“จีระศักดิ์ ศรีขาว” หรือที่คนในตลาดสี่มุมเมืองเรียกว่า “พี่เอส รถเร่” หนึ่งในสมาชิกเครือข่ายรถเร่ สี่มุมเมือง หนุ่มจากร้อยเอ็ด ที่หลังจบ ม. 6 จึงเข้ามาหางานทำในกรุงเทพฯ จนได้งานเป็นลูกจ้างบริษัทเอกชน เริ่มต้นเงินเดือน 14,000 บาท
ชีวิตพลิกผันเมื่อน้องชายซึ่งทำอาชีพรถเร่ที่เข้ามารับผักจากตลาดสี่มุมเมืองไปขายเป็นประจำล้มป่วยลง ทำให้เขาต้องเข้ามาสานต่อกิจการรถเร่ในปี 2559 แม้จะเริ่มต้นด้วยความไม่มั่นใจ เพราะไม่เคยทำมาก่อน แต่หลังจากได้ทดลองเรียนรู้ระบบการค้าขาย เริ่มตั้งแต่ขับรถเข้ามาเลือกซื้อผักที่ตลาดสี่มุมเมือง ขับรถไปขายตามชุมชน หมู่บ้าน แผงลอย และร้านอาหารข้างทาง ฯลฯ ได้ประมาณ 2-3 เดือน พร้อมกับรายได้ที่เพิ่มขึ้นอย่างชัดเจนตั้งแต่เดือนแรก ทำให้ “จีระศักดิ์” ตัดสินใจลาออกจากงาน พลิกชีวิตสู่การเป็นพ่อค้ารถเร่ อย่างเต็มตัว
“ตอนนั้นมีภาระที่บ้านเยอะมาก ต้องเลี้ยงดูพ่อแม่ที่อยู่ต่างจังหวัดซึ่งมีอาชีพทำไร่ ทำนา ส่งเสียน้องสาวคนเล็กเรียนหนังสือ และเลี้ยงลูกอีก 2 คน รายได้ที่มีไม่พอใช้จ่าย จึงต้องตัดสินใจเปลี่ยนอาชีพ ตอนแรกก็กังวล แต่พอได้ทดลองจริงๆ ก็เห็นว่ามันไปได้ มันมีโอกาส จึงตัดสินใจลาออกมาพร้อมกับภรรยา หันมาทำอาชีพนี้ทั้งคู่”
ผลจากการตัดสินใจครั้งนั้น เพียงปีแรกก็เห็นถึงความเปลี่ยนแปลงอย่างชัดเจน ด้วยรายได้ที่เพิ่มขึ้น 3-4 เท่าตัว โดยเฉพาะอย่างยิ่งปัจจุบันไม่ต้องพูดถึง เพราะรายได้ของ “จีระศักดิ์” และภรรยาวันนี้ รวมกันแล้วมากกว่า 1 แสนบาทต่อเดือน ในระยะเวลาเพียง 4 ปี
ทุกวันเขาจะขับรถมาที่ “ลานจอดรถผู้ซื้อ” ณ ตลาดสี่มุมเมือง ตั้งแต่ 6 โมงเช้า ใช้เวลาประมาณ 3 ชั่วโมง จนถึง 9 โมงเช้า ในการเลือกสินค้า นำมาตัดแต่ง บรรจุลงถุง และนำสินค้าขึ้นแขวนให้สวยงามรอบคันรถ เพื่อให้ลูกค้าเลือกหยิบซื้อได้ง่าย เมื่อกระบะรถเร่ของ “จีระศักดิ์” ที่มีผักต่างๆ แขวนไว้เต็มรถพร้อมสินค้าอีก หลากหลายชนิดที่ถูกจัดเตรียมไว้อย่างดีพร้อมแล้ว ก็จะขับออกจากตลาดสี่มุมเมืองไปตระเวนขายตามเขตชุมชน และหมู่บ้านต่างๆ
เสน่ห์ของรถเร่อยู่ที่สินค้าที่โชว์ต้องน่าซื้อ ทำให้จีระศักดิ์ ให้ความสำคัญกับการเลือกสินค้า โดยเฉพาะผักที่ต้องเน้นคุณภาพ ความสดใหม่ ผลใหญ่ เกรดดี ซึ่งเขาบอกว่าสิ่งนี้ไม่ยากเลย เพราะต้นทางคือ ตลาดสี่มุมเมือง ซึ่งเป็นตลาดค้าส่งผักที่ใหญ่ที่สุดในประเทศ มีความครบครันและมีคุณภาพอยู่แล้ว
“เคล็ดลับของผมคือความขยัน ขายของมีคุณภาพ ตรงนี้เราได้เปรียบ เพราะผักที่ตลาดสี่มุมเมือง มีครบ คุณภาพดี ผมก็เลือกแต่เกรดดีๆ ไปขาย แต่เน้นราคาย่อมเยา ไม่ค้ากำไรเกินควร หากราคาผักปรับลดลง ผมก็ปรับราคาขายลงมาด้วย นอกจากสองอย่างแล้ว เราต้องมีการบริการที่เข้าถึง จริงใจกับลูกค้า จึงทำให้มีลูกค้าประจำเพิ่มขึ้นมาเรื่อยๆ”
ปัจจุบัน “จีระศักดิ์” เป็นหนึ่งใน “เครือข่ายรถเร่ สี่มุมเมือง” ซึ่งปัจจุบันมีจำนวนกว่า 800 คัน โดยตลาดสี่มุมเมือง ได้รวบรวมข้อมูลรถเร่ในเครือข่าย พร้อมปักหมุดบอกเส้นทางของรถเร่ ให้ประชาชนได้ทราบข้อมูลทั้งเส้นทางการวิ่ง, ประเภทสินค้าที่จำหน่าย พร้อมชื่อและเบอร์โทรที่สามารถติดต่อกันได้โดยตรงนอกจากนี้ สี่มุมเมืองยังมีกิจกรรมเพื่อส่งเสริมและสนับสนุนผู้ประกอบกิจการรถเร่ อาทิ ให้คำปรึกษาในการพัฒนาและเริ่มต้นธุรกิจรถเร่, การแลกเปลี่ยนข้อมูลความรู้ระหว่างเครือข่ายรถเร่ และโปรโมชั่นเพื่อเครือข่ายรถเร่ สี่มุมเมือง เป็นต้น
ทุกวันนี้ เขายังคอยชักชวนญาติๆ เข้ามาค้าขายด้วยกันที่ตลาดสี่มุมเมือง เพราะมองว่าเป็นที่แห่งโอกาสและที่แห่งการเปลี่ยนชีวิต “ประทับใจตลาดสี่มุมเมืองในเรื่องการบริการที่ดีมาก ดูแลไม่ทอดทิ้ง เป็นเหมือนบ้านหลังที่ 2 ที่ทำให้ชีวิตดีขึ้น ตอนนี้ผมสามารถส่งน้องคนเล็กเรียน และกำลังจะจบปริญญาโท สามารถดูแลพ่อแม่ ส่งเสียลูกอีก 2 คนเรียนหนังสือ และมีเงินใช้จ่าย เป็นเสาหลักของครอบครัว”
“จีระศักดิ์” ย้ำว่า ชีวิตเมื่อมีโอกาสเข้ามา สำคัญที่ต้องคว้าเอาไว้ และทำให้ดีที่สุด ชีวิตของพ่อค้ารถเร่ในวัย 34 ปีผู้นี้ พิสูจน์ให้เห็นอย่างชัดเจน