HomePR NewsGoogle เปิดโครงการ “Saphan Digital” ช่วยฟื้นฟูประเทศไทย ชี้เศรษฐกิจดิจิทัลยังมีอนาคตสดใส [PR]

Google เปิดโครงการ “Saphan Digital” ช่วยฟื้นฟูประเทศไทย ชี้เศรษฐกิจดิจิทัลยังมีอนาคตสดใส [PR]

แชร์ :

Google เดินหน้าจัดงาน Google for Thailand ต่อเนื่องเป็นครั้งที่ 3 โดยรูปแบบงานในปีนี้เป็นการจัดผ่านระบบออนไลน์ครั้งแรก นำโดย แจ็คกี้ หวาง ผู้จัดการ Google ประจำประเทศไทย ร่วมด้วย สเตฟานี่ เดวิส กรรมการผู้จัดการ Google เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ กับการประกาศโครงการต่าง ๆ สำหรับช่วยคนไทยและธุรกิจได้เติบโตในระยะยาวบนเศรษฐกิจดิจิทัล

ADFEST 2024

Santos Or Jaune

โดยหนึ่งในโครงการใหม่ที่มีการเปิดตัววันนี้คือ “Saphan Digital” ภายใต้ Grow with Google ที่มีการร่วมมือกับกระทรวงพาณิชย์และพันธมิตรองค์กรธุรกิจชั้นนำจากอุตสาหกรรมต่าง ๆ เพื่อสนับสนุนผู้ประกอบการ บุคคลทั่วไป และองค์กรที่ไม่แสวงหาผลกำไร ให้เข้าถึงเครื่องมือดิจิทัลและเรียนรู้ทักษะดิจิทัลจากผู้เชี่ยวชาญเพื่อนำไปต่อยอดธุรกิจให้เติบโตอย่างมีประสิทธิภาพ รวมทั้งเปิดโอกาสให้บุคคลที่มีคุณสมบัติเหมาะสมจับคู่กับผู้ประกอบการและองค์กรที่ไม่แสวงหาผลกำไรเพื่อรับประสบการณ์จริงจากการใช้เครื่องมือดิจิทัลด้วย

คุณแจ็คกี้ หวาง ผู้จัดการ Google ประจำประเทศไทย กล่าวว่า โครงการ Saphan Digital เป็นหนึ่งในความมุ่งมั่นของ Google ที่ต้องการช่วยเหลือธุรกิจเอสเอ็มอีกว่า 1.3 ล้านรายที่ได้รับผลกระทบอย่างรุนแรงจากสถานการณ์โควิด-19

”เราตระหนักดีว่า “นิวนอร์มอล” ที่เกิดจากเหตุการณ์ในครั้งนี้ได้ส่งผลให้ผู้ประกอบการต้องหันมาทำธุรกิจแบบออนไลน์เพื่อให้บริการแก่ลูกค้าต่อไปได้ ดังนั้น พวกเขาจึงควรได้รับการเสริมสร้างความรู้และทักษะดิจิทัลที่เหมาะสมกับธุรกิจของพวกเขา”

ด้านคุณอภิชญา เตชะมหพันธ์ หัวหน้าฝ่าย Google Customer Solutions ประจำประเทศไทย กล่าวเสริมว่า “โครงการ Saphan Digital มีบทบาทหลักด้านการสนับสนุนด้านทักษะดิจิทัลและเครื่องมือจาก Google รวมทั้งการฝึกอบรมโดยผู้เชี่ยวชาญจากภาคส่วนต่างๆ ได้แก่ การธนาคาร อีคอมเมิร์ซ บริการส่งของออนไลน์ การจัดหางานออนไลน์ และคอมมูนิตี้สเปซ โดยการรวบรวมประสบการณ์ ความเชี่ยวชาญ และเครื่องมือดิจิทัลเข้าด้วยกันในครั้งนี้ เป็นการเปิดโอกาสให้กับทุกคน โดยเฉพาะธุรกิจเอสเอ็มอี ได้ยกระดับทักษะดิจิทัล และใช้ประโยชน์จากอินเทอร์เน็ตได้อย่างเต็มที่”

เข้าถึง G Suite ฟรี

อีกหนึ่งแนวคิด “Leave no Thai Behind” ก็คือการนำเครื่องมืออย่าง G Suite for Education เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของแพลตฟอร์มด้านการศึกษาเพื่อความเป็นเลิศ หรือ Digital Education Excellent Platform (DEEP) ซึ่งจะทำให้ครู อาจารย์ นักเรียน นักศึกษาในสถานศึกษาของรัฐบาลทั่วประเทศสามารถเข้าถึงเครื่องมือเพื่อการศึกษาของ Google ได้ฟรี

โดยคุณไมค์ จิตติวาณิชย์ หัวหน้าฝ่ายการตลาด Google ประเทศไทย ได้กล่าวว่า “การช่วยให้นักเรียน นักศึกษาได้มีโอกาสในการเรียนรู้ทั้งออนไลน์และออฟไลน์นั้นถือเป็นพันธกิจสำคัญของ Google ในการสนับสนุนเศรษฐกิจดิจิทัลที่ยั่งยืน”

“เราเชื่อว่าการสร้างอนาคตดิจิทัลที่มั่นคงของชาติจะต้องเริ่มต้นจากการสร้างผู้ที่มีความสามารถด้านดิจิทัลตั้งแต่วันนี้และจะต้องเริ่มต้นกันตั้งแต่ในห้องเรียน และนั่นคือเหตุผลว่าทำไมเราต้องพยายามอย่างเต็มที่ในการสนับสนุนเครื่องมือเพื่อการศึกษาที่สามารถช่วยเสริมสร้างการเรียนรู้ได้อย่างต่อเนื่องไม่ว่าเราจะอยู่ในสถานการณ์ใดก็ตาม นอกจากนี้เรายังเปิดต้วโครงการใหม่ที่มีชื่อว่า “Developer Student Club” ที่ Google ได้ร่วมมือกับตัวแทนนักศึกษาจากมหาวิทยาลัย 6 แห่ง ได้แก่ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี และมหาวิทยาลัยมหิดล เพื่อสร้างชุมชนนักพัฒนาโปรแกรมที่แข็งแกร่งในรั้วมหาวิทยาลัยของไทย

หรือการปรับ Academy Bangkok แหล่งการเรียนรู้และฝึกฝนทักษะด้านดิจิทัลของ Google ที่แรกในเอเชีย ให้เข้ากับสถานการณ์โควิด-19 ด้วยการนำโปรแกรมต่าง ๆ ของ Academy Bangkok รวมถึงคอร์สอื่นๆ ของ Google มารวมกันไว้บนแพลตฟอร์มออนไลน์ที่ Grow with Google เพื่อให้ผู้คนสามารถเข้าถึงได้ง่ายขึ้น

นอกจากนี้ เมื่อต้นปีที่ผ่านมา Google ได้เปิดตัวหลักสูตร “Be Internet Awesome” เพื่อให้ความรู้แก่เด็กๆ เกี่ยวกับพื้นฐานสำคัญของการเป็นพลเมืองยุคดิจิทัลที่ดีและการท่องโลกออนไลน์อย่างปลอดภัย ปัจจุบันมีครูและนักเรียนจำนวนกว่า 500,000 คนในประเทศไทยที่ได้ผ่านการฝึกอบรมจากโปรแกรมนี้ไปแล้ว

อัปเดตต่อมาคือการจับมือกับครีเอเตอร์ YouTube มาช่วยเพิ่มประสบการณ์การใช้งานบน Google Maps ให้ดีขึ้น โดยตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปผู้ใช้ในไทยจะได้พบกับสถานที่ใหม่ ๆ เช่น ร้านอาหาร แหล่งช้อปปิ้ง และสถานที่ท่องเที่ยวในทางวัฒนธรรมไทย ตามคำแนะนำของครีเอเตอร์บน YouTube ได้ด้วย

สุดท้ายคือการนำ Plus Codes มาใช้งาน เพื่อช่วยให้ผู้ที่อยู่ในพื้นที่ที่เข้าถึงยากหรือไม่มีที่อยู่ที่ชัดเจนสามารถระบุตำแหน่งที่อยู่ของตนเองได้อย่างแม่นยำ เพื่อทำให้การเข้าถึงด้านการดูแลสุขภาพหรือการจัดส่งพัสดุสินค้าเป็นเรื่องง่ายขึ้น

สำหรับผู้ที่สนใจเข้าร่วมฝึกอบรมในโครงการ “Saphan Digital” สามารถลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการ และดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://saphandigital.moc.go.th/ ตั้งแต่วันที่ 27 สิงหาคม 2563 จนถึงวันที่ 18 กันยายน 2563 


แชร์ :

You may also like