เพราะการออกกำลังกายในยุคนี้ต้องมีอะไรมากกว่าแค่ “สุขภาพดี” นั่นจึงเป็นที่มาของนวัตกรรมการออกกำลังกายแนวใหม่อย่าง “Fitforce” ผลงานนักพัฒนาไทยไฟแรงที่เปิดตัวมาเพียงไม่ถึงสองสัปดาห์ก็ทำสถิติดึงยอดผู้เล่นให้เติบโตได้แล้วกว่า 5,000 ราย
โดยคุณโต้ – กีรติ ธนกิจเจริญพัฒน์ ผู้ก่อตั้ง และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร Fitforce เปิดเผยว่า เกมดังกล่าวพัฒนาขึ้นเพื่อเจาะกลุ่มคนรักการออกกำลังกาย ที่อยากได้ความสนุกสนานเพิ่มเติมเข้ามา แถมข้อดีคือไม่ต้องมีอุปกรณ์มากมาย ขอแค่มีเพียง “คอมพิวเตอร์ – สมาร์ทโฟน” ก็ออกกำลังกายได้แล้ว
“ก่อนหน้าที่จะพัฒนา Fitforce เราพบความจริงข้อหนึ่งว่า ไม่ใช่ทุกคนที่ชอบออกกำลังกายแบบ Outdoor นอกจากนั้น เรายังพบว่า คนที่อยากออกกำลังกายก็อยากได้ความสนุกเพิ่มเติมเข้ามาด้วย ซึ่งเราเลยมองว่า การออกกำลังกายในรูปแบบเกมที่เปิดโอกาสให้เราเล่นกับเพื่อน หรือการทำกิจกรรมที่มันแข่งขันกับเพื่อนได้น่าจะทำให้การออกกำลังกายสนุกขึ้น ผมเลยจับสองสิ่งนี้มารวมกันกลายเป็น Fitforce ในที่สุด”
ตัวเกมกับสมาร์ทโฟนต้องเชื่อมต่อกันผ่านการสแกน QR Code
สำหรับการเข้าเล่นเกม ขอเพียงผู้เล่นมีสมาร์ทโฟนที่ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน Fitforce (สามารถดาวน์โหลดได้ทั้งจาก Google Play และ App Store) และคอมพิวเตอร์ที่ติดตั้งโปรแกรม Steam ก็สามารถเล่นได้แล้ว โดยก่อนการเล่น ผู้เล่นเพียงนำสมาร์ทโฟนขึ้นมาสแกน QR Code บนหน้าจอคอมพิวเตอร์ เพื่อเชื่อมต่อระบบเข้าด้วยกัน จากนั้นจะมีเกมต่าง ๆ ปรากฏขึ้นมาให้เลือก ซึ่งมีทั้งแบบที่สามารถเล่นได้ฟรี และแบบที่ต้องเสียค่าใช้จ่ายเพิ่ม
“การพัฒนา Fitforce ส่วนหนึ่งมาจากการที่เราค่อย ๆ เก็บฟีดแบ็กจากยูสเซอร์มาเรื่อย ๆ คือก่อนหน้านี้เราเคยพัฒนาเกมชื่อ Runster เป็นการเล่นเกมวิ่งแข่งกันออนไลน์ และการเล่นไม่ได้วิ่งอย่างเดียว บางทีก็มีการเอาดาบขึ้นมาฟันกันด้วย ซึ่งมันก็สนุกนะ แต่คนที่เขาไม่ได้เล่นเกมเป็นประจำ เขามาเจอแบบนี้มันก็มีเรื่องที่เขาต้องเรียนรู้เยอะมากเลย ถ้าเทียบกับกลุ่มคนที่ไม่เคยเล่นเกมอะไรมาเลย พอมาเจอ Fitforce เขาก็เริ่มได้ง่ายกว่า”
ผลจากการทำความเข้าใจกลุ่มเป้าหมาย คุณกีรติเผยว่า หลังเปิดตัวได้ไม่ถึงสองสัปดาห์ เกม Fitforce ก็สามารถดึงดูดผู้เล่นให้เข้ามาได้มากกว่า 5,000 คนไปแล้วเรียบร้อย และส่วนหนึ่งของผู้ที่เข้ามาเล่น Fitforce ก็เป็นผู้ที่ติดตามมาจากเกม Runster ด้วยเช่นกัน
“คอมพ์-มือถือ” คู่หูการออกกำลังกาย
คุณกีรติยังเล่าถึงสาเหตุการเลือกจับคู่อุปกรณ์อย่างคอมพิวเตอร์ – โทรศัพท์มือถือ มาใช้เป็นอุปกรณ์พื้นฐานสำหรับการออกกำลังกายของ Fitforce ว่า เป็นเพราะพลังในการคำนวณที่มีประสิทธิภาพมากกว่า
คุณกีรติ ธนกิจเจริญพัฒน์ ผู้ก่อตั้ง และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร Fitforce
“ต้องยอมรับว่า คอมพิวเตอร์ในปัจจุบันมีพลังการประมวลผลสูงกว่าสมาร์ทโฟน – สมาร์ททีวี ประกอบกับเกมนี้มีการคำนวณค่อนข้างมาก ไม่ว่าจะเป็นการคำนวณแรงโน้มถ่วง การจัดการภาพสามมิติ ฯลฯ ซึ่งเรามองว่า การจับคู่สองอุปกรณ์นี้ (คอมพิวเตอร์ – สมาร์ทโฟน) จึงเป็นทางเลือกที่เหมาะสม ประกอบกับคนที่มีคอมพิวเตอร์กับสมาร์ทโฟนนั้น เราเชื่อว่ามีเยอะมาก เราเลยเลือกกลุ่มตลาดที่คิดว่าแมสที่สุด และเข้าถึงได้ง่ายที่สุดในการเปิดตัว”
อย่างไรก็ดี คุณกีรติเผยว่า ทิศทางการพัฒนาในอนาคตอาจเป็น “การพัฒนาอุปกรณ์ฮาร์ดแวร์” เป็นของตัวเอง เพื่อให้ผู้เล่นได้รับประสบการณ์ที่ตรงกับเป้าหมายของแอปพลิเคชัน
“ตอนนี้เราพบว่าผู้เล่นอาจได้รับประสบการณ์ที่แตกต่างกัน เนื่องจากใช้โทรศัพท์มือถือคนละรุ่น ซึ่งการจะทลายกำแพงนี้ได้ เราอาจต้องทำฮาร์ดแวร์ขึ้นมาใช้เอง เช่น อาจเป็นเซนเซอร์ 5 ชิ้นติดรอบตัว เพื่อให้การวัดค่าต่าง ๆ ทำได้แม่นยำขึ้น ซึ่งนี่อาจเป็นภารกิจของเราในอนาคต”
หน้าจอสรุปผลเมื่อจบภารกิจการออกกำลังกาย
นอกจากนั้น ทางทีมยังมองการพัฒนาตัวเกมไปอีกระดับด้วย “การเปิดโอกาสให้ผู้เล่นสามารถสร้างด่าน” ได้ด้วยตัวเอง ซึ่งจะทำให้ตัวเกมมีคอนเทนต์ที่หลากหลายมากขึ้น
“ทุกวันนี้ คอนเทนต์ของเกม ถูกผลิตโดยทีมงานทั้งหมด แต่ถ้าเราเปิดให้ผู้เล่นเข้ามาสร้างด่านเองได้ มันจะเกิดคอนเทนต์แบบไม่จำกัด ยกตัวอย่างเช่น ถ้า 10% ของผู้ใช้งานเรามาสร้างด่าน ก็จะมีคอนเทนต์เพิ่มมาอีก 300 ด่านแล้ว แต่การทำเช่นนี้ก็มีความท้าทายเช่นกัน นั่นคือการออกแบบ User Interface ว่าจะทำอย่างไรให้คนที่ไม่เข้าใจเทคโนโลยีมากนักสามารถออกแบบด่านได้”
ขณะที่การออกไปบุกตลาดต่างประเทศนั้น ทางทีมยอมรับว่า มีแผนจะไปแน่ ๆ โดยประเทศที่มองไว้ ได้แก่ สหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่น สิงคโปร์ และไต้หวัน ซึ่งเป็นตลาดที่ผู้บริโภคให้ความสนใจการเล่นเกมออนไลน์สูงมาก ประกอบกับช่วงนี้หลายประเทศยังอยู่ระหว่างการล็อกดาวน์เนื่องจากไวรัส Covid-19 ซึ่งเป็นโอกาสอันดีสำหรับคนที่มองหากิจกรรมยามว่าง
“การพัฒนาเกม Fitforce เราคาดหวังว่ามันจะทำให้การออกกำลังกายมันง่ายขึ้น สนุกขึ้น แต่ต้องบอกว่า Vision ของบริษัทเราไม่ได้จะหยุดอยู่แค่เกมนี้เกมเดียว เรายังมองหาความท้าทายอื่น ๆ อีกมากมาย เช่น การพัฒนาฮาร์ดแวร์ก็เป็นส่วนหนึ่ง ดังนั้น ถ้ามีใครสนใจอยากมาพาร์ทเนอร์ด้วยกัน เราก็จะยินดีมากครับ” คุณกีรติกล่าวทิ้งท้าย