ดีป้าจับมือสถาบัน IMC เปิดผลสำรวจอุตสาหกรรมดิจิทัลไทย พบปี 2018 – 2019 ภาพรวมทรงตัว ขณะที่ปี 2020 เจอความท้าทายจากวิกฤติ Covid-19 เข้ามากระทบ จนทำให้บางอุตสาหกรรมหดตัว และบางอุตสาหกรรมเติบโตสูงมาก พร้อมคาดการณ์ปี 2022 อุตสาหกรรมดิจิทัลไทยมีโอกาสเติบโตแตะ 8.13 แสนล้านบาท
โดยการสำรวจอุตสาหกรรมดิจิทัลไทยครั้งนี้มีขึ้นใน 5 กลุ่มธุรกิจ ประกอบด้วย
- กลุ่มซอฟต์แวร์และบริการซอฟต์แวร์
- กลุ่มฮาร์ดแวร์และอุปกรณ์อัจฉริยะ
- กลุ่มบริการดิจิทัล
- กลุ่มดิจิทัลคอนเทนต์
- กลุ่มบิ๊กดาต้า
โดยสิ่งที่พบจากการสำรวจครั้งนี้คือ กลุ่มบริการดิจิทัล – บิ๊กดาต้าไทยมีการขยายตัวสูงสุด อันเป็นผลจากวิกฤติ Covid-19 ทำให้สังคมไทยปรับตัวสู่การใช้เทคโนโลยีดิจิทัลเร็วขึ้น มีการใช้บริการดิจิทัลมากขึ้น ขณะที่ตลาดซอฟต์แวร์แม้ติดลบแต่มีแนวโน้มฟื้นตัวต่อเนื่อง เช่นเดียวกับตลาดฮาร์ดแวร์และอุปกรณ์อัจฉริยะที่ติดลบในปีนี้เนื่องจากการนำเข้าหยุดชะงัก และคาดว่าจะกลับมาเติบโตในปี 2021 – 2022
หนึ่งในปัจจัยบวกของอุตสาหกรรมดิจิทัลไทย คือในปี 2021 กิจกรรมทางเศรษฐกิจมีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้นหลังการผ่อนคลายมาตรการควบคุมการระบาด Covid-19 รวมถึงการลงทุนด้านโครงข่าย 4G, 5G และอุปกรณ์ดิจิทัลที่มีมากขึ้น
ดร.กษิติธร ภูภราดัย รองผู้อำนวยการ สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล หรือ ดีป้า เผยว่า มูลค่าตลาดอุตสาหกรรมดิจิทัลไทย ปี 2018 มีมูลค่ารวม 637,676 ล้านบาท ส่วนปี 2019 มีมูลค่ารวม 647,952 ล้านบาท ขยายตัวเฉลี่ย 1.61%
โดยปัจจัยบวกที่ส่งผลต่อภาพอุตสาหกรรมดิจิทัลไทยปี 2018 – 2019 มาจากปริมาณความต้องการใช้เทคโนโลยีที่เพิ่มขึ้นจากการเข้าสู่สังคมดิจิทัล ขณะเดียวกันหน่วยงานต่าง ๆ เล็งเห็นความสำคัญของการเปลี่ยนแปลงสู่ดิจิทัล (Digital Transformation) อีกทั้งผู้คนเริ่มคุ้นเคยและใช้บริการดิจิทัลมากขึ้น
ในทางกลับกันปัจจัยที่เป็นตัวฉุดรั้งการเติบโตของมูลค่าตลาดมาจากขาดผลิตภัณฑ์ฮาร์ดแวร์ใหม่ ๆ ที่มากระตุ้นตลาด ทำให้ปริมาณความต้องการอุปกรณ์ฮาร์ดแวร์ชะลอตัวลง และหันไปใช้ในรูปแบบบริการมากขึ้น (เช่น บริการ cloud) นอกจากนั้นยังพบว่ามีการขาดแคลนกำลังคนดิจิทัล ซึ่งส่งผลให้อุตสาหกรรมขยายตัวได้ไม่เต็มที่ ขณะที่การใช้บริการต่าง ๆ ที่ซื้อตรงจากต่างประเทศมีมากขึ้น ทำให้ไม่มีข้อมูลแสดงรายได้ในประเทศ
สำหรับผลการสำรวจอุตสาหกรรมดิจิทัล ปี 2018 – 2019 จำแนกตามประเภทชี้ให้เห็นว่า อุตสาหกรรมซอฟต์แวร์และบริการซอฟต์แวร์ปี 2018 มีมูลค่ารวม 118,917 ล้านบาท คิดเป็นอัตราการเติบโตเฉลี่ย 8.10% เมื่อเทียบกับปี 2017 ขณะที่ปี 2019 มีมูลค่าตลาดรวมกว่า 134,817 ล้านบาท เติบโตเฉลี่ย 13.37%
ด้านอุตสาหกรรมฮาร์ดแวร์และอุปกรณ์อัจฉริยะ ปี 2018 มีมูลค่ารวม 325,261 ล้านบาท เติบโตเฉลี่ย 7.29% จากปี 2017 ขณะที่ปี 2019 มีมูลค่าตลาดรวม 299,343 ล้านบาท ลดลงจากปีก่อนหน้าเฉลี่ย 7.97% โดยเฉพาะคอมพิวเตอร์นั้นมีมูลค่าตลาดลดลงต่อเนื่องในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ทั้งในด้านจำนวนเครื่องและมูลค่า ขณะที่ส่วนที่เติบโตคืออุปกรณ์อัจฉริยะหรือสมาร์ทดีไวซ์ ซึ่งแม้จะมีอัตราเติบโตดี แต่ก็ยังติดลบในปี 2019 เพราะการนำเข้าที่ลดลง รวมถึงการย้ายฐานการผลิตที่ส่งผลกระทบต่อรายได้ของบริษัทผู้จำหน่ายฮาร์ดแวร์ในประเทศไทย
อุตสาหกรรมบริการดิจิทัล ปี 2018 มีมูลค่ารวม 153,497 ล้านบาท เติบโตเฉลี่ย 24.17% จากปี 2017 โดยในปี 2-19 อุตสาหกรรมดังกล่าวมีมูลค่ารวมกว่า 169,536 ล้านบาท คิดเป็นอัตราการเติบโต 10.45%
อุตสาหกรรมดิจิทัลคอนเทนต์ ปี 2018 มีมูลค่า 27,872 ล้านบาท เติบโตเฉลี่ย 11.31% ขณะที่ปี 2019 มีมูลค่ารวมกว่า 31,080 ล้านบาท คิดเป็นอัตราการเติบโตจากปี 2018 เฉลี่ย 11.51% และอุตสาหกรรมบิ๊กดาต้า ปี 2018 มีมูลค่ารวม 12,129 ล้านบาท เติบโต 2.45% และปี 2019 มีมูลค่า 13,176 ล้านบาท คิดเป็นอัตราการเติบโตเฉลี่ย 8.63% เมื่อเทียบกับปี 2018
เปิดคาดการณ์ตัวเลข 2020 – 2022
ในส่วนของประมาณการมูลค่าตลาดดิจิทัลไทย ปี 2020 – 2022 คาดว่า อุตสาหกรรมซอฟต์แวร์และบริการซอฟต์แวร์ ปี 2020 จะมีมูลค่ารวมอยู่ที่ 133,199 ล้านบาท หดตัวเฉลี่ย 1.2% โดยมีสาเหตุมาจากวิกฤตโควิด-19 แม้จะมีการนำซอฟต์แวร์บางด้านมาประยุกต์ใช้ เนื่องจากการทำงานแบบรีโมท อาทิ การประชุมผ่านระบบออนไลน์ CRM และ Document แต่ซอฟต์แวร์ดังกล่าวส่วนใหญ่มาจากต่างประเทศ จึงไม่มีข้อมูลแสดงรายได้ในประเทศ
อุตสาหกรรมฮาร์ดแวร์และอุปกรณ์อัจฉริยะ คาดว่าจะมีมูลค่า 268,989 ล้านบาท เติบโตลดลง 10.1% โดยได้รับผลกระทบจาก Covid-19 เช่นกัน ส่งผลให้มีการนำเข้าฮาร์ดแวร์ลดลงอย่างมาก แต่คาดว่าทั้งสองอุตสาหกรรมจะกลับมาขยายตัวตามปกติ โดยเฉพาะสินค้ากลุ่ม IoT ที่จะขยายตัวเด่นกว่ากลุ่มอื่นในปี 2021-2022
ปัจจัยบวกที่จะช่วยสนับสนุนอุตสาหกรรมฮาร์ดแวร์และสมาร์ทดีไวซ์ไทย คือการเข้ามาของ AI ทำให้เกิดระบบอัตโนมัติมากขึ้น ยังมีการลงทุน 4G ต่อเนื่องก่อนการประมูล 5G ซึ่งรองรับความต้องการใช้งานของผู้บริโภค และภาครัฐที่ลงทุนโครงสร้างพื้นฐานด้านดิจิทัล ขณะที่ปัจจัยลบคือการขาดผลิตภัณฑ์ที่กระตุ้นความต้องการซื้อ การผันผวนของค่าเงิน ปัญหาเศรษฐกิจ และสงครามการค้าระหว่างจีนและสหรัฐฯ
อุตสาหกรรมบริการดิจิทัล ปี 2020 จะมีอัตราการเติบโตเฉลี่ย 20.5% ซึ่งเป็นสัดส่วนสูงที่สุดในทุกกลุ่มอุตสาหกรรมที่ทำการสำรวจ โดยมีมูลค่ารวมอยู่ที่ 204,240 ล้านบาท คาดว่าได้รับแรงหนุนจากวิกฤตการณ์การแพร่ระบาดของโรค Covid-19 ที่ทำให้สังคมปรับตัวสู่การใช้เทคโนโลยีดิจิทัลเร็วขึ้น และมีการใช้บริการดิจิทัลมากขึ้น
โดยประเมินว่ามูลค่าตลาดดังกล่าวจะขยายตัวสูงกว่า 258,470 ล้านบาทในปี 2022
ส่วนอุตสาหกรรมดิจิทัลคอนเทนต์จะมีอัตราการเติบโตเฉลี่ย 10.1% ในปี 2020 คิดเป็นมูลค่ารวม 34,229 ล้านบาท เนื่องจากตลาดเกมและบิ๊กดาต้ามีอัตราการขยายตัวสอดคล้องกับตลาดโลก ขณะที่ตลาดแอนิเมชันเติบโตลดลง จาก Covid-19 ทำให้ออเดอร์จ้างผลิตลดลง และมูลค่าคาแรคเตอร์ลดลง ผลจากสติกเกอร์ไลน์ที่เริ่มถึงจุดอิ่มตัว
อุตสาหกรรมบิ๊กดาต้า ในปี 2020 คาดว่าจะมีอัตราการเติบโตสูงรองลงมาจากอุตสาหกรรมบริการดิจิทัล โดยเติบโต 13.2% และมูลค่าตลาดจะขยับสู่ 16,871 ล้านบาทในปี 2021 จากแรงหนุนที่ทุกภาคส่วนเล็งเห็นประโยชน์จากการวิเคราะห์ข้อมูล ประกอบกับการมีทางเลือกให้ใช้บริการแบบเช่าใช้ ซึ่งง่ายต่อการตัดสินใจลงทุน มูลค่ารวมอุตสาหกรรมจะเพิ่มขึ้นเป็น 18,558 ล้านบาทในปี 2022 เนื่องจากสถานการณ์ความผันผวนทางเศรษฐกิจและการระบาดของโรค Covid-19 จะกลับเข้าสู่ภาวะปกติ
บุคลากรอุตสาหกรรมดิจิทัลขาดแคลน?
อีกหนึ่งประเด็นที่ลืมไม่ได้คือเรื่องบุคลากรในอุตสาหกรรมดิจิทัล ซึ่งพบว่าในปี 2019 มีจำนวนรวม 381,620 คน โดยเป็นกลุ่มอุตสาหกรรมฮาร์ดแวร์และอุปกรณ์อัจฉริยะมากที่สุดที่ 196,852 คน ทั้งนี้เพราะมีมีพนักงานในอุตสาหกรรมการผลิตและขายปลีกอุปกรณ์เป็นจำนวนมาก
นอกจากนี้จำนวนบุคลากรได้เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องจากปี 2017 ที่มี 283,636 คน เป็น 299,728 คนในปี 2018 ซึ่งจะเห็นได้ว่าอุตสาหกรรมดิจิทัลได้สร้างงานในหลายอาชีพทั้งแรงงานด้านไอทีและพนักงานทั่วไป โดยเฉพาะงานทางด้านอุตสาหกรรมบริการดิจิทัลที่เริ่มมีจำนวนพนักงานที่เพิ่มชึ้นอย่างมาก
โดยพบว่าปี 2019 จำนวนบุคลากรบริการดิจิทัลเพิ่มขึ้น 455% เป็น 71,054 ราย อันมีผลจากการเติบโตของบริการด้านธุรกรรม (e-Transaction) ที่อาจมีการปรับเปลี่ยนรูปแบบเป็นพนักงานประจำเข้าสู่ระบบมากขึ้น จากเดิมที่เป็นการ Outsource
ด้าน รศ.ดร.ธนชาติ นุ่มนนท์ ผู้อำนวยการ สถาบันไอเอ็มซี กล่าวว่า ปี 2020 ผลกระทบจากวิกฤต Covid-19 ถือเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญที่ทำให้สังคมปรับตัวสู่การใช้เทคโนโลยีดิจิทัลเร็วขึ้น มีการใช้บริการดิจิทัลมากขึ้นจึงทำให้ภาคอุตสาหกรรมดิจิทัลไทยเติบโตอย่างมาก
สำหรับปี 2021 แม้มีแนวโน้มว่าจีดีพีของประเทศจะปรับตัวดีขึ้น แต่อัตราการขยายตัวอย่างก้าวกระโดดในปี 2020 จะทำให้ตัวเลขการเติบโของปี 2021 จะไม่สูงเท่ากับปีก่อนหน้า
ขณะที่ปี 2022 แนวโน้มการเจริญเติบโตด้านบริการดิจิทัลจะอยู่ในอัตราที่ดี แต่อาจไม่สูงเท่ากับที่เคยทำได้มาก่อน เพราะเป็นอัตราการเจริญเติบโตที่ค่อนข้างสูงอยู่แล้ว
คุณศุภชัย สัจไพบูลย์กิจ นักวิจัยจากสถาบัน IMC กล่าวทิ้งท้ายด้วยว่า “กลุ่มอุตสาหกรรมที่ต้องทรานสฟอร์มตัวเองนั้นอาจเป็นธุรกิจฮาร์ดแวร์ เพราะผู้บริโภคเริ่มมองอุปกรณ์เหล่านี้เป็นเหมือนน็อต ประแจ ใครถูกกว่าก็ซื้อแบรนด์นั้น ในมุมผู้ขายจึงต้องทรานฟอร์มตัวเอง พยายามสร้างคุณค่าใหม่ ๆ หรือไม่ก็มองช่องทางสร้างรายได้ใหม่ ๆ เพิ่มเติม ไม่เช่นนั้น อาจอยู่ยากมากขึ้นในการแข่งขันยุคต่อไป”