ธุรกิจของไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล มี 3 กลุ่มหลัก โรงแรม อาหาร และไลฟ์สไตล์ ซึ่งล้วนได้รับผลกระทบจากสถานการณ์โควิด-19 เห็นได้ชัดจากไตรมาสแรก ไมเนอร์ขาดทุนกว่า 1,700 ล้านบาท จากการปิดบริการตามมาตรการ Lockdown ของแต่ละประเทศรวมทั้งประเทศไทย ธุรกิจโรงแรมพอร์ตโฟลิโอใหญ่สุด กระทบหนักสุดเช่นกัน แต่เริ่มเห็นสัญญานฟื้นในเดือนมิถุนายน จึงเริ่มทยอย Reopening โรงแรมในหลายทำเล แม้ยอดพักยังถือว่าต่ำมาก เพราะขาดนักท่องเที่ยวหลักต่างชาติ แต่ก็หวังเห็นตัวเลขกระเตื้องขึ้นจากแพ็คเกจรัฐมาช่วยกระตุ้นไทยเที่ยวไทย
หลังจากต้องปิดโรงแรมชั่วคราวราว 75% ที่มีอยู่ทั่วโลกกว่า 535 แห่ง ใน 56 ประเทศ กว่า 80,000 ห้อง ในช่วงเดือนเมษายน-พฤษภาคม จากการระบาดของโควิด หลายประเทศปิดน่านฟ้าไม่สามารถเดินทางได้ ทำให้ช่วง 5 เดือนแรก (ม.ค.-พ.ค.) ไมเนอร์ โฮเทลส์ ที่มี 8 แบรนด์ทั่วโลก มีอัตราเข้าพักเฉลี่ยอยู่ที่ 32% ลดลง 36% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน แต่ก็เริ่มเห็นสัญญาณบวกเล็กน้อยช่วงกลางเดือนพฤษภาคม จากมาตรการคลายล็อกดาวน์ในหลายประเทศ
สำหรับประเทศไทย ไมเนอร์ มีโรงแรมทั้งหมด 29 แห่ง อาทิ อนันตรา AVANI ไตรมาสแรกปี 2563 มีอัตราเข้าพัก 54% เดือนเมษายน-พฤษภาคม ช่วงล็อกดาวน์อัตราเข้าพักเหลือ 1% เพราะส่วนใหญ่ปิดบริการ หลังจากสถานการณ์โควิดในประเทศไทยดีขึ้น ตั้งแต่เดือนมิถุนายน ไมเนอร์ ได้เริ่มทยอยเปิดโรงแรมในทำเลหลัก เช่น โรงแรมอนันตรา สยาม กรุงเทพฯ,หัวหิน และในเดือนกรกฎาคม เปิดที่จังหวัดภูเก็ต เกาะสมุย พัทยา และขอนแก่น ถึงขณะนี้ Reopening ไปแล้ว 18 แห่ง เหลืออีก 11 แห่งที่ยังต้องรอจังหวะเปิด เพราะบางทำเลต้องพึ่งพากลุ่มต่างชาติ และบางแห่งเน้นการจัดประชุมสัมมนา
คุณโทมัส ไมเออร์ รองประธานอาวุโสฝ่ายปฏิบัติการ (เอเชีย) ของกลุ่ม ไมเนอร์ โฮเทลส์
อัตราเข้าพักยังต่ำหลัง Reopening
คุณโทมัส ไมเออร์ รองประธานอาวุโสฝ่ายปฏิบัติการ (เอเชีย) ของกลุ่ม ไมเนอร์ โฮเทลส์ ในเครือ บริษัท ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) หรือ MINT อัพเดทธุรกิจโรงแรมในประเทศไทยให้ฟังว่า หลังจากกลับทยอยเปิดโรงแรมอีกครั้งตั้งแต่เดือนมิถุนายน ยอดการเข้าพักยังถือว่าต่ำมาก เพราะนักท่องเที่ยวต่างชาติกลุ่มหลัก ที่ปี 2562 กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาสรุปตัวเลขไว้ 38 ล้านคน ยังไม่กลับมาจากการปิดน่านฟ้าของหลายประเทศร่วมทั้งไทย
แต่ก็เห็นสัญญาณการฟื้นตัว “ไทยเที่ยวไทย” หลังภาครัฐปลดล็อกดาวน์ ตามด้ายมาตรการกระตุ้นกับโครงการ “เราเที่ยวด้วยกัน” ที่เปิดให้ลงทะเบียนผ่านเว็บไซต์ www.เราเที่ยวด้วยกัน.com ตั้งแต่วันที่ 15 กรกฎาคมนี้ โดยนักท่องเที่ยวจะสามารถรับสิทธิ์ส่วนลดที่พัก 40% หรือสูงสุดไม่เกิน 3,000 บาทต่อห้องต่อคืน สูงสุด 5 ห้อง หรือ 5 คืน รวมถึงคูปองมูลค่า 600 บาท ต่อวันเพื่อใช้เป็นส่วนลดค่าอาหารและค่าเข้าชมสถานที่ท่องเที่ยวที่ร่วมรายการ และสิทธิ์ค่าตั๋วเครื่องบินในประเทศไม่เกินใบละ 1,000 บาท สามารถใช้สิทธิ์เดินทางท่องเที่ยวตั้งแต่ 18 กรกฎาคม-31 ตุลาคม 2563
“โครงการแพ็คเกจท่องเที่ยวของรัฐ ที่ช่วยออกค่าใช้จ่ายให้ประชาชน จะช่วยกระตุ้นอุตสาหกรรมท่องเที่ยวในครึ่งปีหลังได้อย่างมาก แน่นอนว่าทุกโรงแรมของไมเนอร์ เข้าร่วมโครงการนี้ และจะช่วยให้อัตราการเข้าพักของเราดีขึ้น”
อีกกลุ่มที่น่าจะดีขึ้นคือ ตลาด MICE การจัดประชุม สัมมนา ที่ภาครัฐกำลังศึกษาแนวทางสนับสนุนด้านภาษี โดยให้องค์กรที่จัดประชุม สัมมนา นำค่าใช้จ่ายไปลดภาษีได้เพิ่มเท่าตัว มาตรการนี้จะช่วยให้โรงแรมมีแหล่งรายได้เพิ่มขึ้นจากการใช้ห้องจัดประชุม สัมมนา ในช่วงครึ่งปีหลัง และหากรัฐสามารถทำเรื่อง Travel Bubble กับประเทศต่างๆ ได้ก็จะช่วยดึงนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามาได้อีกทาง
ปัจจุบันมีโรงแรมในเครือไมเนอร์ 3 แห่ง คือ อนันตรา สยาม, อนันตรา ริเวอร์ไซด์ และ อนันตรา ไม้ขาว ภูเก็ต ที่เปิดให้เป็นสถานที่กักตัวทางเลือก (Alternative State Quarantine) สำหรับผู้เดินทางกลับจากต่างประเทศ โดยร่วมมือดูแลผู้เข้าพักกับโรงพยาบาลตามมาตรฐานกระทรวงสาธารณสุข และแยกโซนชัดเจนกับห้องพักปกติ ซึ่งที่ผ่านมาได้รับความสนใจใช้บริการ มีอัตราการเข้าพัก 50-60% ซึ่งแต่ละแห่งกันจำนวนห้องพักไว้ให้บริการไม่มาก
ลดค่าใช้จ่าย-สร้างแหล่งรายได้ใหม่
ในสถานการณ์รายได้จากห้องพักยังไม่กลับสู่ภาวะปกติ สิ่งที่ต้องทำ คือ การดูแลต้นทุนลดค่าใช้จ่าย ไมเนอร์ จึงต้องขอลดเงินเดือนพนักงาน โรงแรมที่ยังปิดอยู่ก็เปิดให้ leave without pay รับเงินจากประกันสังคม 90 วัน
นอกจากนี้ต้องสร้างแหล่งรายได้ใหม่นอกจากห้องพักเพิ่มขึ้น ทั้งร้านอาหาร เบเกอรี่ คาเฟ่ รวมทั้งบริการด้านสุขภาพ (Wellness) โดยโรงแรมอนันตรา ได้ร่วมมือกับเวอริตา เฮลธ์แคร์ กรุ๊ป (Verita) ซึ่งมีสำนักงานใหญ่อยู่ที่สิงค์โปร์ เตรียมเปิดศูนย์บริการสุขภาพ (Wellness Center) เวอริตา ที่อนันตรา ริเวอร์ไซด์ กรุงเทพฯ และ เวอริตา อนันตรา สยาม ในปีนี้ด้วย พร้อมทั้งดึงแบรนด์ VLCC มาเปิดที่ อวานี พลัส หัวหิน และ Clinique La Prairie มาเปิดที่โรงแรมเซ็นต์ รีจิส กรุงเทพฯ เพื่อขยายธุรกิจการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ
ส่วนธุรกิจใหม่ที่จะเปิดให้บริการในเดือนตุลาคมนี้ คือสถาบันการศึกษาการโรงแรม “AIHM” หรือ Asian Institute of Hospitality Management ซึ่งเป็นจับมือเป็นพันธมิตร Les Roches สถาบันการศึกษาด้านการบริหารจัดการธุรกิจบริการจากประเทศสวิตเซอร์แลนด์ โดยจะเปิดสอน 2 วิทยาเขตในกรุงเทพฯและพัทยา รองรับทั้งคนไทยและเอเชีย ปีหน้าคาดมีนักศึกษา 150 คน
เชื่อว่าสถานการณ์โควิดที่เป็นวิกฤติกับทุกธุรกิจ เริ่มเห็นสัญญาณการฟื้นตัว แม้จะมีความท้าทายการระบาดระลอกสอง แต่การทำธุรกิจโดยเฉพาะโรงแรมก็ต้องเตรียมพร้อมมาตรฐานทางด้านสุขอนามัยและความปลอดภัยของโรงแรมไว้รับมือ เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับทั้งพนักงานและผู้ใช้บริการ