สำหรับใครที่ติดตามข่าวจากฟากฝั่งอเมริกา เชื่อว่าคงได้ยินข่าวของบริษัทวิเคราะห์หลายแห่งที่ออกมาคาดการณ์ตัวเลขรายได้ของธุรกิจ Digital Advertising ว่าจะมียอดรายได้ลดลงเนื่องจากการแพร่ระบาดของไวรัส Covid-19 ทำให้นักโฆษณาลด ละ เลิก การใช้เงินบนแพลตฟอร์มยอดฮิตอย่างเสิร์ชเอนจิน หรือโซเชียลมีเดีย
โดยหนึ่งในบริษัทที่ออกมาคาดการณ์ตัวเลขดังกล่าวคือบริษัทวิเคราะห์ Cowen & Co. ที่ระบุว่า Google ในปีนี้อาจมีรายได้ 127,500 ล้านเหรียญสหรัฐ ลดลงจากที่เคยคาดการณ์ไว้ 18% ส่วน Facebook คาดว่าจะมีรายได้ 67,800 ล้านเหรียญสหรัฐ ลดลง 19% จากตัวเลขเดิมของ Cowen & Co. เช่นกัน หรือตีเป็นตัวเลขกลม ๆ ว่าในปีนี้รายได้ของแพลตฟอร์มเสิร์ชเอนจินและโซเชียลมีเดียอาจลดลงถึง 44,000 ล้านเหรียญสหรัฐ
สอดคล้องกับ Alex Schultz และ Jay Parikh ผู้บริหารของ Facebook ที่ออกมายอมรับผ่านบล็อกของบริษัทว่า มองเห็นยอดเงินโฆษณาลดลงจากการแพร่ระบาดของ Covid-19 เช่นกัน แม้ว่า Facebook จะมีการใช้งานเพิ่มขึ้นทั่วโลก โดยเฉพาะการส่งข้อความที่เพิ่มขึ้นกว่า 50% ในช่วงเดือนที่ผ่านมา แต่บริษัทก็ไม่ได้มีการทำรายได้จากบริการดังกล่าว
อย่างไรก็ดี เมื่อหันไปทางจีนแผ่นดินใหญ่ ซึ่งมีแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียอยู่เช่นกัน เรากลับพบว่ามีความจริงอีกด้านรออยู่ นั่นคือแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียของจีนอย่าง Biliblili, TikTok และ Lizhi สามารถหาช่องทางทำเงินได้แม้ในภาวะ Covid-19 ระบาด
โดยการเปิดเผยของ Marco Lai ผู้บริหารของ Lizhi บอกว่า เขาได้รับแรงบันดาลใจจากวง AKB48 ที่แฟน ๆ ของวงต่างพยายามแย่งกันซื้อซีดีเพื่อให้ได้รับสิทธิเข้าไปดูโชว์ของศิลปิน Lizhi จึงนำไอเดียดังกล่าวมาปรับใช้กับแพลตฟอร์มของตนเอง ด้วยการนำเสนอ “Virtual Gift” ออกมาเพื่อให้แฟน ๆ ซื้อของขวัญเหล่านี้มอบให้กับเซเลบที่ตนเองชื่นชอบบนแพลตฟอร์มของ Lizhi ซึ่งทุกวันนี้ เงินค่าคอมมิชชั่นจากการขาย Virtual Gift คิดเป็น 99% ของรายได้บริษัท และยิ่งเติบโตขึ้นในช่วงที่ชาวจีนถูกกักตัวอยู่ในบ้านช่วงไวรัส Covid-19 ระบาด
“สิ่งที่ทำให้เราแตกต่างจากบริษัทสัญชาติอเมริกันคือ เราไม่พึ่งพาแต่โมเดลโฆษณาอย่างเดียว แต่เราหารายได้อื่น ๆ เพิ่มเติม ซึ่งทำให้เราแตกต่าง” Lai กล่าว
เช่นเดียวกับ ByteDance เจ้าของแพลตฟอร์ม TikTok และ Douyin ที่นอกจากจะขายโฆษณาแล้ว ก็เริ่มนำ Virtual gift เข้าไปให้บริการบนแพลตฟอร์มของตนเองเช่นกัน แถมยังพบว่า ByteDance ยังแตกไลน์ไปเติบโตด้านเกม และอีคอมเมิร์ซเพิ่มด้วย
ส่วน Bilibili ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มคล้าย ๆ กับ YouTube นั้นก็ออกมายอมรับเช่นกันว่าไตรมาส 1 ที่ผ่านมา เป็นช่วงเวลาที่บริษัทเติบโตอย่างแข็งแกร่งที่สุด นั่นคือมีผู้คนเข้ามายังแพลตฟอร์มเพื่อมองหาคลิปการเรียนการสอนออนไลน์ ฯลฯ เพิ่มขึ้นมากเมื่อเทียบกับปีที่แล้ว นอกจากนี้หากมองรายได้ของ Bilibili จะพบว่ามีรายได้จากหลายช่องทาง ทั้งธุรกิจเกม, ไลฟ์สตรีม, อีคอมเมิร์ซ และธุรกิจโฆษณา เช่นกัน
ภาพที่แตกต่างกันนี้ทำให้เห็นได้ว่า จริง ๆ แล้วในภาวะที่คนบางคนบอกว่าเราจะยากลำบากกันอีกยาว ๆ มันก็อาจลำบากจริง ๆ อย่างที่เขามองก็ได้ แต่ถ้าลองมองแบบจีน เราอาจได้เห็นว่าโลกนี้แท้จริงเต็มไปด้วยความหลากหลาย และมีโอกาสใหม่ ๆ อยู่เต็มไปหมด