พัฒนาการของ “ศูนย์การค้า” ในยุคดิจิทัล กำลังมาในทิศทาง “New Retail” นั่นคือ ให้ความสำคัญกับ “Lifestyle Centric” นำมาออกแบบประสบการณ์การช้อป และการใช้ชีวิตแบบ “Seamless”
– Seamless เชิงกายภาพ คือ การดีไซน์พื้นที่ภายในโครงการให้เชื่อมต่อถึงกันหมด และออกแบบ Customer Journey นับตั้งแต่เดินเข้ามาในศูนย์การค้า และการจัดวางร้านค้า – สินค้าต่างๆ ให้สอดคล้องกับไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภค หรือ Lifestyle Centric รวมทั้งมีการนำเทคโนโลยีมาใช้ใน Physical Store/Shop
– Seamless ในการเชื่อมต่อระหว่าง Physical และ Digital World ผสานเข้าด้วยกันเป็นหนึ่งเดียว เพื่อให้เป็น “Omni-channel”
เวลานี้เราเริ่มเห็นศูนย์การค้าบางแห่งปรับตัวในทิศทางนี้ ความเคลื่อนไหวล่าสุด “The Emporium” หนึ่งในศูนย์การค้าหลักของ The Mall Group เตรียมจะรีโนเวทครั้งใหญ่อีกครั้ง หลังจากก่อนหน้านี้ เมื่อปี 2014 เคยปรับโฉมใหญ่ ทั้งภายนอก และภายในศูนย์การค้ามาแล้ว
การปรับโฉมครั้งนี้ รีโนเวทภายในศูนย์การค้า ขณะที่ Façade ยังคงเดิม คาดการณ์เบื้องต้นจะใช้งบลงทุนไม่ต่ำกว่า 1,000 ล้านบาท แบ่งเป็น 4 เฟส จะเริ่มทยอยทำตั้งแต่ปลายปี 2020 และจะเสร็จสมบูรณ์ภายในครึ่งปีแรกของปี 2021
โดยยังคง Positioning เดิมของ The Emporium นั่นคือ “Luxury Mall” แต่ใช้แนวคิด “New Retail” ในการออกแบบ Customer Experience ประกอบด้วยภาพกว้างๆ ดังนี้
– New Concept – New Design ให้ความสำคัญกับ “Lifestyle Centric” ปรับเปลี่ยนดีไซน์ภายใน ทั้งพื้นที่ศูนย์การค้า (พื้นที่เช่า) ปรับเปลี่ยนร้านค้า ซึ่งปัจจุบัน The Emporium มีร้านค้าประมาณ 250 ร้าน โดยในปี 2021 จะมีบางร้านหมดสัญญาเช่า และปรับโซนดีพาร์ทเม้นท์สโตร์
ให้เป็น “Mixed Category” และออกแบบพื้นที่ภายในให้เชื่อมต่อถึงกัน ซึ่งจะทำให้ลูกค้าไม่รู้สึกว่าตัวเองกำลังอยู่ในส่วนของศูนย์การค้า หรืออยู่ในดีพาร์ทเม้นท์สโตร์ เพื่อให้ประสบการณ์การเดิน และการช้อปปิ้งของลูกค้าเป็น Seamless
เช่น แต่เดิมใน 1 โครงการศูนย์การค้า ภายในแบ่งเป็นชั้นๆ และแบ่งเป็นโซนๆ แต่ละชั้น แต่ละโซนขายสินค้า Category ต่างกัน อย่างถ้าผู้หญิงอยากซื้อรองเท้าส้นสูง ต้องไปแผนกรองเท้าสตรี และถ้าจะดู Sneaker ด้วย ต้องไปแผนกกีฬา
แต่ต่อไปแต่ละโซน แต่ละชั้นจะ Blend in ส่วนผสมสินค้าและบริการต่างๆ เข้าด้วยกัน เช่น ในแผนกรองเท้าผู้หญิง ก็มีรองเท้ากีฬาสำหรับผู้หญิงด้วย แต่เป็นรองเท้ากีฬาสไตล์แฟชั่น ในขณะที่ถ้าลูกค้าคนไหน ต้องการรองเท้ากีฬาที่เน้น Performance ก็ไปแผนกสปอร์ต หรือในแผนกสปอร์ต มีจำหน่าย Gadget หูฟัง
การออกแบบ Mix Category เนื่องจากผู้บริโภคยุคดิจิทัล นอกจากต้องการ One Stop Shopping/Service เพื่อความสะดวกมาครบ จบในที่เดียวแล้ว ผู้บริโภคยังต้องการความรวดเร็ว มาในพื้นที่เดียว หรือโซนเดียว ก็มีสินค้าเชื่อมโยงกันครบวงจร ทำให้เขาไม่ต้องเดินเข้าออกแผนกนั้น แผนกนี้ เพื่อตามหาของ
– Omni-channel Model ผสาน Physical – Digital เข้าด้วยกันแบบ Seamless
ในอดีตที่เริ่มต้นเข้าสู่ยุค Digital ใหม่ๆ เวลานั้นเพิ่งเกิดแพลตฟอร์ม e-Commerce และ e-Payment ได้แยกขาดออกจาก Physical Store/Shop อย่างชัดเจน แต่ต่อมาด้วยเทคโนโลยีพัฒนามากขึ้น จึงเริ่มผสานสองโลกนี้ เข้าไปหนึ่งเดียว และกลายเป็นโมเดล “Omni-channel” ซึ่งโฉมใหม่ของ “Emporium” จะไปในโมเดลนี้เช่นกัน
“การปรับโฉมครั้งนี้ของ The Emporium เป็นการปรับภายในศูนย์การค้า ถือเป็น Big Renovation เนื่องจากไลฟ์สไตล์คนเปลี่ยน ผู้บริโภคชอบเดินในศูนย์การค้าที่เป็น route เดียวกัน ดังนั้นเราจึงต้องปรับใหม่ โดยคิดครบทุกองค์ประกอบ ไม่ว่าจะเป็นด้านความสวยงาม, ความเป็น Luxury Mall, การขาย และที่สำคัญคือการออกแบบ Customer Journey ตามไลฟ์สไตล์ และความสนใจของผู้รบิโภค
เพื่อให้ The Emporium ใหม่มีความเป็น “New Retail, New Digital” ทั้งดีไซน์ภายใน, Mix Category ไม่ว่าจะเป็นสินค้าแฟชั่น, ไลฟ์สไตล์ และสปอร์ต เพื่อสร้าง New Seamless Experience ที่ลูกค้ามาเดิน แล้วจะเป็น route เดียวกัน ทำให้ต่อไปจะไม่มีภาพระหว่างพื้นที่ช้อปปิ้ง คอมเพล็กซ์ กับดีพาร์ทเม้นท์สโตร์ และต้องคิดเชื่อมโยงกับการทำโมเดล Omni-channel” คุณอรธิรา ภาคสุวรรณ รองกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายพัฒนาธุรกิจ ศูนย์การค้าดิ เอ็มโพเรี่ยม ดิ เอ็มคอวเทียร์ เล่าถึงแนวทางการรีโนเวท
ต้องรอดูกันต่อไปว่าหลังจากนี้ดีไซน์ การตกแต่ง และการจัดส่วนผสมสินค้า – บริการต่างๆ ภายในศูนย์การค้า The Emporium โฉมใหม่ให้ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ – ความสนใจของผู้บริโภค และโลกยุคดิจิทัลจะเป็นอย่างไร ถือเป็นพัฒนาการก้าวสำคัญที่ไม่ใช่แค่ The Mall Group เท่านั้น แต่ยังเป็นหมุดหมายสำคัญการเปลี่ยนผ่านศูนย์การค้าไทยเข้าสู่ยุค “New Retail”