จุดขายที่แข็งแกร่ง โดดเด่นและชัดเจนของเครื่องปรับอากาศ Mitsubishi Heavy Duty คือ ‘ความทนทาน’ ในการใช้งานอันเป็นที่ประจักษ์ และ ‘ตำนาน’ อันยาวนานกว่า 150 ปีของ Mitsubishi Heavy Industries Group ที่สะท้อนถึงความเชี่ยวชาญและการสั่งสมองค์ความรู้ด้านการผลิตและพัฒนาเครื่องปรับอากาศคุณภาพระดับพรีเมี่ยมมาอย่างยาวนาน จนมีชื่อเสียง ได้รับความไว้วางใจเป็นอย่างดีในกลุ่มผู้บริโภคชาวไทย โดยผ่านการจัดจำหน่ายและการทำการตลาดอย่างเข้มข้นโดย บริษัท มหาจักรดีเวลอปเมนท์ จำกัด
ตำนานแห่งความสำเร็จ สินทรัพย์อันทรงคุณค่า ยากจะหาแบรนด์ใดเสมอเหมือน
ไม่ใช่ทุกแบรนด์บนโลกใบนี้ที่จะมีตำนานและเรื่องเล่าขานอันยาวนานเกินกว่า 100 ปี เช่นเดียวกับแบรนด์ Mitsubishi Heavy Duty ที่ลงหลักปักฐานมาอย่างแข็งแกร่งนานกว่า 150 ปี ซึ่งถือเป็นสินทรัพย์ของแบรนด์ที่แตกต่างและทรงคุณค่า แบรนด์เครื่องปรับอากาศชั้นแนวหน้านี้ มีต้นกำเนิดจากประเทศญี่ปุ่น ก่อตั้งโดย Iwasaki Yataro เมื่อปี 1870 ในนาม Tsukumo Shokai ดำเนินธุรกิจเกี่ยวกับพาณิชย์นาวี จากนั้นขยายสู่ธุรกิจเหมืองแร่ อู่ต่อเรือ และธนาคาร กระทั่งเปลี่ยนชื่อเป็น Mitsubishi Heavy Industries ในปี 1964 ปัจจุบันถือเป็นบริษัทยักษ์ใหญ่ เป็นกลุ่มอุตสาหกรรมชั้นนำของประเทศญี่ปุ่น เป็นอาณาจักรธุรกิจที่มีสินค้าหลากหลายมากกว่า 700 ประเภท ครอบคลุมทั้งภาคพื้นดิน ทะเล อากาศ และอวกาศ
Iwasaki Yataro เกิดในครอบครัวชาวนา ในเมืองอากิ แคว้นโทสะ ประเทศญี่ปุ่น เมื่ออายุ 19 ปี เขาเดินทางไปศึกษาที่เมืองเอโดะ (ปัจจุบันคือโตเกียว) จากนั้นยังชีพด้วยการเป็นครูสอนหนังสือให้กับเด็กๆ ในหมู่บ้าน ต่อมาเปลี่ยนอาชีพเป็นเสมียนให้กับตระกูลโทสะ ต่อมามีผลงานเด่น คือ การกู้สถานะซามูไรของตระกูลนี้กลับคืนมา เขาจึงได้เลื่อนตำแหน่งเป็นผู้นำการค้าของตระกูล กระทั่งปี 1868 มีกฎบังคับให้ยกเลิกการหาประโยชน์ของกลุ่มการค้าในระบอบโชกุน เขาจึงเดินทางไปยังโอซาก้า แต่ยังคงเป็นสถานเป็นผู้นำการค้าของตระกูลอยู่ และเมื่อปี 1870 เขาได้ก่อตั้งบริษัทของตัวเอง โดยใช้ชื่อว่า Mitsubishi มีความหมายมงคล หมายถึง เพชร 3 เม็ด ที่ยังสื่อถึงคุณสมบัติความทนทานและความแข็งแกร่ง
ช่วงปี 1874-1875 ได้รับการแต่งตั้งจากรัฐบาลญี่ปุ่นให้ดำเนินธุรกิจขนส่งกองทัพญี่ปุ่นและยุทโธปกรณ์ จากนั้นให้การสนับสนุนรัฐบาลใหม่ในการลำเลียงกองกำลังเพื่อปฏิบัติการต่อต้านกบฎซะสึมะได้สำเร็จในปี 1877 และต่อมาภายหลังขยายกิจการไปลงทุนในธุรกิจเหมืองแร่ อู่ต่อเรือ และการเงิน
ปี 1884 ดำเนินกิจการอู่ต่อเรือที่นางาซากิ ทำให้บริษัทขยายศักยภาพในการต่อเรือขนาดใหญ่ได้ พร้อมกับเปลี่ยนชื่อเป็น Nagasaki Shipyard & Machinery Works ก่อนที่จะสิ้นสุดตำนานบทแรก เมื่อเขาเสียชีวิตด้วยโรคมะเร็ง เมื่อวันที่ 7 กุมภาพันธ์ 1885 และหลังจากที่ Iwasaki Yataro ผู้ก่อตั้ง ได้เสียชีวิตลง Iwasaki Yanosuke ผู้เป็นน้องชาย เข้ารับตำแหน่งเป็นประธานคนที่ 2
ขณะที่ บริษัท มหาจักรดีเวลอปเมนท์ จำกัด ก่อตั้งขึ้นในปี 1971 โดยเริ่มดำเนินธุรกิจเป็นผู้แทนจำหน่ายและติดตั้งเครื่องปรับอากาศในรถยนต์ ต่อมาได้ขยายเข้าสู่ธุรกิจนำเข้าเครื่องเสียงจากต่างประเทศ จนได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวาง ทั้งในด้านคุณภาพ และการให้บริการ ปัจจุบันดำเนินธุรกิจเป็นผู้จัดจำหน่าย และให้บริการสำหรับสินค้า 3 ประเภทหลัก ได้แก่ 1.เครื่องปรับอากาศ Mitsubishi Heavy Duty 2. ผลิตภัณฑ์ Consumer Audio 3. ผลิตภัณฑ์ Professional Audio, Visual และ Lighting
ทนจัด ชัดเจน เย็นเร็ว
สำหรับแบรนด์เครื่องปรับอากาศที่เป็นแบรนด์ญี่ปุ่นเหมือนกัน และมี Brand Positioning ระดับพรีเมี่ยม บางแบรนด์จะรับประกันคอมเพรสเซอร์ 5 ปี อะไหล่ 3 ปี หรือต่ำกว่านั้น ในขณะที่ Mitsubishi Heavy Duty (มิตซูบิชิ เฮฟวี่ ดิวตี้) รับประกัน 5 ปี ในทุกชิ้นส่วนนับตั้งแต่วันที่ติดตั้ง ดังนั้นการรับประกันดังกล่าว จึงถือเป็นจุดแข็งของแบรนด์ที่เหนือกว่าคู่แข่งในตลาดที่อยู่ในระดับเดียวกัน
ทั้งนี้ระยะเวลาโดยเฉลี่ยที่ผู้บริโภคจะเปลี่ยนเครื่องปรับอากาศ ขึ้นอยู่กับลักษณะการใช้งาน ประกอบกับการดูแลรักษา โดยปกติ เมื่อใช้ไปสักประมาณ 3-5 ปี ก็มักจะเริ่มออกอาการไม่ปกติ และมีปัญหาให้ต้องซ่อมอยู่บ่อยๆ เช่น คอยล์รั่ว ท่อรั่ว และมอเตอร์เสีย เป็นต้น สุดท้ายก็ต้องซื้อใหม่ แต่สำหรับ Mitsubishi Heavy Duty สามารถใช้งานได้ยาวนานเกินกว่า 7 ปี ซึ่งมากกว่าระยะเวลาโดยเฉลี่ยของเครื่องปรับอากาศทั่วไป ความทนทานนี้มาจากการใช้วัสดุที่มีคุณภาพ และการผลิตอย่างพิถีพิถันทุกชิ้นส่วนจากโรงงาน MACO (บริษัท มิตซูบิชิ เฮฟวี่อินดัสตรี่์ มหาจักร แอร์ คอนดิชั่นเนอร์ส จำกัด) ที่ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 1988 บนเนื้อที่กว่า 60 ไร่ ภายในนิคมอุตสาหกรรมลาดกระบัง โดยเป็นบริษัทร่วมทุนระหว่างบริษัท มิตซูบิชิ เฮฟวี่ อินดัสตรี่ส์ จำกัด แห่งประเทศญี่ปุ่น ผู้นำด้านวิศวกรรมระดับโลก และกลุ่มบริษัทมหาจักร กลุ่มบริษัทชั้นนำของไทย ที่ประสบความสำเร็จในธุรกิจที่หลากหลาย มีความเชี่ยวชาญ และมีประสบการณ์สูง จึงสามารถผลิตเครื่องปรับอากาศคุณภาพ ทั้งเครื่องปรับอากาศที่อยู่อาศัยและพาณิชยกรรมโดยเฉพาะในเอเชีย มาตรฐานการผลิตด้วยเทคโนโลยีจากประเทศญี่ปุ่น มียอดส่งออกในหลายประเทศทั่วโลก คาดการณ์ว่าจะมีกำลังการผลิตเครื่องปรับอากาศสำหรับที่พักอาศัย 1 ล้านชุดและเครื่องปรับอากาศสำหรับอาคาร/สำนักงานพาณิชย์ 4 แสนชุดต่อปี ได้ใบรับรองระบบคุณภาพมาตรฐาน ISO 9001 และ ISO 9002 , ใบรับรองระบบการจัดการสิ่งแวดล้อม ISO 14001 และใบรับรองระบบการจัดการอาชีวอนามัยและความปลอดภัยอีกด้วย นอกจากนี้บริษัทฯ ยังได้นำเทคโนโลยีใหม่ๆ และระบบคุณภาพสากลเข้ามาปรับใช้ในการพัฒนาบุคลากร ผลิตภัณฑ์และการจัดการด้านสิ่งแวดล้อม เพื่อสร้างความแข่งขันตลอดจนสร้างความยอมรับจากทั่วโลก การันตีด้วยสินค้าเครื่องปรับอากาศที่ได้รับรางวัลต่างๆ มากมาย อาทิ รางวัล A’Design Award จากประเทศอิตาลี และรางวัล Good Design จากประเทศญี่ปุ่น การันตีความทนทาน รับประกันทุกชิ้นส่วนอย่างไม่มีเงื่อนไขแม้เปิดติดต่อกัน 24 ชั่วโมงนาน 5 ปี อีกด้วย
นับได้ว่าจ่ายครั้งเดียวทนเกินคุ้ม ทั้งยังช่วยลดปริมาณขยะอิเล็กทรอนิกส์เพราะไม่ต้องเปลี่ยนเครื่องปรับอากาศบ่อย รวมถึงลดปริมาณการใช้พลังงานด้วยฟังก์ชั่นประหยัดไฟฟ้าด้วย ดังนั้นในแง่ของความคุ้มค่า (Value for Money) และการรังสรรค์เครื่องปรับอากาศที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม จึงเป็นอีก Key Message ที่ Mitsubishi Heavy Duty พยายามสื่อสารอย่างต่อเนื่องมาโดยตลอด กระทั่งสามารถสร้าง Brand Image ที่แข็งแกร่งในด้านนี้ได้
นอกจากนี้ยังมีอีกคุณสมบัติเด่นที่ชัดเจน คือ ‘เย็นเร็ว’ โดย Mitsubishi Heavy Duty เป็นเครื่องปรับอากาศที่เย็นเร็วที่สุดในตลาด ด้วยเทคโนโลยีส่งลมเย็นได้ไกลมากที่สุดถึง 17 เมตร เปิดเพียงไม่นานก็สัมผัสได้ถึงความเย็นอย่างทั่วถึง ดังนั้น Mitsubishi Heavy Duty จึงใช้สโลแกนที่เรียบง่ายทว่าทรงพลังและสื่อถึงคุณสมบัติของสินค้าได้อย่างครบถ้วนว่า “เย็นเร็ว ทนทาน ประหยัดไฟ”
บริการคือ “หัวใจ” ไม่ทอดทิ้ง
นอกจากนี้ ‘บริการหลังการขาย’ ยังถือเป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญที่สร้างความแตกต่างให้กับ Mitsubishi Heavy Duty แม้โดยปกติแล้วเครื่องปรับอากาศทุกแบรนด์จะดำเนินการในลักษณะเดียวกันคือ 1.ช่างประจำศูนย์บริการ 2. ช่างจากภายนอก ซึ่งอาจจะเป็นช่างจากร้านตัวแทนจำหน่ายหรือช่างที่รับงานอิสระทั่วไป คอยให้บริการลูกค้า โดยมีลักษณะการทำงาน คือ หากช่างประจำศูนย์บริการมีจำนวนไม่เพียงพอที่จะรองรับการบริการในพื้นที่นั้นๆ หรืออยู่นอกเหนือพื้นที่ให้บริการของศูนย์ ทางศูนย์บริการก็จะจ่ายงานให้ช่างนอกเข้าไปให้บริการลูกค้าแทน
แต่จุดแข็งของการให้บริการที่ทำให้ Mitsubishi Heavy Dutyแตกต่างจากแบรนด์อื่นก็คือ ทั้งฝ่ายการตลาด ฝ่ายขายและฝ่ายบริการต่างก็ให้ความสำคัญกับช่างบริการที่ไม่ใช่แค่ “ช่างของศูนย์บริการ” เท่านั้น แต่ยังให้ความสำคัญกับช่างจากภายนอกด้วย เพราะมองว่าช่างเป็นหนึ่งในกลุ่ม Influencer ที่คอยจูงใจหรือให้คำแนะนำลูกค้าเพราะลูกค้าให้ความเชื่อมั่นในทักษะวิชาชีพของช่างที่มีความรู้เชี่ยวชาญในเรื่องเครื่องปรับอากาศ โดยเฉพาะในกรณีลูกค้าอยากติดเครื่องปรับอากาศใหม่ หรืออยากซื้อซ้ำ
เพื่อให้ช่างจากภายนอกมีคุณสมบัติครบถ้วน ตรงตามที่ Mitsubishi Heavy Duty ต้องการ ในแต่ละปีจึงจัดอบรมทั่วประเทศ ช่างภายนอกที่ผ่านการอบรมจะได้รับประกาศนียบัตรการันตีฝีมือว่าได้ผ่านการอบรมตามมาตรฐานของศูนย์บริการ Mitsubishi Heavy Duty เป็นที่เรียบร้อย ซึ่งนอกจากจะทำให้ได้ช่างที่มีความเชี่ยวชาญแล้ว ยังช่วยแบ่งเบาภาระของช่างประจำศูนย์ และทำให้สามารถบริการลูกค้าได้ทั่วถึงอีกด้วย
Mitsubishi Heavy Duty จึงใช้กลยุทธ์ผูกสัมพันธ์กับช่างบริการทั่วประเทศให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น ด้วยโครงการต่างๆ เช่น โครงการช่างหล่อพันธุ์เฮฟวี่ ที่ให้ช่างติดตั้งนำผลงานติดตั้งมาลงทะเบียนผ่านแอพพลิเคชั่น Heavy One Click เพื่อสะสมแต้มแล้วนำมาแลกของพรีเมี่ยม หรือแลกเงินสด รวมถึงจัดทริปท่องเที่ยวสำหรับช่างจากภายนอกที่อยู่ในเครือข่าย
เส้นทางปั้นแบรนด์สู่ Top of Mind
สำหรับกลยุทธ์การตลาดในปีนี้ จะเน้นสร้างแบรนด์ ให้เป็น Top of Mind ในใจของผู้บริโภค หากนึกถึงเครื่องปรับอากาศ อยากให้ผู้บริโภคนึกถึงแบรนด์ Mitsubishi Heavy Dutyเป็นอันดับต้นๆ ดังนั้นจึงต้องเจาะลูกค้าแต่ละกลุ่มด้วยวิธีการที่แตกต่างกัน โดยกลุ่มลูกค้า แบ่งออกเป็นเทียร์ 1 , 2 , 3 และ End users โดยพยายามสื่อสารจุดแข็งของแบรนด์ และทำโปรโมชั่นให้กับกลุ่มลูกค้าในแต่ละเทียร์ เช่น ห้างสรรพสินค้าหรือตัวแทนจำหน่าย กำหนดราคา และผลตอบแทนให้สมเหตุสมผล เพื่อให้สามารถนำไปทำโปรโมชั่นต่อได้ ในส่วนของเทียร์ที่เป็นช่างบริการ ได้สร้าง Heavy One Click เป็นแอปพลิเคชั่น ให้ช่างที่ทำการติดตั้งเครื่องปรับอากาศแล้ว มากรอกข้อมูลเครื่องปรับอากาศเพื่อแลกแต้มรับของรางวัลได้ จัดงานเลี้ยงปลายปีตอบแทนช่างและพนักงานขายในเครือข่าย ในส่วนของ End users นั้น Mitsubishi Heavy Duty ได้แสดงความห่วงใยแก่ลูกค้าทุกพื้นที่ในช่วงที่เกิดการฟุ้งกระจายของฝุ่นอนุภาคเล็ก PM2.5 แบรนด์เครื่องปรับอากาศ Mitsubishi Heavy Duty ร่วมกับซัพพลายเออร์ในเครือได้ร่วมมือกันผลิตแผ่นฟอกอากาศ Nano Carbon Air Filter PM2.5 เพื่อแถมไปพร้อมกับเครื่องปรับอากาศ Mitsubishi Heavy Duty อีกด้วย และถึงแม้ว่าในส่วนของแคมเปญและโปรโมชั่นต่างๆ สำหรับ End users ในปี 2563 นั้นได้ถูกเลื่อนออกไปอย่างน่าเสียดายด้วยสถานการณ์โควิด-19 แต่ Mitsubishi Heavy Duty ก็ยังวางแผนออกแคมเปญและโปรโมชั่นอื่นๆ มาทดแทนในช่วงที่สถานกาณ์ทุกอย่างกลับมาเป็นปกติ
นอกจากแคมเปญและโปรโมชั่นที่กล่าวถึงข้างต้นแล้ว ยังมีกิจกรรม CSR ที่ปลายปีที่ผ่านมาเราส่งมอบรายได้ส่วนหนึ่งเป็นทุนการศึกษาให้เด็กด้อยโอกาสในมูลนิธิบ้านนกขมิ้น เพื่อส่งเสริมภาพลักษณ์ของบริษัทฯ และเป็นวิสัยทัศน์ของผู้บริหารจริงๆ ที่อยากจะช่วยเหลือสังคมในบริเวณใกล้เคียงกับบริษัทฯ
ZSXS Series ตัวท๊อป จัดเต็มประสิทธิภาพ
สำหรับเครื่องปรับอากาศรุ่นท็อปของ Mitsubishi Heavy Duty คือ รุ่น ZSXS Series เป็นเครื่องปรับอากาศอินเวอร์เตอร์แท้ทั้งระบบ ช่วยประหยัดไฟได้มากกว่า ประกอบด้วย 4 ชิ้นส่วนสำคัญที่สร้าง Product Differentiation ได้อย่างเด่นชัด คือ 1.แผงวงจรอัจฉริยะ PAM (Pulse Amplitude Modulation) ควบคุมความเร็วรอบของคอมเพรสเซอร์และมอเตอร์โดยการปรับเปลี่ยนความถี่ในการทำงาน เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดในการใช้พลังงาน 2.คอมเพรสเซอร์กระแสตรง DC (Direct Current Compresso) สามารถปรับเปลี่ยนความเร็วรอบในการทำงานให้สัมพันธ์กับอุณหภูมิภายในห้องอย่างแม่นจำ ช่วยให้ประหยัดพลังงานมากขึ้น 3.วาล์วอิเล็กทรอนิกส์ EEV (Electronic Expansion Valve) ควบคุมอัตราการไหลของสารทำความเย็นเพื่อให้วงจรสารทำความเย็นอยู่ในสภาวะที่เหมาะสมที่สุด และ 4.มอเตอร์กระแสตรง มีความแม่นยำในการควบคุมความเร็วรอบ เปลี่ยนแปลงความเร็วรอบได้อย่างมีประสิทธิภาพ
รุ่น ZSXS Series ยังมีฟังก์ชั่น Motion Sensor ตามติดเพื่อมอบความเย็นให้กับผู้ใช้งานไม่ว่าจะเคลื่อนไหวไปในพื้นที่ใดของห้อง และปรับอุณหภูมิให้เหมาะสมโดยอัตโนมัติ พร้อมกับทำงานควบคู่กับ Auto off เมื่อตรวจไม่พบความเคลื่อนไหวภายในห้อง เครื่องจะเข้าสู่โหมด Stand by และปิดอัตโนมัติในเวลาต่อมา ช่วยอำนวยความสะดวกและประหยัดพลังงานได้สูงสุด ขณะเดียวกันยังช่วยส่งเสริมบรรยากาศการพักผ่อนและการนอนหลับอย่างแท้จริง ด้วยเสียงเงียบ 19 เดซิเบล ทั้งยังประหยัดไฟเบอร์ 5 ‘3 ดาว’ และยังสอดรับกับเทรนด์รักสุขภาพ ป้องกันตัวเองจากฝุ่นละอองและมลพิษต่างๆ ไม่ให้มากล้ำกราย เพราะมี Allergen Clear filter แผ่นฟอกอากาศที่มีคุณสมบัติต่อต้านเชื้อก่อภูมิแพ้และแบคทีเรียได้อย่างมีประสิทธิภาพ
นอกจากฟังก์ชั่นที่เป็นเลิศแล้ว ยังสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับผลิตภัณฑ์ ด้วยการออกแบบที่สวยงาม จนได้รับรางวัล A’Design Award จากประเทศอิตาลี
ส่วนเครื่องปรับอากาศรุ่นน้องใหม่อย่าง Standard Inverter YXP Series และ Deluxe Inverter YXS Series ที่เพิ่งเปิดตัวเมื่อเดือนพฤษภาคม 2563 ที่ผ่านก็ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีไม่แพ้กัน ด้วยสเปคเครื่องปรับอากาศทั้งสองรุ่นในปีนี้ที่เรียกได้ว่าสเปคแรงแซงรุ่นพี่ ครบครันด้วยฟังก์ชั่นทำความเย็นและอำนวยความสะดวก ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคเป็นอย่างดี
ความสำเร็จที่ผ่านมาอย่างต่อเนื่องยาวนาน รวมถึงการพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่โดดเด่นและมีคุณสมบัติตรงตามความต้องการของผู้บริโภค ตลอดจนกลยุทธ์การตลาดและการบริการหลังการขายที่ดี จึงทำให้ Mitsubishi Heavy Duty มีรากฐานที่แข็งแกร่ง และพร้อมที่จะเติบโตต่อไปในอนาคต