หลังจากบิ๊กค้าปลีก “เซ็นทรัลรีเทล” หรือ CRC เข้าตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ในวันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2563 ด้วยราคา IPO 42 บาท มีมูลค่าการระดมทุนมากถึง 78,124 ล้านบาท ใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ของตลาดหุ้นไทย นับจากเริ่มเทรด ก็ต้องเจอกับสถานการณ์โควิด เขย่าเศรษฐกิจโลก ราคาหุ้น CRC ยังไม่สามารถกลับไปยืนเหนือราคา IPO ได้เลย วันนี้ (17 ส.ค.)ร่วงมาอยู่ที่ 29.25 บาท กับตัวเลขผลประกอบการครึ่งปีแรก “ขาดทุน” 1,629 ล้าน ลดลง 139%
บริษัท เซ็นทรัล รีเทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) (CRC) รายงานผลการดำเนินงานครึ่งปีแรก 2563 ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) จากมาตรการล็อกดาวน์และการประกาศเคอร์ฟิว ตั้งแต่วันที่ 22 มีนาคม ถึง 16 พฤษภาคม 2563 รวมทั้งปัจจัยลบการหดตัวของภาคการท่องเที่ยว และกำลังซื้อที่อ่อนแรงของผู้บริโภค
ส่งผลให้รายได้รวมในไตรมาส 2 อยู่ที่ 41,376 ล้านบาท จาก 52,579 ล้านบาท (ลดลง 11,203 ล้านบาท) หรือ ลดลง 21% ขาดทุนสุทธิ 2,519 ล้านบาท ลดลง 243% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน ที่ทำกำไร 1,768 ล้านบาท
ในช่วงไตรมาส 2 ทั้ง 3 ธุรกิจหลักรายได้ลดลงเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน คือ กลุ่มแฟชั่น ทำรายได้ 8,121 ล้านบาท ลดลง 48% ,กลุ่มฮาร์ดไลน์ รายได้ 11,642 ล้านบาท ลดลง 3.3% และกลุ่มฟู้ด รายได้ 17,189 ล้านบาท ลดลง 10.3%
ขณะที่รายได้รวมในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2563 อยู่ที่ 95,661 ล้านบาท ลดลง 10% จากช่วงเดียวกันปีก่อนมีรายได้ 106,282 ล้านบาท (ลดลงไป 10,621 ล้านบาท) โดยงวดครึ่งปีแรกขาดทุนสุทธิ 1,629 ล้านบาท ลดลง 139% เทียบช่วงเดียวกันปีก่อนทำกำไร 4,202 ล้านบาท
หลังปลดล็อกดาวน์ เดือน มิ.ย.เริ่มกำไร
คุณญนน์ โภคทรัพย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เซ็นทรัล รีเทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) กล่าวว่าช่วงล็อกดาวน์จากวิกฤติโควิด-19 ทำให้ธุรกิจในเครือต้องปิดทำการกว่า 80% ของพื้นที่ขายทั้งหมด เป็นระยะเวลามากกว่าครึ่งของไตรมาส 2 หรือปิดไปรวม 46 วัน จาก 91 วัน จากปัญหาดังกล่าวน่าจะทำให้ยอดขายบริษัทลดลงกว่า 50%
แต่ CRC ได้ใช้แพลตฟอร์มออมนิแชนแนล ที่พัฒนามากว่า 3 ปี คือ เว็บไซต์อีคอมเมิร์ซของธุรกิจในเครือช้อปได้ 24 ชั่วโมง, โมบาย แอปพลิเคชั่น ซื้อสินค้าได้ทั้ง ห้างเซ็นทรัล ซูเปอร์สปอร์ต และท็อปส์ รวมทั้ง Line Chat & Shop บริการช้อปปิ้งผ่านโทรศัพท์ Call & Shop บริการส่งสินค้าแบบ Drive Thru ช่วยสร้างยอดขายในช่วงที่หน้าร้านปิด ทำให้ยอดขายในไตรมาส 2 ลดลงไป 21% ต่ำกว่าที่ประเมินผลกระทบไว้
หลังจากภาครัฐคลายล็อกดาวน์ให้ธุรกิจกลับมาเปิดให้บริการปกติตั้งแต่วันที่ 17 พฤษภาคม 2563 CRC เริ่มเห็นสัญญาณการฟื้นตัวกลับมาทำกำไรได้อย่างรวดเร็ว ตั้งแต่เดือนมิถุนายนที่ผ่านมา โดยธุรกิจในประเทศไทย เวียดนามและอิตาลีกลับมามียอดขายเทียบเท่าช่วงก่อนเกิดสถานการณ์โควิด-19 ในเดือนกุมภาพันธ์ 2563 และผลกำไรโดยรวม (EBITDA) ของบริษัทก็กลับมาเป็นบวกด้วยเช่นกัน
CRC ยังมองเห็นโอกาสฟื้นตัวอย่างต่อเนื่องของธุรกิจในช่วงครึ่งหลังของปี 2563 จากสัญญาณบวกต่างๆ ทั้งนโยบายของภาครัฐ และทีมเศรษฐกิจชุดใหม่ ที่จะเข้ามาช่วยผลักดันเศรษฐกิจ ช่วยเหลือ SME และกระตุ้นการจ้างงาน โดยเฉพาะแรงงานในภาคค้าปลีกและบริการที่มีมากกว่า 19 ล้านคนในระบบ