพนักงานในส่วนของการนำจ่ายกว่า 2.5 หมื่นคน พนักงานให้บริการในที่ทำการไปรษณีย์ทั่วประเทศกว่า 6-7 พันคน จากที่ทำการกว่า 1,500 ทั่วประเทศ รวมทั้งพนักงานประจำสำนักงานอีกราว 3 พันคน