กลายเป็นความท้าทายใหม่ ๆ ในยุค New Normal โดยเฉพาะด้านพฤติกรรมของผู้บริโภคได้เปลี่ยนแปลงไปมากขึ้น ทำให้ในหลายธุรกิจต้องปรับตัวกันยกใหญ่ ล่าสุด บริษัท นิปปอนเพนต์ (ประเทศไทย) จำกัด ผู้นำด้านนวัตกรรมเทคโนโลยีสีสำหรับรถยนต์ ได้พัฒนาผลิตภัณฑ์เพื่อตอบโจทย์ผู้บริโภคมากขึ้น จึงเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ภายใต้แบรนด์ “NAXPRO” นวัตกรรมดูแลรถยนต์ครอบคุลมถึง 3 กลุ่มหลัก รวม 9 ผลิตภัณฑ์ โดยชูจุดแข็ง Know How สีรถยนต์มาตรฐานโลกที่มุ่งมั่นสร้างสรรค์นวัตกรรมใหม่ต่อยอดพัฒนาจากความเข้าใจในสีรถยนต์เป็นอย่างดี จึงเข้าถึงความต้องการของลูกค้าได้อย่างแท้จริง พร้อมเดินหน้าทำการตลาดแบบเชิงรุก Speed Action ใครไวกว่าตอบโจทย์ได้ครบถ้วน มีโอกาสมากกว่า โดยเน้นช่องทางออนไลน์ควบคู่ออนกราวด์บุกตลาดต่อเนื่อง
นายนพดล ศรีสินรุ่งเรือง ผู้จัดการทั่วไป บริษัท นิปปอนเพนต์ (ประเทศไทย) จำกัด กลุ่มธุรกิจสีพ่นซ่อมรถยนต์ เปิดเผยว่า เนื่องจาก นิปปอนเพนต์ มีความเชี่ยวชาญด้านสี โดยทำสีให้กับ OEM อยู่แล้ว ดังนั้น เราจึงมีเรื่องของความเข้าใจในสีรถยนต์เป็นอย่างดี จึงมองเห็นโอกาสทางการตลาดและได้เปิดตัวนวัตกรรมดูแลรถยนต์ครั้งแรก ภายใต้แบรนด์ใหม่ “NAXPRO” ซึ่งถือเป็นผลิตภัณฑ์ดูแลรักษารถยนต์แบรนด์คุณภาพ ที่พร้อมดูแลรถยนต์ให้สวยเหมือนใหม่อยู่เสมอ ด้วยการผลิตที่มีคุณภาพสูง โดยการนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมที่ล้ำสมัย ถูกออกแบบมาเพิ่มประสิทธิภาพการดูแลรักษารถยนต์ ซึ่งตอบโจทย์ได้ทั้งภายในและภายนอกได้อย่างครบวงจร โดยได้เปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ 3 กลุ่ม รวม 9 ผลิตภัณฑ์ไฮไลท์ ได้แก่
1. กลุ่ม Exterior (ล้างรถ เคลือบเงารถ เคลือบเงาล้อ) ประกอบด้วย Naxpro ultrashine wash & wax ราคา 159 บาท, Naxpro ultrashine cream wax ราคา 289 บาท, Naxpro gloss & shine spray ราคา 259 บาท และ Naxpro tire black booster ราคา 299 บาท
2. กลุ่ม Interior (เคลือบเงา และทำความสะอาดภายใน) ประกอบด้วย Naxpro leather seat & console restorer ราคา 259 บาท และ Naxpro leather and fabric cleaner 259 บาท
3. กลุ่ม Special Care (ดูแลรักษาพิเศษ) Naxpro scratch remover ราคา 219 บาท, Naxpro plastic & rubber black booster ราคา 219 บาท และ Naxpro car stain remover ราคา 259 บาท
ดังนั้น ผลิตภัณฑ์ใหม่ที่ถูกพัฒนามานี้ เพื่อการดูแลรถยนต์ได้อย่างดีเยี่ยม และทุกผลิตภัณฑ์จะมีนวัตกรรมที่ช่วยให้การดูแลรักษารถยนต์ง่ายขึ้น ช่วยประหยัดเวลาอย่างมาก อาทิ แทนที่จะต้องเคลือบเงายางรถยนต์ทุกสัปดาห์ สำหรับผลิตภัณฑ์ของ “NAXPRO” จะให้ทนทานยาวนานขึ้นมากกว่าเท่าตัว จึงถือเป็นจุดเด่น และข้อแตกต่างด้านคุณภาพจากผลิตภัณฑ์อื่นที่อยู่ในตลาดตอนนี้ อีกทั้งยังช่วยยืดอายุการดูแลปกป้องให้นานมากยิ่งขึ้นอีกด้วย
แม้ภาพรวมตลาดกลุ่มนี้มีการแข่งขันอย่างสูงด้านราคา แต่ในมุมของผู้พัฒนาผลิตภัณฑ์ดูแลรถยนต์ที่เชี่ยวชาญด้านสีรถยนต์โดยเฉพาะ เรามองเห็นโอกาสในการสร้างความแตกต่างด้วยนวัตกรรม องค์ความรู้ และคุณภาพของผลิตภัณฑ์ที่เรามี จึงได้วางตำแหน่งการตลาดอย่างชัดเจนให้เป็นผลิตภัณฑ์คุณภาพระดับพรีเมี่ยม เรียกว่าเกรดเทียบเท่าแบรนด์นำเข้าในราคาที่คนไทยซื้อได้ โดยเจาะกลุ่มเป้าหมายหลักไปที่เจ้าของรถยนต์ที่ดูแลรถยนต์ด้วยตัวเอง หรือ ให้ร้านคาร์แคร์บริการให้ โดยเป็นกลุ่มใส่ใจรายละเอียดและฉลาดเลือกซื้อผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพและมีนวัตกรรมที่แตกต่าง
ยิ่งไปกว่านั้นในยุค New Normal พฤติกรรมที่เปลี่ยนไปตามวิถีชีวิตใหม่ที่เข้ามาทำให้คนตัดสินใจใช้รถยนต์ส่วนตัวมากขึ้น และมีความจำเป็นต้องดูแลรถยนต์ด้วยตัวเองที่บ้านแทนการเข้าคาร์แคร์ ดังนั้น สำหรับคนที่มีรถ ยิ่งต้องดูแลรักความสะอาดทั้งภายในและภายนอกรถอยู่เสมอ “NAXPRO” จึงเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ดีสำหรับผู้ใช้รถที่ต้องรับมือกับยุค New Normal ซึ่งถือเป็นโอกาสทางธุรกิจที่ดี ในขณะเดียวกัน ผลิตภัณฑ์บางตัวก็สามารถใช้ภายในบ้านได้ เช่น Naxpro ตัวเคลือบเงาบำรุงเบาะหนัง และ Naxpro ทำความสะอาดเบาะผ้าและเบาะหนัง สามารถใช้ได้กับกระเป๋าหนังแท้หนังเทียมทุกเฉดสี เบาะ หรือ โซฟา เรียกได้ว่าตอบโจทย์ได้อย่างคุ้มค่า
สำหรับ แบรนด์ “NAXPRO” ได้เน้นทำการตลาดเชิงรุกแบบ Speed Action เน้นความรวดเร็วทันใจลูกค้า เพราะด้วยความเป็นแบรนด์ใหม่ใน Segment นี้ ดังนั้นนวัตกรรมเราต้องก้าวนำและทำให้เร็วกว่าเสมอ เน้นตอบสนองความต้องการแบบตรงจุดและผลิตสินค้าที่ครอบคลุมพร้อมขายอย่างต่อเนื่อง พร้อมบริการหลังการขายที่ให้บริการแบบทันทีทันใด เราจึงไม่รอลูกค้าและไม่ให้ลูกค้าต้องรอ แต่เราจะเน้นเข้าถึงลูกค้า End consumer แบบเรียลไทม์ผ่าน Social Commerce มากขึ้น ตลอดจนใช้เป็นช่องทางสื่อสารอัพเดทโปรโมชั่นพิเศษ และให้ความรู้เรื่องการดูแลรักษารถยนต์ รวมถึง Tips ต่าง ๆ ในรูปแบบของ Info graphic /VDO Etc. จาก Facebook Fanpage NAXPRO ผลิตภัณฑ์ดูแลรักษารถยนต์ครบวงจร, Youtube Nippon Paint และ Line Official Account @np_auto ซึ่งจะมีเจ้าหน้าที่บริการคอยให้ตอบคำถามตลอดเวลาเพื่อ สอดรับกับพฤติกรรมผู้บริโภคในยุคนี้เป็นสำคัญ
ส่วนการตลาดแบบออนกราวน์ก็ยังคงทำควบคู่กัน โดยในช่วงยุค New Normal เรามีการปรับกลยุทธ์ ลด Scale กิจกรรมใหญ่ ๆ แต่เพิ่มการกระจายจุดกิจกรรมผ่านบูธประชาสัมพันธ์สินค้า มีการอบรมพนักงานขาย และฝ่ายเทคนิคทั่วประเทศ เพื่อเพิ่มช่องทางการขาย ซึ่งหลังจากเปิดตัวทางแบรนด์คาดว่าจะได้รับผลตอบรับจากคนรักรถยุคใหม่อย่างแน่นอน และเดินหน้าเปิดตัวร้านค้าต้นแบบ 76 จังหวัดทั่วประเทศ เพื่อตอบโจทย์และพัฒนาตลาดของประเทศไทยให้ทัดเทียมตลาดต่างประเทศ