เป็นการตัดสินใจที่น่าจะกระทบต่อชื่อเสียงของยักษ์ใหญ่แห่งวงการธีมปาร์คอย่าง Walt Disney ไม่น้อย กับการออกมาประกาศ “ระงับการจ่ายเงิน” พนักงานกว่าหนึ่งแสนคนแล้วในสัปดาห์นี้เพื่อรักษาสถานะทางการเงินของบริษัท ซึ่งการตัดสินใจดังกล่าวคาดว่าจะช่วยเซฟเงินให้กับ Walt Disney ได้ราว 500 ล้านเหรียญสหรัฐต่อเดือนเลยทีเดียว
โดยรายงานจาก The Financial Times ระบุว่า ในบรรดาพนักงานที่ถูกระงับการจ่ายเงินนี้ หลายหมื่นคนเป็นพนักงานในตำแหน่ง Cast Members หรือพนักงานในสวนสนุก และโรงแรม ที่อาจจะใส่ชุดตัวการ์ตูน เดินถ่ายภาพกับลูกค้า ฯลฯ เนื่องจากทางบริษัทต้องปิดการให้บริการสวนสนุกทั้งในสหภาพยุโรปและสหรัฐอเมริกาตามมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของไวรัส Covid-19 ราว 5 สัปดาห์
โดยในปี 2019 ที่ผ่านมา ธุรกิจธีมปาร์ค – โรงแรมทำเงินให้กับ Walt Disney ราว 24,500 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือคิดเป็นตัวเลขกว่า 1 ใน 3 ของรายได้ตลอดทั้งปีที่ 69,700 ล้านเหรียญสหรัฐ
อย่างไรก็ดี ในส่วนของต้นทุน ปฏิเสธไม่ได้ว่า เงินเดือนและค่าแรงพนักงานที่ Disney ต้องจ่ายนั้นก็สูงเช่นกัน โดยข้อมูลจาก JPMorgan ระบุว่า Disney มีค่าแรงที่ต้องจ่ายคิดเป็น 33% ของค่าใช้จ่ายทั้งหมด ซึ่งการประกาศระงับการจ่ายเงินก้อนนี้ไป จะช่วยลดค่าใช้จ่ายให้องค์กรได้ราว 500 ล้านเหรียญสหรัฐต่อเดือน
สำหรับพนักงานที่ถูกระงับการจ่ายเงินนั้น ทางบริษัทบอกว่า ยังมีสวัสดิการสุขภาพให้อยู่ แต่พวกเขาอาจต้องหันไปหาสวัสดิการที่แต่ละรัฐเตรียมไว้ให้เพื่อยังชีพในช่วงนี้ไปก่อน ยกตัวอย่างเช่น ในรัฐฟลอริด้า ซึ่งเป็นรัฐที่พนักงาน Walt Disney จำนวนมากอาศัยอยู่นั้น (ราว 70,000 คน) มีการเสนอเงินให้กับผู้ที่ตกงานราว 275 เหรียญสหรัฐต่อสัปดาห์เป็นเวลา 12 สัปดาห์เพื่อช่วยเหลือด้านค่าครองชีพ
ทาง Walt Disney ยังมีการประชาสัมพันธ์ให้พนักงานสมัครทำงานพิเศษกับรัฐบาลแลกกับค่าแรง 600 เหรียญสหรัฐต่อสัปดาห์ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของแพกเกจเงินช่วยเหลือของรัฐบาลสหรัฐอเมริกามูลค่า 2 ล้านล้านเหรียญสหรัฐด้วย
ฝรั่งเศสตั้งคำถาม “เราจะสมัคร Disney+ กันต่อไหม?”
อย่างไรก็ดี การระงับจ่ายเงินให้พนักงานครั้งนี้ ส่งผลต่อพนักงาน 17,000 คนของ Disneyland ในกรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศสด้วยเช่นกัน ซึ่งทำให้มีตัวแทนจากสมาพันธ์แรงงานประชาธิปไตยแห่งฝรั่งเศส (The French Democratic Confederation of Labour : CFDT) ออกมาตั้งคำถามว่า “เรายังต้องสมัคร Disney+ อยู่หรือไม่” และอาจกระทบต่อการรุกตลาดของบริการสตรีมมิ่งของบริษัทอย่าง Disney+ ได้เลยทีเดียว
สำหรับสาเหตุของการตั้งคำถามจากกลุ่มสหภาพแรงงานนี้ ส่วนหนึ่งมาจากเรื่องของการจ่ายผลตอบแทนผู้บริหารระดับสูงของ Walt Disney ที่พบว่าไม่ได้ถูกยกเลิกไปแต่อย่างใด โดยบริษัทยังคงจ่ายโบนัสให้กับผู้บริหาร และจ่ายปันผลให้ผู้ถือหุ้น มูลค่า 1,500 ล้านเหรียญสหรัฐในเดือนกรกฎาคมนี้อยู่
ด้าน Rich Greenfield นักวิเคราะห์จาก BTIG มองว่า จริง ๆ แล้ว Walt Disney มีความสามารถที่จะจ่ายเงินค่าแรงพนักงานก้อนนี้ได้ เนื่องจากบริษัทเพิ่งได้วงเงินสินเชื่อจาก Citibank มา 5,000 ล้านเหรียญสหรัฐมาเมื่อเร็ว ๆ นี้ จึงยังมีสภาพคล่องมากพอ เว้นแต่บริษัทมองว่า สถานการณ์ไวรัส Covid-19 จะยืดเยื้อยาวนานกว่าที่คิด และจะเก็บเงินก้อนนี้ไว้พยุงฐานะทางการเงินของบริษัทในอนาคต
อย่างไรก็ตาม การปล่อยให้เกิดคำถามว่า “เราควรจะสมัครใช้บริการ Disney+ หรือไม่” ไม่ใช่เรื่องดี เพราะในขณะนี้ ต้องยอมรับว่าธุรกิจของ Disney สะดุดลงเกือบทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นธีมปาร์คที่ต้องปิดตัว เรือสำราญที่ต้องจอดเทียบท่าเฉย ๆ ธุรกิจโฆษณาจากวงการกีฬาที่ถูกระงับการแข่งขัน รวมถึงธุรกิจภาพยนตร์ที่ต้องชะลอการฉายออกไป เนื่องจากโรงหนังต่าง ๆ ไม่สามารถเปิดให้บริการได้
ด้วยเหตุนี้ ธุรกิจเดียวที่ยังคงเหลือรอดก็คือบริการ Streaming อย่าง Disney+ นั่นเอง แม้ว่าน้องใหม่อย่าง Disney+ ยังไม่ใช่ธุรกิจที่จะทำเงินเป็นกอบเป็นกำเมื่อเทียบกับธีมปาร์คอย่าง Disneyland แต่การถูกเตะตัดขาตั้งแต่ปีแรกที่เปิดให้บริการก็น่าจะทำให้สถานการณ์ของ Disney+ ลำบากพอสมควรทีเดียว
โดยถึงตอนนี้ หุ้นของ Disney ร่วงลงอย่างต่อเนื่อง จาก 140 เหรียญสหรัฐเมื่อช่วงกลางเดือนกุมภาพันธ์ ปัจจุบันเหลืออยู่แค่ราว 106 เหรียญสหรัฐเท่านั้น
