จากกรณีการเสียชีวิตของ George Floyd ชายผิวดำชาวสหรัฐอเมริกาที่ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจกระทำรุนแรง ดูเหมือนว่า ณ เวลานี้ แฮชแท็ก #BlackLivesMatter จะกลายเป็นสิ่งที่แบรนด์ทั่วโลกให้ความใส่ใจและใช้กรณีดังกล่าวแสดงจุดยืนของแบรนด์เพื่อต่อต้านการเหยียดเชื้อชาติกันอย่างท่วมท้น
โดยแพลตฟอร์มที่มีการเคลื่อนไหวมากที่สุดหนีไม่พ้น “Twitter” เมื่อแบรนด์ต่าง ๆ ที่อยู่ในนั้นต่างพากันเปลี่ยนภาพโปรไฟล์เป็นสีดำกันถ้วนหน้า ไม่ว่าจะเป็น แอคเคาน์ของ Twitter เอง หรือแอคเคาน์ของ Facebook, Instagram และ YouTube ก็ร่วมกันเปลี่ยนภาพโปรไฟล์ด้วย
ขณะที่บริษัทอย่าง Square ซึ่ง Jack Dorsey ซีอีโอของ Twitter ดูแลอยู่ด้วยก็เปลี่ยนภาพโปรไฟล์เช่นกัน
ไม่เปลี่ยนโลโก้ ก็แสดงจุดยืนแบบอื่นได้
นอกจากการที่แบรนด์ยักษ์ใหญ่จะเปลี่ยนโลโก้เป็นสีดำแล้ว ยังมีแบรนด์บางส่วนที่แสดงจุดยืนในรูปแบบอื่นแทน เช่น กรณีของ Netflix และ Disney ที่ใช้การทวีตแทน
หรือกรณีของแพลตฟอร์มสตรีมมิ่งเพลงออนไลน์อย่าง Spotify ก็มีการสร้างเพลย์ลิสต์ Black Lives Matter เพื่อแสดงจุดยืนต่อกรณีการเสียชีวิตของ George Floyd ด้วย
นอกจากนี้ แคมเปญที่ได้รับการชื่นชมอย่างกว้างขวางเกิดขึ้นในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา เมื่อแบรนด์ดังอย่าง Nike ส่งคลิปแสดงจุดยืนเพื่อต่อต้านการเหยียดผิว พร้อมแฮชแท็ก #UntilWeAllWin ซึ่งได้รับการตอบรับอย่างท่วมท้นจากโลกออนไลน์
Let’s all be part of the change.#UntilWeAllWin pic.twitter.com/guhAG48Wbp
— Nike (@Nike) May 29, 2020
ก่อนที่คลิปดังกล่าวจะถูกทวีตโดยคู่แข่งตลอดกาลอย่าง Adidas ชนิดที่เรียกว่า “ได้ใจ” ชาวเน็ตเป็นจำนวนมากกับการเห็นทั้งสองแบรนด์แสดงจุดยืนร่วมกันต่อกรณีดังกล่าว ซึ่งทาง Nike เองก็ได้มาทวีตขอบคุณ Adidas เอาไว้ด้วย
Together is how we move forward.
Together is how we make change. https://t.co/U1nmvMhxB2— adidas (@adidas) May 30, 2020
อย่างไรก็ดี การออกมาแสดงจุดยืนของแบรนด์เหล่านี้ยังเป็นสิ่งที่ต้องติดตามตอนต่อไป ว่าจะเป็นแค่การแสดงจุดยืนตามกระแส หรือนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงอย่างแท้จริงในสังคม เพราะปฏิเสธไม่ได้ว่า การเหยียดผิวที่ดูเหมือนจะเป็นเรื่องเลวร้ายของสังคมอเมริกันจนต้องออกมาประท้วงกันอย่างทุกวันนี้นั้น สำหรับคนบางส่วน มันอาจเป็นพฤติกรรมที่แฝงตัวอยู่ในสังคมแห่งนี้มายาวนาน และไม่เคยถูกลบล้างไปเพียงเพราะการเสียชีวิตของใครคนใดคนหนึ่งก็เป็นได้