การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ที่เกิดขึ้นครั้งนี้ ถือเป็นโรคระบาดครั้งใหญ่ในรอบ 100 ปี นับตั้งแต่การระบาดของโรคไข้หวัดสเปน เมื่อปี 1918 ขณะที่ภาวะเศรษฐกิจโลกเข้าสู่ภาวะถดถอย โดยสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ คาดการณ์ว่าเศรษฐกิจโลกจะติดลบ 2.8% และเศรษฐกิจไทยจะติดลบ 5-6%
อย่างไรก็ตาม ในวิกฤติมีโอกาส โลกยุคโควิด-19 นี้ ทำให้เกิดวิถีชีวิตปกติแบบใหม่ หรือ New Normal ที่คนหันมาให้ความใส่ใจกับการดูแลสุขอนามัยเพิ่มสูงขึ้นมาก อุปกรณ์อย่างหน้ากากอนามัย เจลล้างมือ ถุงมือยาง กลายเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับชีวิตที่ประชาชนใช้เพื่อป้องกันตัวเองจากเชื้อโรคร้าย และกลายเป็นโอกาสทางธุรกิจใหม่ของอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้อง
สำหรับถุงมือยาง นอกจากจะเป็นไอเทมหนึ่งที่ต้องมีติดตัวในยุคโควิด-19 แล้ว ในอุตสาหกรรมการแพทย์ (Healthcare Industry) ถือเป็นสิ่งจำเป็นที่ต้องใช้ในทุกขั้นตอนของการให้บริการทางการแพทย์ ตั้งแต่การคัดกรอง การตรวจรักษาโรค การผ่าตัด ศัลยกรรม ไปจนถึงการให้บริการอื่น ๆ ‘ถุงมือยาง’ เป็นอุปกรณ์สำคัญในการช่วยป้องกันเชื้อโรคและสิ่งปนเปื้อน ทำให้ความต้องการใช้ถุงมือยางเติบโตสวนทางกับภาพรวมเศรษฐกิจตลอด 3 ปีที่ผ่านมา หรือเฉลี่ยปีละกว่า 12.2%
5 เทรนด์สนับสนุนดีมานด์ถุงมือยาง
ปัจจุบันความต้องการใช้ถุงมือยางยังเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องและมีแนวโน้มความต้องการใช้สูงขึ้นในอนาคต จากเมกะเทรนด์ของการเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ และการยกระดับระบบบริการด้านสาธารณสุข ดังนี้
- กลุ่มประเทศพัฒนาแล้วมีค่าใช้จ่ายดูแลสุขภาพอยู่ในระดับสูง ส่วนประเทศกำลังพัฒนาก็มีค่าใช้จ่ายด้านการดูแลสุขภาพเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
- จำนวนผู้สูงอายุเพิ่มขึ้น ส่งผลให้มีความต้องการบริการทางการแพทย์เพิ่มขึ้น และมีค่าใช้จ่ายในการดูแลสุขภาพมากกว่าประชากรวัยอื่น
- ในกลุ่มประเทศกำลังพัฒนา รัฐบาลของหลายประเทศส่งเสริมและผลักดันนโยบายด้านสาธารณสุข เพื่อให้ประชาชนการเข้าถึงบริการทางการแพทย์ที่ดีขึ้น
- โรคระบาดทำให้ปริมาณความต้องการใช้เครื่องมือทางการแพทย์เพิ่มขึ้น
- การเติบโตของการใช้ผลิตภัณฑ์สุขอนามัยทั่วโลก โดยเฉพาะในกลุ่มประเทศกำลังพัฒนา
ศรีตรังโกลฟส์ ตั้งเป้าขึ้นท็อป 3 ของโลก
สำหรับประเทศไทย ถือเป็นหนึ่งในฐานการผลิตสำคัญของอุตสาหกรรมถุงมือยางของโลก ซึ่งปัจจุบันถุงมือยางที่ผลิตจากภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ คิดเป็นส่วนแบ่งทางการตลาดมากกว่า 84% ของอุตสาหกรรมถุงมือยางทั้งโลก โดยบริษัท ศรีตรังโกลฟส์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) (Sri Trang Gloves (Thailand) PLC.) หรือ STGT เป็นผู้ผลิตและจัดจำหน่ายถุงมือยางรายใหญ่ที่สุดในประเทศไทยและใหญ่เป็นอันดับต้น ๆ ของโลก ก่อตั้งเมื่อปี 2532 มีฐานการผลิต 3 แห่ง ได้แก่ จังหวัดสงขลา สุราษฎร์ธานี และตรัง มีกำลังการผลิต 27,153 ล้านชิ้นต่อปี
ในปีนี้ STGT วางแผนเพิ่มกำลังการผลิตให้บรรลุเป้าหมายที่ 32,000 ล้านชิ้นต่อปี และมีแผนเพิ่มกำลังการผลิตเป็น 100,000 ล้านชิ้น ในปี 2575 เพื่อก้าวสู่การเป็นผู้ผลิตถุงมือยางอันดับ 1 ใน 3 ของโลก ที่โดดเด่นด้านนวัตกรรมและการใช้เทคโนโลยีการผลิตที่ทันสมัย เพื่อเป็นการรองรับความต้องการใช้และการขยายตัวของอุตสาหกรรมถุงมือยางทั่วโลก ทั้งจากการใช้งานด้านการแพทย์ ด้านอาหารโภชนาการ ความงาม และอุตสาหกรรมอื่น ๆ
โดยเร็ว ๆ นี้ STGT เตรียมเสริมความแข็งแกร่งด้านเงินทุน ด้วยการเดินหน้าเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เพื่อนำเงินส่วนหนึ่งจากการระดมทุนครั้งนี้ไปขยายกำลังการผลิต ปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิตถุงมือยาง รวมถึงลงทุนติดตั้งระบบ SAP ที่ใช้ในการบริหารจัดการทรัพยากร เพื่อก้าวสู่เป้าหมายการเป็นบริษัทผู้ผลิตถุงมือยางชั้นนำของโลก
ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้จากแบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายหลักทรัพย์และร่างหนังสือชี้ชวนฉบับเต็มของ STGT ซึ่งได้ยื่นต่อสำนักงาน ก.ล.ต. ได้ที่ website ของสำนักงาน ก.ล.ต. (www.sec.or.th) หรือเว็บไซต์ www.sritranggloves.com