ใครจะคาดคิดว่าปี 2020 จะเป็นปีที่ดุเดือดได้ถึงขนาดนี้ ผ่านมาเพียงแค่ 3 เดือนเราต้องเผชิญกับเหตุกาณ์ไม่คาดฝันมากมาย แต่รุนแรงสุดคงหนีไม่พ้นการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส COVID-19 ที่วันนี้ยังคงลุกลามอย่างหนัก ส่งผลให้ธุรกิจและการใช้ชีวิตของทุกคนกระทบอย่างหนัก ไม่เว้นแม้แต่กลุ่ม “ผู้สูงอายุ” ที่อยู่ในวัย 50 ปีขึ้นไป (ปลาย Baby Boomer หรือต้น Gen X) ก็ยังได้รับผลกระทบจากพิษสงของเชื้อไวรัสโควิดนี้เช่นกัน
เพราะนอกจากจะเป็นกลุ่มที่มีความเปราะบางต่อการติดเชื้อและมีอัตราเสียชีวิตได้มากที่สุดจากระบบภูมิคุ้มกันที่ไม่แข็งแรงแล้ว ผู้สูงวัยหลายคนยังอยู่ในสถานะเจ้าของกิจการที่ต้องดูแลพนักงานจำนวนมากให้รอดจากสถานการณ์นี้ ขณะที่สูงวัยบางคนแม้จะเป็นพนักงานแต่ก็อยู่ในกลุ่มซีเนียร์ที่พร้อมจะถูกปลดได้ตลอดเวลา ทำให้กลุ่มสูงวัยจำเป็นต้องปรับตัวหาทางรอดจากวิกฤติในครั้งนี้เช่นกัน
คุณนพกฤษฏิ์ นิธิเลิศวิจิตร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ซัคเซสมอร์ บีอิ้งค์ จำกัด (มหาชน) ผู้เชี่ยวชาญด้านการสร้าง Mindset ยอมรับว่า การแพร่ระบาดของ COVID-19 นับเป็นการ Disruption ที่เข้ามาทลายกรอบการใช้ชีวิตและการทำงานแบบเดิมๆ ใหม่ทั้งหมด ส่งผลให้ผู้สูงวัยต้องปรับรูปแบบการใช้ชีวิต การติดต่อสื่อสารและการทำงานให้สอดรับกับโลกในปัจจุบัน โดยได้แนะนำ 4 เคล็ดลับในการรับมือ COVID-19 สำหรับวัยเก๋าเพื่อให้เข้าใจและสามารถปรับตัวรับกับทุกการเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้นหลังจากนี้
1.เปิดตัว ปรับใจรับสิ่งใหม่
“ประสบการณ์ในอดีต นำมาใช้ตัดสินอนาคตไม่ได้อีกต่อไป” โดยผู้ที่อยู่รอดคือผู้ที่พร้อมรับการเปลี่ยนแปลง เราไม่ควรยึดติดกับความสำเร็จหรือรูปแบบการทำงานในอดีต แต่สามารถนำสิ่งเหล่านั้นมาเป็นประสบการณ์ และปรับเปลี่ยนให้เข้ากับสถานการณ์ได้ เช่น ร้านอาหารหลายร้านที่เคยดูแลลูกค้าดุจญาติมิตร ทานอาหารมาตั้งแต่รุ่นพ่อแม่ เราอาจส่งคำทักทายหาลูกค้าทางไลน์ สอบถามสุขภาพ ส่งรูปอาหารที่รู้ว่าลูกค้าชอบไปให้ พร้อมบริการจัดส่ง Delivery ที่ปัจจุบันนี้มีหลายแบรนด์ให้เลือกพร้อมสรรพ และไม่ลืมเขียนการ์ดเล็กๆ แสดงความระลึกถึงลูกค้าประจำ เป็นต้น
2.ปรับมายด์เซ็ท
ทุกอย่างอยู่ที่ความคิด “ถ้าคิดว่าทำได้ ต้องทำได้” เพราะความแก่ไม่ได้วัดกันที่อายุ แต่วัดกันที่ความคิด คนในวัย 50up คือวัยที่ผ่านประสบการณ์มาอย่างโชกโชน ดังนั้น คุณคือคนในประวัติศาสตร์ที่จะได้บอกเล่าให้ลูกหลานฟังว่าคุณผ่านมาทั้งยุควิกฤตต้มยำกุ้ง ปี 40 และยุค Covid-19
ถ้า 20 ปีก่อน คุณผ่านวิกฤติต้มยำกุ้งมาได้โดยตอนนั้นคุณคือเด็กจบใหม่ที่เพิ่งทำงานได้ไม่นาน ในยุคนี้คุณก็คือรุ่นพี่ที่มาพร้อมคุณภาพในการให้คำแนะนำน้องๆ ดังนั้น ต้องตั้งสติ ดึงเอาประสบการณ์มาใช้ให้เกิดประโยชน์ เรียนรู้เรื่องใหม่ๆ เปิดรับข้อมูลข่าวสาร เลิกขี้เกียจหาข้ออ้างให้ตัวเอง พร้องกับแลกเปลี่ยนสิ่งที่ไม่รู้เพื่อให้รู้ อย่ากลัวและกังวลกับสิ่งที่คาดเดาไม่ได้ อย่าลืมว่าคนทั้งโลกเผชิญชะตากรรมเดียวกับคุณ แต่แค่ใครจะปรับตัวได้ก่อนกัน!
3.ถามคนที่ทำเป็น และเรียนรู้จากพวกเขา
เป็นการต่อยอดจากการปรับมายเซ็ท อาจฟังดูง่าย แต่ไม่ง่าย สิ่งสำคัญอยู่ที่ “การวางอัตตาตัวเอง” ต้องยอมรับและถามหากไม่รู้ เพราะปฏิเสธไม่ได้ว่า โลกทุกวันนี้ต้องการทำงาน Work From Home ซึ่งแน่นอนว่า การใช้เทคโนโลยีในโลกดิจิตอลนั้นมีหลายเรื่องที่สูงวัยต้องเรียนรู้ใหม่ และต้องขอความรู้จากเด็กรุ่นใหม่ ดังนั้น การวางอัตตาให้รุ่นเด็กกว่าสอนงานให้ อาจทำให้ผู้สูงวัยอึดอัดใจ แต่คนเราสามารถเรียนรู้ได้ตลอดชีวิต นี่อาจกลายเป็นการสร้างความสัมพันธ์ที่ดี ให้คุณได้เรียนรู้และฝึกฝนทักษะใหม่ๆ ให้แก่ตนเอง
4.ลงมือทำอย่างสม่ำเสมอ
ความรู้จะไม่เกิดประโยชน์หากไม่เกิดการฝึกฝนและลงมือทำติดต่อกัน แม้ในระยะแรกคุณอาจรู้สึกไม่คุ้นเคย และไม่ชินจนบางทีรู้สึกท้อ แต่ขอให้คุณอย่าเพิ่งยอมแพ้ หมั่นลองฝึกฝนสิ่งที่ได้เรียนรู้ใหม่ๆ ทดลองทำอย่างต่อเนื่อง จนเกิดเป็นทักษะ ให้เวลาตนเองได้ฝึกฝนในทุกๆ วัน อย่างน้อยทำติดต่อกันให้ได้ 21 วัน ตามกฎการปรับพฤติกรรมมนุษย์ ที่บอกว่าหากเรากระทำสิ่งใดติดต่อกันต่อเนื่องอย่างน้อย 21 วัน ‘การกระทำ’ นั้น จะตกผลึกกลายเป็น ‘นิสัย’ ซึ่งในที่นี้เราขอหมายถึงกลายเป็น “ทักษะ” เชื่อเถอะว่า เมื่อคุณทำจนเชี่ยวชาญแล้ว พอพ้นช่วงวิกฤต Covid-19 ไป คุณจะมีทักษะใหม่ๆ เอามาใช้ในที่ทำงานได้อีกมากมายเชียวล่ะ!
การปรับตัวในช่วงแรก อาจทำให้รู้สึกยุ่งยาก แต่หากเราหมั่นฝึกฝน เปิดใจเรียนรู้ เปิดรับสิ่งใหม่ ตามนวัตกรรมและเทคโนโลยีต่างๆ ให้ทัน สิ่งเหล่านี้จะไม่ใช่ตัวรั้งให้คุณกลายเป็นคนรุ่นเก่าอีกต่อไป แต่จะกลายเป็นเครื่องทุ่นแรง ที่ทำให้คุณทำงานได้สนุกและสะดวกสบายมากยิ่งขึ้น เพราะถึงแม้จะมีหรือไม่มีเชื้อไวรัส Covid-19 ก็ตาม การปรับตัวและการเปลี่ยนแปลง ก็ยังคงเป็นสัจธรรมของโลกเสมอ
Photo Credit : NUMBER 24 – Authorized Shutterstock Partner in Thailand