กลายเป็นข่าวฮือฮาและถูกอกถูกใจแฟน “เจ้าจำปี” การบินไทย ที่ถึงแม้ตอนนี้จะไม่ได้ใช้บริการด้านการบิน แต่ก็ยังใช้บริการ “การบินไทย” ผ่านทางปาก ด้วยเมนูอาหารที่ถูกนำมาเสิร์ฟ เพื่อหารายได้ในช่วงเวลาที่องค์กรเกิดวิกฤติ แถมภาคการท่องเที่ยวการเดินทางต้องหยุดชะงัก แต่จาก “วิกฤติ” ถูกพลิกทำให้กลายเป็น “โอกาส”
ร้านอาหารขายได้ด้วย Storytelling
ปัญหาของการบินไทยหนักหน่วงขึ้น ช่วง Covid-19 ทำให้ขึ้นบินไม่ได้ จนแผนกต่างๆ หยุดชะงัก ทางองค์กรจึงต้องระดมสมองเพื่อหาวิธีสร้างรายได้ โดยเริ่มจากการใช้แผนก Catering ทำเมนูอาหารมาวางจำหน่าย ซึ่งในเบื้องต้นก็ได้รายได้ดี ถึงแม้ว่าจะเทียบไม่ติดกับการให้บริการด้านการบิน แต่ยอดขายก็ดีอย่างต่อเนื่องกว่า 2 เดือน ทำให้เกิดการต่อยอด ที่ทีมงานคิดว่าต้องเพิ่มยอดขายให้ได้มากกว่าเดิมและใช้ประโยชน์จากทรัพยากรที่มีอยู่
จนเป็นที่มาของ โปรเจ็กท์ “อร่อยล้นฟ้า ไม่ต้องบินก็ฟินได้” ซึ่งเกิดขึ้นด้วยแนวคิด งานนี้ต้อง Zero-Cost ไม่มีต้นทุน จึงกลายเป็นการไปขุดเก้าอี้ในคลังที่ไม่ใช้แล้วมาปัดฝุ่นใหม่ ไปรื้อโกดัง นำเอาอะไหล่เก่าๆ มาดีไซน์เป็นโต๊ะ และติดตั้งบันไดขึ้นสู่พื้นที่รับประทานอาหาร โดยใช้บันไดขึ้นเครื่องบิน ทั้งหมดนี้ได้รับความร่วมมือจากฝ่ายช่าง ที่อำนวยความสะดวก ทำความสะอาด และประกอบอุปกรณ์ต่างๆ ให้กลายเป็นเฟอร์นิเจอร์ประดับตกแต่ง แปลงโฉมแคนทีนที่ให้บริการพนักงาน กลายเป็นร้านอาหารที่มีบรรยากาศของการเดินทาง และยกเอาเมนูดังที่ได้รับความนิยมจากผู้โดยสาร นำมาพัฒนาให้เหมาะกับการเสิร์ฟภาคพื้นดิน ทั้งเรื่องของรสชาติ และขนาด
นอกเหนือจากเรื่องของ “เมนูอาหาร” และ “การตกแต่ง” แล้ว “การต้อนรับ” เป็นอีกจุดเด่นของแบรนด์ “การบินไทย” ทางพนักงานจึงมีการตั้งทีมอาสา ที่ลงทุนแต่งตัวชุดกัปตันและพนักงานต้อนรับมาถ่ายรูปและพูดคุยกับลูกค้า โดยงานนี้ทีมนักบินและลูกเรือ ลงทุนแต่งตัว-แต่งหน้า-ซักยูนิฟอร์ม และรวมตัวกันทำวงดนตรี เพื่อบริการลูกค้าด้วยตัวเอง ซึ่งผลตอบรับที่ผ่านมาได้ผลตอบรับที่ดีจนทำให้ในช่วงแรกที่เริ่มต้นเปิดจำหน่ายวันพุธ-ศุกร์ ถูกขยายเวลาเป็นวันพุธ-อาทิตย์ และมีเมนูอาหารสับเปลี่ยนหมุนเวียนทุกเดือน รวมทั้งเล็งว่าพัฒนาไอเดียที่คล้ายกันไปสู่สาขาอื่นๆ นอกจากนี้ยังรับฟีดแบ็กจากลูกค้าในเรื่องแพ็กเกจจิ้งมาปรับปรุงนำเอาจานที่ไม่ได้ใช้แล้วมาเสิร์ฟแทนที่กล่องที่ใช้ครั้งเดียวแล้วทิ้ง ซึ่งลูกค้าหลายคนท้วงติงเข้ามาในตอนแรก
“ปาท่องโก๋” การบินไทย ทำยังไงให้ได้แบรนด์
ด้วยแนวคิดที่ประสบความสำเร็จจาก “อร่อยล้นฟ้า ไม่ต้องบินก็ฟินได้” ทางการบินไทยจึงคิดกันต่อว่าจะทำอย่างไรที่ทำให้สำนักงานทำเลเอื่น ทำเงินได้บ้าง ไหนๆ ก็ไม่มีต้นทุน “ค่าที่” อยู่แล้ว
แต่โจทย์ใหญ่ก็คือ ที่สีลมการแข่งขันสูง มีร้านอาหารอร่อยๆ ให้เลือกสรรเพียบ จนปิ๊งไอเดียนำเอา เมนูปาท่องโก๋ เป็นเมนูฮิตที่เสิร์ฟอยู่ในบางเส้นทาง รวมทั้งขายที่สุวรรณภูมิ มาขายให้กับเหล่าหนุ่ม-สาวออฟฟิศย่านสีลม
ซึ่งปาท่องโก๋ก็เหมาะจะเป็นอาหารเช้ารองท้องให้ก่อนเข้าทำงาน จนเป็นที่มาของเมนูและช่วงเวลาการขายที่ตอนนี้ ปังปุริเย่ ต่อคิวยาวววววววเหยียดและหมดเร็วมาก จนเป็นที่บอกต่อ ปาท่องโก๋ 1,200 ตัว และสังขยามันม่วง 350 ถ้วย หมดในเวลาเพียงแค่ 1.5 ชั่วโมง คิวแรกมาต่อตั้งแต่ตีสี่ครึ่ง จนต้องขยายพื้นที่จำหน่ายเพิ่มอีก 4 จุด โดยนำเอาพื้นที่เดิมที่มีอยู่แล้วมาสร้างจุดจำหน่าย ประกอบด้วย 1. ร้านพัฟแอนด์พาย สาขาตลาด อ.ต.ก. 2. ร้านพัฟแอนด์พาย สาขาสำนักงานใหญ่การบินไทย ถนนวิภาวดีรังสิต 3. ร้านพัฟแอนด์พาย สาขาอาคารรักคุณเท่าฟ้า ถนนวิภาวดีรังสิต ใกล้กับเจ้เล้ง 4. อาคารฝ่ายครัวการบิน ดอนเมือง ถนนวิภาวดีรังสิต
โดยงานนี้ต้องดัดแปลงกันเล็กๆ เดิมเสิร์ฟด้วยปาท่องโก๋สังขยาทำธรรมดา ก็เพิ่ม Branding สีม่วงเข้าไป โดยฝั่ง Catering ใช้เวลา 3 วัน นำ “มันม่วง” ทำสังขยา งานนี้จึงมีรายได้เข้ามาและสร้างกิมมิคเล็กๆ ให้แบรนด์ “การบินไทย”
Simulator สานฝันคนอยากติดปีก – อยากเป็นนางฟ้า
บริการอบรมและให้ทดลองใช้เครื่อง Stimulator เป็นอีกบริการที่มีเพิ่มเติมขึ้นมาในเวลานี้ กัปตันจุลจักร จักกะพาก เล่าให้ BrandBuffet ฟังว่า
ปกติเครื่อง Simulator จำลองการบินเป็นอุปกรณ์ที่นักบิน ต้องเข้ามารีเทรนนิ่งเป็นประจำทุกๆ 6 เดือนอยู่แล้ว หรือแม้แต่ตอนนี้ที่ไม่ได้บิน ก็ยังต้องเข้าไปฝึกกันอยู่ และสายการบินไทยก็มีเครื่องนี้ที่นอกเหนือจากจะให้นักบินขององค์กรฝึกแล้ว ก็ยังเปิดให้เช่าให้สายการบินอื่นเข้ามาใช้บริการ เช่นเดียวกันกับที่เครื่องบินบางรุ่นที่การบินไทยไม่มีก็ต้องไปเช่าฝึกจากการสายบินอื่นเช่นกัน
นี่เองจึงเป็นที่มาของบริการที่ “การบินไทย” เปิดให้คนที่อยากมีประสบการณ์เป็นนักบินได้เข้ามาทดลองใช้เครื่องจำลองการบิน
“ในเมื่อนักบินสายการบินอื่นก็มาใช้เครื่องที่เรามีอยู่ไม่ได้ ตอนแรกเราคิดไว้ว่าจะเริ่มต้นที่ผู้เรียนอายุ 12 ปี แต่ก็คิดกันว่าเด็กไปหรือเปล่า เลยขอลองกันที่อายุ 15 ปีขึ้นไปก่อน พอเปิดมาจริงๆ พบว่า คนที่เข้ามาเรียนแต่ละคนมีความรู้เรื่องเครื่องบินดีมาก ให้ความสนใจ ถามข้อมูลเยอะมาก คนสอนก็สนุก ไม่อย่างนั้นเครื่องที่มีอยู่ก็ไม่ได้ทำอะไร ก็นำมาหารายได้ดีกว่า ที่ผ่านมาคนที่มาเล่นเจ้าเครื่องนี้อายุมากที่สุด 70 ยังมีเลย ก็กำลังคิดกันอยู่ว่า ต่อไปจะพัฒนาต่อยอดอะไรได้อีก”
ต่อมาอีกบริการก็คือ โครงการ Be Our Guest Be Our Crew จำลองประสบการณ์การเป็นพนักงานต้อนรับบนเครื่องบิน
เหล่านี้ล้วนแล้วแต่เป็นกิจกรรมที่ “การบินไทย” เข็นออกมาเพื่อหาหารายได้เข้าสู่องค์กร ขนทรัพยากรและความเชี่ยวชาญขององค์กรมาให้เกิดประโยชน์สูงสุด
ยิ่งมีแผนฟื้นฟู ยิ่งมีกำลังใจ
หัวหน้าเพอร์เซอร์ เล่าให้ฟังว่า บรรยากาศของเหล่าลูกเรือดีขึ้น เมื่อแผนฟื้นฟูมีความชัดเจน และเดินหน้าต่อไป ในขณะเดียวกัน DD ก็มี Staff Meeting ทำความเข้าใจกับพนักงานอยู่เรื่อยๆ เพื่ออัพเดทว่าได้ดำเนินการอะไรไปแล้วบ้าง โดยนับตั้งแต่เข้ามารับตำแหน่งมีการพูดคุยไปแล้วถึง 5 ครั้ง
ในส่วนของธุรกิจมีการนำเอาเครื่องบินโดยสารมาดำเนินการบินคาร์โก้ จากขนคน มาขนของ เพื่อหารายได้ อย่างไรก็ตามจำนวนเที่ยวบินก็มีไม่มากนัก รวมทั้งการบินไทยเองก็ทำได้เพียงแค่เอาพื้นที่ใต้ท้องเครื่องมาขนสินค้าเท่านั้น ไม่ถึงขนาดดัดแปลงนำที่นั่งมาขนของ เพราะต้องปฏิบัติตามกฎด้านการบินอย่างเคร่งครัด
ปัจจุบัน “การบินไทย” มีพนักงานอยู่ทั้งสิ้น 21,367 คน ในส่วนของนักบิน มีอยู่ 1,400 คน ส่วนพนักงานต้อนรับ 5,900 คน เมื่อเกิดวิกฤติ ความเสียสละของทุกคนในองค์กร เป็นเรื่องที่จำเป็นอย่างยิ่ง ในช่วงเวลา “วิกฤติ” ขององค์กร ซึ่งชั่วโมงนี้ลดเงินเดือนไปแล้ว แต่เนื่องจากสถานการณ์การบินทั่วโลกที่คงไม่กลับมาสู่ภาวะปกติในระยะเวลาอันใกล้ การแสวงหารายได้เพื่อประคับประคองสถานการณ์แบ่งเบารายจ่ายขององค์กร จึงกลายเป็นความจำเป็นที่พนักงานการบินไทยขอลุยสุดฤทธิ์