ดีแทคเติมเงินปรับกลยุทธ์การตลาดครั้งใหญ่รับการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของผู้บริโภค หลังพบข้อมูลน่าสนใจว่า คนไทยต้องการการดูแลที่ดีต่อใจมากขึ้น โดยข้อมูลนี้มาจากภาพรวมของธุรกิจซิมเติมเงินที่ดีแทคพบว่า ลูกค้าดีแทคเติมเงินได้เปลี่ยนพฤติกรรมไปอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นการใช้ดาต้าต่อเดือนที่เพิ่มขึ้นกว่า 70% เมื่อเทียบกับปี 2019 และการใช้งานดาต้าจากพื้นที่ต่างจังหวัดที่เติบโตขึ้นกว่ากรุงเทพฯ หลังสถานการณ์ Covid-19 ถึง 5 เท่า
ประกอบกับตัวเลขการว่างงานที่มีการคาดการณ์ออกมาว่าอาจมีคนไทยเสี่ยงตกงานหรือสูญเสียรายได้มากถึง 8.3 ล้านคน (อ้างอิงข้อมูลจากธนาคารแห่งประเทศไทยและ World Bank) ทำให้พบว่า ภายในระยะเวลา 8 เดือน (มกราคม – สิงหาคม 2020) ลูกค้าดีแทคเติมเงินมีการใช้บริการใจดีของดีแทคมากถึง 97 ล้านครั้ง โดยในเดือนสิงหาคม 2020 มีการใช้บริการใจดีให้ยืมเพิ่มขึ้น 47% เมื่อเทียบกับเดือนกรกฎาคม และ 50% ของลูกค้าดีแทคเติมเงินก็เป็นการซื้อแพ็กอินเทอร์เน็ตแบบ 1 วันด้วย
การเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นนี้ ปฏิเสธไม่ได้ว่า ผู้บริโภคกลุ่มดังกล่าวกำลังประสบความยากลำบากในการหาเลี้ยงปากท้อง ซึ่งคุณฮาว ริเร็น รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มการตลาด บริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือดีแทค กล่าวว่า “จากความท้าทายจากสถานการณ์ Covid-19 และรูปแบบชีวิต New Normal ดีแทคพบว่า นอกเหนือจากความต้องการทางกายภาพ ความปลอดภัยการดูแลสุขภาพแล้ว ผู้บริโภคไทยยังต้องการความห่วงใย ดูแล การติดต่อสื่อสาร ซึ่งทำให้เรามีการปรับกลยุทธ์ของแบรนด์ดีแทคเติมเงินครั้งใหญ่ เป็นการลงไปช่วยแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน และสร้างความมั่นใจในการใช้บริการดีแทคเติมเงิน ในช่วงที่เศรษฐกิจยังไม่ฟื้นกลับมาสู่ภาวะปกติ”
โดยกลยุทธ์ของดีแทคเติมเงินที่ต้องการเป็นมากกว่าซิมเติมเงินนั้น ทางบริษัทได้เลือกเน้นใน 3 ด้านที่มองว่าผู้บริโภคต้องการสูงสุด นั่นคือเรื่องของสัญญาณ ราคา และบริการใจดี
คุณสุกัณณี เลิศสุขวิบูลย์ ผู้อำนวยการอาวุโสสายการการตลาดเติมเงินของดีแทคได้ยกตัวอย่างความเปลี่ยนแปลงในทั้งสามด้านนี้ว่า มีการศึกษาและทำความเข้าใจผู้บริโภคแต่ละกลุ่มที่ได้รับผลกระทบ และเสนอทางเลือกที่แตกต่างกัน ยกตัวอย่างเช่น กลุ่มวินมอเตอร์ไซค์ ที่มีโปรฮีโร่ยอดนักขับออกมาให้ โดยโปรโมชันของกลุ่มดังกล่าวมีทั้งการแจกกล่องสำหรับให้วางไว้ท้ายรถมอเตอร์ไซค์สำหรับใส่สิ่งของ – อาหาร มีการแถมขาตั้งกล้องเผื่อสำหรับการทำธุรกิจ Food Delivery รวมถึงการให้เน็ตแรงไม่อั้นเพื่อให้สามารถรับงานได้รวดเร็วขึ้น ขณะที่กลุ่มนักเรียนนักศึกษา ก็มีโปรที่แตกต่างกันไป แต่หลัก ๆ ก็คือการเล่นเน็ตได้ไม่อั้น และไม่ลดสปีด เพื่อรองรับการเรียนออนไลน์ในช่วงที่ผ่านมา ฯลฯ เป็นต้น
หรือในส่วนของบริการใจดีนั้น ปัจจุบันดีแทคเติมเงินมีแล้วถึง 11 บริการ และผู้บริโภคส่วนใหญ่ก็จะคุ้นเคยกันดี เช่น ใจดีให้ยืม (เงิน), ใจดีให้ยืมเน็ต, ใจดีแปลให้, ใจดีให้โอน ฯลฯ แต่ล่าสุดมีการเปิดตัวอีกหนึ่งบริการใจดี นั่นคือใจดีช่วยค่ายา ที่ดีแทคพบว่า ตอบโจทย์ลูกค้ากลุ่มซิมเติมเงินได้มากขึ้นในช่วงที่ยากลำบาก
สุดท้ายคือเรื่องของสัญญาณ ที่ผู้บริหารดีแทคระบุว่า ปัจจุบัน ดีแทคเป็นเครือข่ายที่ดาวน์โหลดเร็วที่สุดในไทย รับรองโดย OPENSIGNAL และดีแทคตั้งเป้าจะขยายบริการ 4G-TDD บนคลื่น 2300 MHz ที่ให้บริการบนคลื่นทีโอที เป็นจำนวนมากกว่า 20,000 สถานีฐาน ภายในปี 2563 เพื่อตอกย้ำในความเป็นผู้นำการให้บริการ 4G-TDD ซึ่งเป็นระบบที่สมาร์ทโฟน และอุปกรณ์สื่อสารของลูกค้าดีแทคมากกว่า 76% รองรับการใช้งาน รวมถึงการเร่งขยาย Massive MIMO ในพื้นที่ที่มีการใช้งานหนาแน่นทั่วประเทศ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการใช้งานที่ดีกว่าเดิม 3 เท่าด้วย
เช่นเดียวกับการขยายบริการ 4G ที่ดีแทคระบุว่าจะนำคลื่น 700 MHz มาเพิ่มความครอบคลุมของสัญญาณในภูมิภาคสำคัญทั่วไทย โดยพร้อมที่จะให้บริการหลังจาก กสทช. ได้มอบใบอนุญาตใช้งานคลื่นความถี่ 700 MHz คาดว่าภายในไตรมาส 4 ปี 2563 นี้อย่างแน่นอน