ศูนย์การค้าเมกาบางนา เผยแนวทางการดำเนินธุรกิจหลังสถานการณ์โควิด – 19 ที่มีแนวโน้มที่ดีขึ้น พร้อมก้าวเข้าสู่ยุค “New Normal” อย่างเข้มข้น เน้นย้ำการส่งมอบบริการและประสบการณ์ที่สนุกอย่างปลอดภัยให้กับลูกค้า ตามภารกิจที่ตั้งใจดำเนินการมาตลอดระยะเวลา 8 ปี เดินหน้าจัดเต็มตามมาตรการ “ห่างกันอย่างโปร” เน้น สุขอนามัย – สะอาด – ปลอดภัย – ความสะดวก สร้างความเชื่อมั่นให้ลูกค้าที่กลับมาใช้บริการ พร้อมการทำงานร่วมกันกับร้านค้าผู้เช่าอย่างใกล้ชิด เพื่อพัฒนากลยุทธ์การตลาดที่ตอบโจทย์ลูกค้า ด้วยการทำแคมเปญร่วมกับพันธมิตรกับ Food Online Delivery Platform และเสริมบริการ Click & Collect เชื่อมช่องทางออนไลน์ของร้านค้า เข้ากับหน้าร้าน และรับสินค้าได้ที่จุดไดรฟ์ ทรู (Drive Thru) ของเมกาบางนา ช่วยอำนวยความสะดวกให้กับลูกค้าในทุกขั้นตอนการใช้บริการ
นางสาวปพิตชญา สุวรรณดี กรรมการผู้จัดการ ศูนย์การค้าเมกาบางนา กล่าวว่า “สถานการณ์โควิด-19 ที่เกิดขึ้น ถือเป็นความท้าทายใหม่สำหรับในธุรกิจค้าปลีก และเป็นปัจจัยที่ขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของผู้บริโภคให้เข้าสู่ New Normal อย่างรวดเร็วและหลีกเลี่ยงไม่ได้ โดยศูนย์การค้าเมกาบางนาทำหน้าที่เป็นมีทติ้งเพลส (Meeting Place) ของคนในย่านนี้มาตลอดระยะเวลา 8 ปี โดยเราเป็นมากกว่าสถานที่ช็อปปิ้ง เพราะเราคือสถานที่พบปะของครอบครัวและเพื่อนฝูง ที่มอบประสบการณ์แห่งเสียงหัวเราะและความสุขให้กับลูกค้าทุกคน จากสถานการณ์โควิด-19 ที่เกิดขึ้น เราได้ตระหนักถึงการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญของสังคมไทยและการปรับตัวของกลุ่มลูกค้าที่ในการใช้ชีวิตให้เข้ากับ New Normal ที่ถึงแม้จะปรับตัวยากในตอนแรก แต่ขณะนี้ทุกคนสามารถปรับตัวรับกับรูปแบบการใช้ชีวิตใหม่นี้ได้เป็นอย่างดี เพราะลูกค้าเข้าใจถึงความจำเป็นและความรับผิดชอบต่อสังคมร่วมกัน โดยมีการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมของตัวเอง ทั้งในเรื่องการสวมหน้ากากอนามัยตลอดเวลา การพกเจลแอลกอฮอล์ล้างมือ การเว้นระยะห่างระหว่างลูกค้ากันเอง รวมถึงปฏิบัติตามข้อกำหนดที่ทางศูนย์ฯ แนะนำไว้เป็นอย่างดี ทั้งนี้ หลังจากที่เปิดให้บริการในวันที่ 17 พ.ค. เมกาบางนามีร้านค้าที่กลับมาเปิดให้บริการแล้วมากกว่า 97% และมีจำนวนลูกค้าที่มาใช้บริการมากกว่า 80% พร้อมยอดขายผู้เช่าหลักที่กลับมาเป็นปกติหรือมากกว่า เมื่อเทียบกับสถานการณ์ก่อนปิดศูนย์การค้าฯ
“ห่างกันอย่างโปร” เพื่อชีวิตในยุค New Normal
นอกจากการตั้งรับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นแล้ว เมกาบางนายังมีมุมมองเชิงรุก เมกาบางนาได้ปรับเปลี่ยนการดำเนินงานภายในศูนย์ฯ หลายส่วนเพื่อให้สอดรับการใช้ชีวิตแบบ New Normal ด้วยเป้าหมายคือการส่งมอบบริการและประสบการณ์ที่สนุกสนานได้อย่างปลอดภัยให้กับลูกค้า ซึ่งจากสถานการณ์โควิด-19 เราเข้าใจในเรื่องของความกังวลเรื่องสุขอนามัยเป็นอย่างดี เมกาบางนาจึงได้เสริมมาตรการที่เข้มข้นมากขึ้นทั่วทั้งศูนย์ฯ พร้อมกับการทำงานอย่างใกล้ชิดกับหน่วยงานของภาครัฐ เพื่อเพิ่มมาตรการให้ครอบคลุมเรื่องสุขอนามัย ความสะอาด ความปลอดภัย และความสะดวกสบายของลูกค้า ภายใต้แคมเปญ “ห่างกันอย่างโปร” (Social Distancing Expert) ซึ่งมีแนวทางปฏิบัติ “Social4Carings” เพื่อความสะอาดและสุขอนามัยที่ดีของลูกค้าทุกคนที่มาใช้บริการที่เมกาบางนา ได้แก่ (1) มาตรการการรักษาระยะห่างทางสังคม หรือ Social Distancing (2) มาตรการร่วมรับผิดชอบต่อสังคมและลูกค้า หรือ Social Caring for Customers (3) มาตรการสำหรับพนักงาน และเจ้าหน้าที่ที่มาปฏิบัติงาน หรือ Social Self-Care for Staff และ (4) มาตรการการร่วมรับผิดชอบต่อสังคมและชุมชนโดยรอบ หรือ Social Care for Community
“ตั้งแต่การปิดบริการชั่วคราวของศูนย์การค้าและได้เปิดบริการเมื่อวันที่ 17 พฤษภาคมที่ผ่านมานั้น ตลอดเวลา
เมกาบางนามีการสื่อสารอย่างใกล้ชิดกับร้านค้าผู้เช่า เพื่ออัพเดทสถานการณ์ รวมถึงมีมาตรการสนับสนุนต่างๆ ซึ่งท่ามกลางสถานการณ์ที่เกิดขึ้นพันธมิตรธุรกิจ หรือร้านค้าผู้เช่า เป็นปัจจัยสำคัญอย่างมากที่เราจะต้องพร้อมใจก้าวไปในทิศทางเดียว ช่วยเหลือกัน เพื่อผ่านพ้นวิกฤตและเติบโตไปด้วยกันได้ โดยก่อนที่จะกลับมาเปิดให้บริการอีกครั้งเราได้ประสานงานกับทางร้านค้าในการจัดส่งเอกสาร Megabangna Re-opening Playbook ไปให้กับร้านค้าผู้เช่า เพื่อเป็นแนวทางในการเตรียมตัวตามมาตรการเรื่องความปลอดภัย เป็นการเตรียมความพร้อมในให้บริการลูกค้าได้อย่างดีที่สุด” นางสาวปพิตชญา กล่าว
ผนึกพันธมิตรร้านค้าผู้เช่า พัฒนากลยุทธ์ร่วมกัน
ทั้งนี้ เมกาบางนาและพันธมิตรร้านค้าผู้เช่าได้มีแนวทางกลยุทธ์ในการดำเนินการในยุค New Normal ได้แก่
1. ต่อยอดความร่วมมือกับ Food Online Delivery Platform ทุกแพลตฟอร์ม สำหรับร้านค้าผู้เช่าในกลุ่มร้านอาหารและเครื่องดื่ม เมกาบางนาเป็น “ฟู้ด เดสทิเนชั่น” ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดแห่งกรุงเทพตะวันออก มีร้านอาหารให้เลือกสรรถึง 165 ร้าน ซึ่งในช่วงที่ศูนย์ฯ ปิดให้บริการชั่วคราว ทางเมกาบางนา ได้เปิดให้บริการ “จุดสั่งอาหารกลับบ้าน” (Pick Up Point) เพื่อช่วยอำนวยสะดวกให้กับลูกค้า และพนักงานเดลิเวอรี่ทุกแพลตฟอร์ม นอกจากนี้ ยังมีการจัดทำแคมเปญร่วมกับ Grab Food ด้วยการใช้คะแนนเมกา สไมล์ รีวอร์ดส แลกรับโค้ดส่วนลดจาก Grab Food ผ่านทางแอปพลิเคชั่นเมกาบางนา และแคมเปญ Mega Eat @ Home ร่วมกับ LINE Man โดยอำนวยความสะดวกให้ลูกค้าเลือกสั่งเมนูจากร้านต่างๆ ที่ร่วมรายการได้มากกว่า 1 ร้านต่อการสั่งซื้อ 1 ครั้ง และยังได้รับส่วนลดค่าจัดส่งได้สูงสุดถึง 80 บาท นอกจากนี้ เมกาบางนายังอยู่ในระหว่างการเจรจากับกลุ่ม Food Online Delivery Platform อื่นๆ เพื่อหาช่องทางและกลยุทธ์อื่นๆ เพิ่มเติมในการสนับสนุนผู้เช่ากลุ่มนี้
2. เดินหน้ากลยุทธ์ Omni Channel เชื่อมช่องทางออนไลน์และหน้าร้าน เพื่ออำนวยความสะดวกลูกค้าแบบไร้รอยต่อ สำหรับร้านค้าผู้เช่าในทุกกลุ่มธุรกิจ โดยเมกาบางนาสนับสนุนบริการ Click & Collect เป็นการต่อยอดทางธุรกิจในการรวม retail และ logistics เข้าด้วยกัน โดยลูกค้าสามารถเลือกดู และสั่งสินค้าได้ทางออนไลน์ และมารับสินค้าได้ที่จุดไดรฟ์ ทรู (Drive Thru) ของเมกาบางนา เพื่อช่วยลดความแออัดของการใช้บริการภายในร้านค้า และเพิ่มความสะดวกให้กับลูกค้าได้อีกด้วย นอกจากนี้ เมกาบางนายังสนับสนุนการใช้สื่อออนไลน์ของเมกาบางนา ได้แก่ เฟซบุ๊ค เว็บไซต์ และแอปพลิเคชั่น รวมถึงสื่อภายในศูนย์ฯ เพื่อให้ร้านค้าใช้เป็นช่องทางประชาสัมพันธ์สินค้าและบริการของตนเอง สร้างแบรนด์และยอดขายให้กับร้านค้า
เดินหน้ารีโนเวทเมกาบางนา ไม่หยุดขยายเมกาซิตี้
โครงการ “เมกาซิตี้” เป็นโปรเจ็คอสังหาริมทรัพย์รูปแบบ “มิกซ์ ยูส” บนถนนบางนา – ตราด เมืองขนาดใหญ่สำหรับการใช้ชีวิตที่ครบวงจร ทั้งพื้นที่สำหรับอยู่อาศัย สำนักงาน โรงเรียน และสวนสาธารณะ โดยมีศูนย์การค้าเมกาบางนาเป็นศูนย์กลางของทุกไลฟ์สไตล์ ทั้งนี้ ท่ามกลางสถานการณ์โควิด-19 และสภาพเศรษฐกิจที่เปลี่ยนแปลง ทางเมกาบางนายังคงเดินหน้ารีโนเวทศูนย์การค้าตามแผนงานที่กำหนดไว้ เพื่อนำเสนอประสบการณ์ที่แปลกใหม่ มอบความสุขความสนุกสนานให้กับลูกค้าหลังจากที่เปิดกลับมาให้บริการอีกครั้ง โดยเราได้ปรับปรุงสถาปัตยกรรมภายในอาคารศูนย์การค้าแล้วเสร็จในเดือนเมษายนที่ผ่านมา และเรายังได้เดินหน้าปรับปรุงภูมิทัศน์ของโซนเมกา ฟู้ดวอล์ค ภายใต้คอนเซป Scandinavian Playground โดยนำเสนอสนามเด็กเล่นธรรมชาติขนาดใหญ่ ที่มิได้เป็นเพียงแค่เครื่องเล่นทั่วไป แต่เป็นพื้นที่ธรรมชาติ พร้อมสายน้ำ (stream valley) และบ่อทราย (sand dune) ภายใต้บรรยากาศสวนต้นไม้อันรื่นรมย์ที่หาได้ยากในเมืองใหญ่ เพื่อให้ครอบครัวได้ใช้เวลาร่วมกัน ในรูปแบบและประสบการณ์พิเศษใหม่นี้ พร้อมกันกับการมาใช้บริการที่เมกาบางนา โดยขณะนี้ดำเนินการแล้วเสร็จไปมากกว่า 50% และกำหนดเสร็จสมบูรณ์ภายในเดือนกันยายนนี้ โดยรวมทั้ง 2 โครงการใช้เงินลงทุนกว่า 800 ล้านบาท
นอกจากนี้ เรายังเดินหน้าอย่างต่อเนื่องในการก่อสร้างอาคารจอดรถจำนวน 8 ชั้นแห่งใหม่ เพิ่มที่จอดรถมากกว่า 2,000 คัน ภายใต้งบประมาณกว่า 1 พันล้านบาท ซึ่งคาดว่าจะแล้วเสร็จในต้นปี 2564 และทำให้ศูนย์การค้าเมกาบางนามีที่จอดรถรวมกว่า 12,000 คัน
“ธุรกิจค้าปลีกในช่วง New Normal นับเป็นจุดเปลี่ยนและความท้าทายครั้งสำคัญ โดยเมกาบางนาและพันธมิตรร้านค้าผู้เช่ามีความพร้อมในการปรับเปลี่ยนกลยุทธ์และการดำเนินงานต่างๆ เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้า รวมไปถึงมาตรการเพิ่มสุขอนามัย – สะอาด – ปลอดภัย – สะดวก สร้างความเชื่อมั่นให้ลูกค้ากลับมาใช้บริการ ส่งมอบบริการและประสบการณ์ที่สนุกสนานอย่างปลอดภัยให้กับลูกค้าตลอดไป” นางสาวปพิตชญา กล่าวสรุป