แกร็บ ผู้นำซูเปอร์แอปในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ประกาศยกระดับมาตรฐานด้านความปลอดภัยและสุขอนามัยของบริการการเดินทาง ขานรับนโยบายรัฐหลังเตรียมคลายล็อกดาวน์ระยะที่ 4 ส่งแคมเปญ “แกร็บ โพรเท็ค : มั่นใจไปกับแกร็บ” (GrabProtect) ชู 3 ไฮไลท์เด่น คือ พัฒนาระบบเทคโนโลยีเพื่อป้องกันและควบคุมมาตรฐานของพาร์ทเนอร์คนขับ ผนึกพันธมิตรสถานีบริการ “ปั๊มน้ำมันพีที” และผลิตภัณฑ์ฆ่าเชื้อโรค “เดทตอล” เพื่อเตรียมความพร้อมด้านยานพาหนะและอุปกรณ์เสริมเพื่อป้องกันและทำความสะอาด และปรับมาตรการด้านความปลอดภัย เพื่อมุ่งสร้างความมั่นใจให้ทั้งกับผู้โดยสารและพาร์ทเนอร์คนขับ
นางสาวจันต์สุดา ธนานิตยะอุดม ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด แกร็บ ประเทศไทย เผยว่า “สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ส่งผลกระทบอย่างยิ่งต่อคนทั่วโลก รวมถึงในประเทศไทย ไม่เพียงเฉพาะแต่ด้านพฤติกรรมการใช้ชีวิต แต่ยังรวมถึงด้านเศรษฐกิจด้วย หนึ่งในธุรกิจที่ได้รับผลกระทบอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้อันเป็นผลจากการประกาศนโยบายล็อกดาวน์และการเว้นระยะห่างทางสังคม รวมถึงการปิดรับนักท่องเที่ยวและผู้เดินทางที่มาจากต่างประเทศ คือภาคขนส่งสาธารณะ ซึ่งรวมถึงบริการการเดินทางของแกร็บด้วย ไม่ว่าจะเป็น บริการเรียกรถยนต์ผ่านแอปพลิเคชันอย่างอย่างแกร็บแท็กซี่หรือแกร็บคาร์ หรือบริการเรียกรถรถจักรยานยนต์อย่างแกร็บไบค์ (วิน) ซึ่งมีจำนวนผู้ใช้บริการลดลงอย่างมากในช่วง 2 – 3 เดือนที่ผ่านมา อย่างไรก็ดี เราได้เริ่มเห็นสัญญาณบวกจากสถานการณ์ในประเทศที่ดีขึ้นตามลำดับ โดยภายหลังการประกาศมาตรการผ่อนปรนการล็อกดาวน์ของรัฐบาลจนถึงปัจจุบันซึ่งอยู่ในระยะที่ 3 ทำให้มีผู้คนเริ่มออกจากบ้านและหันกลับมาใช้บริการขนส่งสาธารณะมากขึ้น”
ปัจจัยสำคัญที่มีผลต่อความมั่นใจของผู้ใช้บริการขนส่งสาธารณะคือ ความสะอาดและความปลอดภัย โดยเมื่อเร็วๆ นี้ แกร็บได้ทำแบบสำรวจความคิดเห็นของผู้ใช้บริการซึ่งพบว่า 3 ประเด็นสำคัญที่ผู้โดยสารให้ความสำคัญสูงสุดคือ การสวมใส่หน้ากากของคนขับ (75%) การแจกเจลล้างมือให้กับผู้ใช้บริการ (69%) และการทำความสะอาดยานพาหนะ (66%) ทั้งนี้ ล่าสุด แกร็บจึงได้เปิดตัวแคมเปญ “แกร็บ โพรเท็ค มั่นใจไปกับแกร็บ” (GrabProtect) เพื่อตอกย้ำและยกระดับมาตรฐานความปลอดภัยและสุขอนามัยของบริการการเดินทางอย่างเป็นรูปธรรม พร้อมสร้างมาตรฐานใหม่ให้กับบริการเรียกรถผ่านแอปพลิเคชัน โดยมุ่งเน้นไปที่กิจกรรมหลักใน 3 ด้าน อันได้แก่
1) การพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อป้องกันและควบคุมมาตรฐานของทั้งพาร์ทเนอร์คนขับและผู้โดยสาร
แกร็บได้พัฒนาฟีเจอร์ใหม่สำหรับพาร์ทเนอร์คนขับ นั่นคือ ระบบคัดกรองด้านสุขภาพและสุขอนามัยผ่านแอปพลิเคชัน (Health and Hygiene Declaration Feature) โดยพาร์ทเนอร์คนขับทุกคนจะต้องทำแบบประเมินเพื่อยืนยันว่าไม่มีอาการป่วยจากโรคโควิด-19 รวมถึงต้องปฏิบัติตามแนวทางด้านความปลอดภัยที่แกร็บกำหนดอย่างเคร่งครัดก่อนการให้บริการในทุกวัน ซึ่งได้เริ่มดำเนินการแล้วตั้งแต่ต้นเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา นอกจากนี้ หลังทำแบบประเมินดังกล่าวแล้ว พาร์ทเนอร์คนขับจะต้องถ่ายภาพเซลฟี่ของตนเองขณะสวมใส่หน้ากาก พร้อมอัปโหลดภาพผ่านระบบ (Mask Selfie Feature) เพื่อยืนยันก่อนการรับงาน โดยจะเริ่มดำเนินการตั้งแต่สิ้นเดือนมิถุนายนเป็นต้นไป ในขณะเดียวกัน ผู้โดยสารที่ใช้บริการแกร็บต้องทำแบบประเมินด้านสุขอนามัยผ่านแอปพลิเคชันและสวมใส่หน้ากากอนามัยตลอดการเดินทาง
2) การเตรียมความพร้อมด้านยานพาหนะ รวมถึงอุปกรณ์เสริมเพื่อป้องกันและทำความสะอาด
เพื่อสร้างความมั่นใจในด้านความสะอาดและความปลอดภัยของยานพาหนะให้กับผู้ใช้บริการ แกร็บ ประเทศไทย ได้จับมือกับ บริษัท พีทีจี เอ็นเนอยี จำกัด (มหาชน) ผู้ดำเนินธุรกิจน้ำมันครบวงจรในประเทศไทย มอบสิทธิประโยชน์ให้กับพาร์ทเนอร์คนขับและพาร์ทเนอร์ผู้จัดส่งอาหารของแกร็บในการเข้ารับบริการพ่นฆ่าเชื้อไวรัสโควิด-19 ฟรี ที่สถานีบริการปั๊มน้ำมันพีทีกว่า 330 สาขาทั่วประเทศไทยตลอดเดือนมิถุนายนนี้ ซึ่งครอบคลุมทั้งการพ่นน้ำยาฆ่าเชื้อทั้งภายในและภายนอกรถยนต์ รถจักรยานยนต์ รวมไปถึงกล่องใส่อาหาร โดยพาร์ทเนอร์ที่เข้ารับบริการดังกล่าวจะได้รับสติ๊กเกอร์เพื่อยืนยันว่าได้ผ่านการรับรองเรียบร้อยแล้ว
นอกจากการแจกหน้ากากผ้าเพิ่มเติมอีกจำนวน 50,000 ชิ้นให้กับพาร์ทเนอร์คนขับในช่วงที่ผ่านมา แกร็บยังได้ร่วมมือกับ บริษัท เรกคิทท์ เบนคีเซอร์ (ประเทศไทย) จำกัด มอบเจลล้างมืออนามัย พร้อมสเปรย์ทำความสะอาด “เดทตอล” สำหรับฆ่าเชื้อภายในรถยนต์ 10,000 เซ็ทให้กับพาร์ทเนอร์คนขับแกร็บแท็กซี่และแกร็บคาร์
ไม่เพียงเท่านั้น แกร็บยังได้ออกแบบและพัฒนาอุปกรณ์เพื่อกั้นระหว่างพาร์ทเนอร์คนขับและผู้โดยสารที่ทำจากแผ่นพลาสติกใส (Anti-Coronavirus Plastic Partition) ซึ่งได้รับการรับรองจากกรมการขนส่งทางบก กระทรวงคมนาคม เพื่อช่วยลดความเสี่ยงในการแพร่กระจายของเชื้อโรค โดยในช่วงแรกนี้ แกร็บได้แจกอุปกรณ์ต้นแบบเพื่อป้องกันโควิด-19 ภายในรถยนต์ไปแล้วจำนวน 200 ชิ้นเพื่อให้พาร์ทเนอร์คนขับในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑลได้ทดลองใช้
สำหรับบริการเรียกรถจักรยานยนต์หรือแกร็บไบค์ (วิน) แกร็บได้จัดทำหมวกคลุมผมจำนวน 100,000 ชิ้นเพื่อมอบให้กับผู้โดยสารที่ใช้บริการ โดยส่งเสริมให้สวมใส่ทุกครั้งก่อนสวมหมวกกันน็อคเพื่อป้องกันเชื้อโรค พร้อมแจกเจลล้างมือและสเปรย์ฆ่าเชื้ออีกจำนวน 20,000 ชุดให้กับพาร์ทเนอร์คนขับกลุ่มนี้ โดยเริ่มดำเนินการตั้งแต่ต้นเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา
3) การปรับปรุงมาตรการด้านความปลอดภัย เพื่อเพิ่มทางเลือกให้กับผู้โดยสาร
ที่ผ่านมา แกร็บได้ส่งเสริมให้ทั้งพาร์ทเนอร์คนขับและผู้โดยสารสวมหน้ากากทุกครั้งเมื่อใช้หรือให้บริการ ทั้งนี้ ล่าสุด แกร็บได้เพิ่มอีกหนึ่งมาตรการสำคัญคือ หากผู้โดยสารพบว่าพาร์ทเนอร์คนขับ “ไม่สวมหน้ากาก” หรือ “มีอาการป่วยหรือไม่สบาย” สามารถยกเลิกบริการได้ทันทีโดยไม่มีค่าธรรมเนียมการยกเลิก ในขณะเดียวกันพาร์ทเนอร์คนขับก็สามารถยกเลิกการรับงานได้เช่นกันหากพบว่าผู้โดยสารไม่สวมหน้ากากหรือมีอาการป่วย ทั้งนี้ เพื่อสร้างความอุ่นใจให้กับทั้งสองฝ่าย โดยแกร็บจะเริ่มใช้มาตรการดังกล่าวอย่างเต็มรูปแบบตั้งแต่วันที่ 29 มิถุนายนเป็นต้นไป
“นอกจากนี้ เรายังได้ส่งเสริมให้ผู้โดยสารชำระค่าบริการด้วย GrabPay หรือ GrabPay Wallet เพื่อลดความเสี่ยงจากการสัมผัสเงินสด พร้อมปล่อยแคมเปญสื่อสารเพื่อสร้างความมั่นใจให้กับผู้ใช้บริการผ่าน 5 มาตรการหลัก ทั้งนี้ แกร็บจะพยายามปรับปรุงมาตรฐานการให้บริการ โดยเฉพาะในด้านความปลอดภัยและสุขอนามัย พร้อมพัฒนาและยกระดับบริการการเดินทางของเราให้สอดคล้องกับสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างต่อเนื่อง โดยเราหวังเป็นอย่างยิ่งว่า กิจกรรมและมาตรการต่างๆ ภายใต้แคมเปญ ‘แกร็บ โพรเท็ค’ (GrabProtect) จะช่วยสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้ใช้บริการภายในประเทศ และเลือกใช้บริการแกร็บในทุกครั้งที่ต้องการเดินทาง” นางสาวจันต์สุดา กล่าวเสริม