“การเว้นระยะห่างทางสังคมบนเครื่องบิน เป็นเรื่องที่ไม่ไปไม่ได้ในทางปฏิบัติ” Alan Joyce ซีอีโอของสายการบิน Qantas กล่าวกับสื่อมวลชน เขายังอธิบายต่ออีกว่า ถ้าหากต้องทำจริงๆ นั่นแปลว่าจะมีผู้โดยสารเพียง 22 คน จากที่นั่งจำนวน 128 ที่ “ซึ่งอาจจะส่งผลให้ค่าตั๋วเครื่องบินแพงขึ้น 8-9 เท่าเมื่อเทียบกับปัจจุบัน”
Alan Joyce เล่าต่อว่าปัจจุบันนี้ สายการบินของเขาให้บริการเพียงแค่ 5 % เท่านั้น โดย 1% เป็นการบินระหว่างประเทศ ที่เหลือเป็นการบินภายในประเทศ โดยเขาหวังว่าเดือนกรกฎาคม การเดินทางภายในประเทศจะฟื้นขึ้นมาอย่างในนัยสำคัญ ถึงแม้ว่า ทางแควนตัสไม่ได้หวังว่าสถานการณ์จะกลับมาดีดังเดิม แต่ก็เตรียมพร้อมทั้งเครื่องบินและพนักงานเอาไว้รองรับการกลับมาของธุรกิจการบินราว 40-50%
ปัจจุบันนี้มีผู้ที่ติดเชื้อ Covid-19 แล้วทั่วโลกเกือบ 5 ล้านคน จากปรากฏการณ์พลิกโลกในครั้งนี้ส่งปลกระทบต่ออุตสาหกรรมการบินเป็นอย่างมาก สิ่งที่เกิดขึ้นแล้วในตอนนี้ก็คือ การห้ามเดินทางข้ามประเทศ, ที่นั่งบนเครื่องบินถูกเว้นที่นั่งตรงกลาง พนักงานต้อนรับต้องใส่ชุด PPE ไปจนถึงมีขั้นตอนและใช้เวลาคัดกรองมากขึ้นก่อนที่ผู้โดยสารจะได้เดินทาง
ก่อนหน้านี้ Qatar Airways ก็ออกมาบอกแล้วว่าพนักงานจะใส่ชุดป้องกัน ตลอดจนแว่นตา ถุงมือ ถุงมือ แลัวหน้ากากอนามัย ส่วนผู้โดยสารก็ต้องใส่หน้ากากเช่นกัน
Ian Hosegood ผู้อำนวยการด้านการแพทย์ของสายการบิน Qantas พยายามอธิบายว่า การติดเชื้อบนเครื่องบินมีโอกาสเกิดขึ้นได้น้อย อันเนื่องจากระบบกรองอากาศ รวมทั้งการนั่งของผู้โดยสารที่หันหน้าไปทางเดียวกัน นั่นทำให้สำหรับแควนตัส ไม่ได้บังคับให้ผู้โดยสารใส่หน้ากากอนามัย แต่ก็แนะนำให้ใส่ รวมทั้งมีหน้ากากอนามัยไว้ให้บริการ
ด้านการบริหาร สายการบินได้พยายามตัดค่าใช้จ่ายออกเป็นจำนวนมาก เพื่อให้สอดรับกับรายได้ที่ขาดหายไป เช่น พักงานพนักงาน 30,000 คนในเดือนมีนาคม ทำให้ที่ผ่านมาแควนตัสลดค่าใช้จ่ายลงได้ 40 ล้านเหรียญออสเตรเลียภายในสิ้นเดือนมิถุนายน ข้อมูลล่าสุดเมื่อวันที่ 4 พฤษภาคม ตอนนี้บริษัทมีสภาพคล่องอยู่ราว 3,500 ล้านเหรียญออสเตรเลีย