ต้องยอมรับว่าโซเชียลมีเดียเป็นอีกหนึ่งโลกที่มีการใช้งานเพิ่มขึ้นในช่วง Covid-19 ระบาด เนื่องจากผู้คนเข้าไปเสพข่าวสารและความคืบหน้าของสถานการณ์ ซึ่งเจ้าพ่อวงการโซเชียลมีเดียอย่าง Facebook เองก็น่าจะทราบความจริงข้อนี้ดีจากปริมาณการใช้งานที่เพิ่มขึ้น ไม่ว่าจะเป็นตัวแพลตฟอร์มของ Facebook เอง หรือบริษัทในเครืออย่าง Instagram, Messenger และ WhatsApp
โดยปัจจุบัน แม้ว่าสถานการณ์ในเอเชีย รวมถึงประเทศไทยจะเริ่มเบาบางลงแล้ว แต่ในสหรัฐอเมริกา คงต้องบอกว่า ยุคของ Covid-19 นั้นเพิ่งเริ่มต้น ด้วยเหตุนี้ ทาง Facebook จึงตัดสินใจเปิดตัวบริการ Messenger Room สำหรับรองรับการทำวิดีโอคอนเฟอร์เรนซ์ออกมาให้ผู้บริโภคในสหรัฐอเมริกาได้ใช้งานกันก่อนใคร
โดยจุดเด่นของ Messenger Room คือสามารถรองรับผู้ใช้งานได้มากถึง 50 คนต่อหนึ่งห้องสนทนา และไม่จำกัดเวลาด้วย ซึ่งไม่ว่าจะมีแอคเคาน์ Messenger หรือไม่มีก็สามารถใช้บริการนี้ได้
ส่วนในประเทศอื่น ๆ คาดว่าจะเริ่มใช้งาน Messenger Room ได้ในสัปดาห์หน้า ซึ่งผู้ใช้งานสามารถแชร์ข้อมูลของ Room ได้ผ่าน News Feed ของ Facebook โดยตรง หรือจะเข้าไปแชร์ที่ Group หรือ Event ก็ยังได้
สื่อตะวันตกคาดการณ์ว่า คนที่หวั่นใจที่สุดกับการเปิดตัว Messenger Room ในครั้งนี้หนีไม่พ้น Zoom ผู้ให้บริการวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ชื่อดังที่มียอดผู้ใช้งานเพิ่มขึ้นเป็น 300 ล้านคนในเวลาสั้น ๆ จากวิกฤติ Covid-19 เนื่องจากที่ผ่านมา Zoom เจอปัญหาเรื่องซีเคียวริตี้จากผู้ใช้งานไปมากพอสมควร
อีกทั้งหากย้อนดูการให้ข้อมูลของ Facebook ที่ระบุว่า ตัวระบบ Messenger Room นั้นจะไม่บันทึก หรือไม่แอบฟังการสนทนาในห้องนั้นแต่อย่างใด รวมถึงจะไม่ล็อกห้องให้ด้วย โดยหน้าที่ทั้งหมดที่กล่าวมาตกเป็นของผู้สร้างห้องประชุมว่าเขาจะดูแลห้องนี้อย่างไร และจะเชิญใครเข้ามาบ้าง อีกทั้งการตั้งห้องประชุมนั้น สามารถถูกรีพอร์ตได้ด้วยหากพบว่ามีการละเมิด Community Standard ของ Facebook
อนาคตของ Messenger Room
สำหรับการใช้งาน Room นั้น ผู้ใช้ Facebook ที่ได้รับเชิญให้เข้าร่วมประชุม จะสามารถจอยได้ผ่านสมาร์ทโฟน หรือคอมพิวเตอร์เลย โดยไม่ต้องดาวน์โหลดแอปอะไรเพิ่มเติมอีก ส่วนในอนาคต ผู้บริหารของ Facebook อย่าง Stan Chudnovsky เผยว่า Messenger Room จะถูกผนวกลงไปกับ Instagram Direct, WhatsApp, Portal แน่นอน
ที่น่าสนใจก็คือ Facebook เคยทดสอบเครื่องมือดังกล่าวในแคนาดาและออสเตรเลียเมื่อ 4 ปีก่อนนี้แล้ว โดยในยุคนั้น ระบบยังไม่รองรับการทำ VDO Streaming แต่สามารถรองรับผู้ใช้งานได้มากถึง 250 คนมาแล้ว
อีกหนึ่งความเคลื่อนไหวที่น่าสนใจก็คือ หลังจาก Facebook ประกาศเปิดตัวฟีเจอร์ดังกล่าว หุ้นของ Zoom ผู้ให้บริการ VDO Conference ชื่อดังก็ร่วงลงทันที 6% แบบนี้จะเรียกว่าอะไรดีเนี่ย