เป็นอีกหนึ่งธุรกิจที่พลิกวิกฤติเป็นโอกาสได้อย่างน่าสนใจ กับบริการน้องใหม่สาย Delivery ในชื่อ “TuktukX” ไอเดียของของบริษัท “นวทรรศน์ ฮอสพิทัลลิตี้” ที่แต่เดิมเคยมุ่งเจาะกลุ่มนักท่องเที่ยวต่างชาติด้วยการจัดทัวร์ในรูปแบบต่าง ๆ แต่เมื่อนักท่องเที่ยวหดหายจากพิษ Covid-19 การมองหาโอกาสใหม่ ๆ ภายใต้ทีมงานเดิมที่มีอยู่จึงต้องเริ่มขึ้น
“เดิมเราคือบริษัททัวร์ ดูแลลูกค้าต่างชาติที่เข้ามาเที่ยวเมืองไทย เป็นทัวร์ด้านอาหาร มีชื่อว่า Bangkok Food Tour ซึ่งก็จะมีเส้นทางให้เลือกหลายแบบ แต่เส้นทางที่ได้รับความนิยมเป็นพิเศษคือ Midnight Food Tour by Tuktuk ที่มีลูกค้าทุกวัน” คุณแจน – นระเกณฑ์ พุ่มชูศรี Co-Founder บริษัท นวทรรศน์ ฮอสพิทัลลิตี้ เริ่มต้นบอกเล่า
“รูปแบบของ Midnight Food Tour by Tuktuk คือเราจะนัดเจอลูกค้าที่สถานีรถไฟใต้ดิน จากนั้นก็จะนำขบวนรถตุ๊กตุ๊กไปรับ 5 – 6 คัน รับเป็นกลุ่ม ๆ ไปแวะจุดต่าง ๆ ที่เป็นร้านอาหารดังในกรุงเทพฯ ยามค่ำคืน และทัวร์นี้จะจบตอนมิดไนท์ เลยเป็นที่มาของชื่อค่ะ”
อย่างไรก็ดี คุณแจนเล่าว่าได้เริ่มมองเห็นสัญญาณเตือนด้านการท่องเที่ยวตั้งแต่ปลายปีที่ผ่านมา กับข่าวไวรัสระบาดในจีนแผ่นดินใหญ่ ทำให้เริ่มมองหาธุรกิจเสริมเตรียมเอาไว้เผื่อธุรกิจหลักอย่างการท่องเที่ยวได้รับผลกระทบ ซึ่งก็มาลงตัวที่การขายต้นไม้ในร่มพร้อมกระถางทรงโมเดิร์นสำหรับคนเมืองในชื่อ Urban Tree ซึ่งในตอนแรกก็ใช้บริการของ Kerry ในการจัดส่ง แต่ต่อมาพบว่า คนขับตุ๊กตุ๊กเริ่มมีงานน้อยลง ก็เลยใช้ทีมงานรถตุ๊กตุ๊ก ที่เคยบริการนักท่องเที่ยวจาก Midnight Food Tour by Tuktuk เป็นผู้ส่งต้นไม้ให้ เพื่อให้เขามีรายได้เพิ่ม
จุดเปลี่ยนของธุรกิจเกิดขึ้นอย่างจริงจังในเดือนมีนาคมที่ผ่านมา เมื่อธุรกิจทัวร์มีรายได้ลดลง 50% เพราะลูกค้าเริ่มเดินทางมาเมืองไทยไม่ได้ เนื่องจากสายการบินต่าง ๆ เริ่มมีการแคนเซิลไฟลท์จากการแพร่ระบาดของไวรัส Covid-19 และทันทีที่รัฐบาลประกาศเคอร์ฟิวเมื่อวันที่ 3 เมษายนที่ผ่านมา ทางบริษัทก็ตัดสินใจคืนเงินลูกค้าที่จองเข้ามาทั้งหมด และหันมามองหาโอกาสใหม่ ๆ ในประเทศอย่างจริงจัง
“จริง ๆ เราเริ่มมีไอเดียตั้งแต่ตอนที่ให้คนขับตุ๊กตุ๊กไปส่งต้นไม้ให้ลูกค้าแล้ว เพราะตอนนั้นลูกค้าถามว่า รับส่งของอย่างอื่นด้วยไหม เราก็เลยเห็นว่ามีดีมานด์ว่าลูกค้าอยากใช้ตุ๊กตุ๊กส่งของ ถ้าเรามีบริการแบบ Sameday Delivery ที่มีของวันนี้อยากให้ไปส่งวันนี้เลย ก็น่าจะตอบโจทย์ จึงเริ่มพัฒนาเป็น TuktukX ขึ้นมา”
TuktukX ช่องว่างในตลาดที่ตุ๊กตุ๊กตอบโจทย์
โดยจุดเด่นของบริการที่แตกต่างจากบริการ Delivery อื่น ๆ ก็คือ ตัวรถที่มีเอกลักษณ์
“เราเห็นว่า TuktukX เหมาะกับการส่งของที่ใหญ่เกินกว่ามอเตอร์ไซค์จะส่งได้ไหว แต่ก็ไม่เหมาะส่งรถยนต์ เช่น ต้นไม้เนี่ยเหมาะมาก เพราะส่งด้วยรถมอเตอร์ไซค์ไม่ได้ ส่งด้วยรถยนต์ก็ไม่สะดวก หรืออาจเป็นกล่องขนาดใหญ่ประมาณหนึ่ง ที่เจ้าของไม่สะดวกจะนำไปส่งที่ไปรษณีย์ ก็เรียกเราให้เข้าไปรับได้ ตุ๊กตุ๊กของเราเลยเป็นกลุ่มตรงกลาง ซึ่งไม่ต้องแข่งกับใคร”
“อีกเรื่องหนึ่งคือ คนขับตุ๊กตุ๊กของเราจะได้รับการอบรมด้านมารยาท ความสุภาพมาโดยตลอด เพราะเขาต้องให้บริการนักท่องเที่ยว เมื่อเราเปลี่ยนคนขับตุ๊กตุ๊กมาส่งต้นไม้ ก็พบว่าสามารถบริการได้ดี ผู้รับสินค้ารู้สึกพอใจ จึงมองว่าการปรับมาสู่บริการ Delivery ก็น่าจะทำให้ลูกค้าพึงพอใจได้ด้วยเช่นกัน”
สำหรับค่าใช้จ่ายในการจัดส่งของ TuktukX นั้น คุณแจนบอกว่า เป็นการคิดตามระยะทาง เริ่มต้นที่ 180 บาท ซึ่งอาจจะแพงกว่าบริการที่ใช้รถมอเตอร์ไซค์ แต่ก็ถูกกว่าบริการโดยใช้รถแท็กซี่อย่างแน่นอน อีกทั้งยังสามารถส่งหลายจุดได้ด้วย
ส่วนในเรื่องของการสร้างความมั่นใจในการใช้บริการนั้น ทางบริษัทเผยว่ามีหลายด้าน
“เรามีทีมงานตุ๊กตุ๊กที่ทำงานด้วยกันมานาน ประมาณ 50 คัน ซึ่งทุกคนจะรู้จักคุ้นเคยกันหมด มีเลขประจำรถ มีชื่อเสียงเรียงนาม มีเบอร์โทรศัพท์ติดต่อได้ รวมถึงเอกสารสำคัญยืนยันตัวตน ที่สำคัญ เรามีระบบให้คนขับต้องรายงานเมื่อส่งของถึงจุดหมายแล้วด้วย”
“ส่วนเรื่องของมาตรฐานด้านความปลอดภัย เราก็จะอบรมให้คนขับรู้จักป้องกันตัวเอง มีเจลแอลกอฮอล์ และใส่หน้ากากอนามัยตลอดเวลา ซึ่งจนถึงทุกวันนี้ คนขับและพนักงานของเราก็ยังปลอดภัยดีทุกคน” คุณแจนกล่าวย้ำ
ส่วนอนาคตของ TuktukX จะกลายเป็นอีกหนึ่งรายได้ของบริษัทหรือไม่นั้น คุณแจนกล่าวว่ายังไม่ได้มองไปถึงจุดนั้น เพราะความเชี่ยวชาญเดิมของบริษัทคือการท่องเที่ยว ซึ่งเธอเชื่อว่าเมื่อวิกฤติ Covid-19 ผ่านไป นักท่องเที่ยวก็จะกลับมาแน่นอน ในตอนนี้จึงขอให้พนักงานทุกคนสู้อย่างถึงที่สุด ซึ่งเรื่องน่าดีใจก็คือ พนักงานทุกคนในบริษัทช่วยกันอย่างมาก ไม่ว่าจะมีตำแหน่งอะไร เช่น โปรแกรมเมอร์ก็มาช่วยแพ็กของ พนักงานบัญชีก็มาแพ็กต้นไม้ลงกระถาง และมาช่วยขายของออนไลน์กันมาได้ 2 – 3 เดือนแล้ว
“เราไม่คิดแข่งกับใคร จริง ๆ ตอนนี้คิดแค่ว่า แค่พอมีงานให้ลูกน้องทำวันละรอบสองรอบดีกว่าให้เขากลับบ้านมือเปล่า เลยเป็นที่มาของการหารายได้เพิ่มครั้งนี้ค่ะ” คุณแจนกล่าวทิ้งท้าย