อาลีบาบา (Alibaba) ยักษ์ใหญ่อีคอมเมิร์ซจากจีนประกาศขยายคอนเซ็ปต์ “เทศกาลคนโสด” หรือ Single Day เป็น Double Day ด้วยการขยายวันช้อปปิ้งเพิ่มจากที่เคยจัดแค่ 11 พฤศจิกายน วันเดียว กลายเป็นสองช่วง คือ 1 – 3 พฤศจิกายน และ 11 พฤศจิกายน พร้อมรับการเติบโตของลูกค้ากลุ่ม Gen Z ด้วยการใส่บ้าน – รถยนต์ – สตรีทแฟชั่นให้ช้อปได้ผ่านแพลตฟอร์ม
โดยความพิเศษของเทศกาลคนโสดปีนี้ได้รับการเปิดเผยจาก คุณคริส ถัง (Chris Tung) ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการตลาด อาลีบาบา กรุ๊ป ที่บอกว่าเห็นพฤติกรรมของผู้บริโภคเปลี่ยนไปสู่การช้อปปิ้งออนไลน์ในช่วง Pandemic อย่างรวดเร็ว และมองว่า ร้านค้าต่าง ๆ ควรจะจับกระแสการเติบโตนี้ให้ทัน ประกอบกับปีนี้เป็นปีที่อาลีบาบาจัดเทศกาลคนโสดมาเป็นปีที่ 12 แล้ว จึงมองว่า ควรขยายช่วงเวลาของการจัดเทศกาลคนโสด หรือ Single Day ไปสู่ Double Day แทนนั่นเอง
“เทศกาล 11.11 ปีนี้เป็นช่วงเวลาแห่งความท้าทาย แต่โชคดีที่จีนสามารถฟื้นตัวได้เร็ว โดยเราจะมีผู้ซื้อกว่า 800 ล้านคนเข้าร่วมในเทศกาลช้อปปิ้งปีนี้ ซึ่งมองว่า เทศกาล 11.11 จะเป็นตัวผลักดันให้ร้านค้าต่าง ๆ เติบโตด้านยอดขายอีกครั้ง”
โดยสิ่งที่ต่างออกไปในปีนี้คือจะมีแบรนด์ลักชัวรี่อย่าง ปราด้า (Prada) คาเทียร์ (Cartier) มองบลังค์ (Montblanc) เข้าร่วมบนทีมอลล์ โกลบอล (Tmall Global) เป็นครั้งแรก รวมถึงสินค้าของเซเลบริตี้อย่างเทเลอร์ สวิฟท์ ด้วย นอกจากนั้น ทางอาลีบาบายังพบตัวเลขการเติบโตของผู้ใช้งานกลุ่ม Gen Z มากขึ้น จึงมีการเพิ่มสินค้าหมวด “สตรีทแฟชั่น – บ้าน – รถยนต์” ลงมาในแพลตฟอร์มด้วย เนื่องจากเป็นสินค้าที่กลุ่ม Gen Z กำลังมองหานั่นเอง
ไช่เหนียว กำลังหลักกระจายสินค้าทั่วโลก
นอกจากระบบหลังบ้านที่ต้องบริหารจัดการสินค้ากว่าล้านล้านชิ้นที่จะเข้าร่วมในเทศกาลครั้งนี้ อีกหนึ่งแพลตฟอร์มที่เป็นกำลังหลักคือ ไช่เหนียว (Cainiao) ผู้ให้บริการระบบโลจิสติสก์ในเครือ ที่ James Zhao ผู้จัดการทั่วไป Cainiao Global Supply Chain เผยว่า มีการนำเข้าสินค้าจาก 84 ประเทศคิดเป็นกว่า 26,000 แบรนด์เข้ามาแล้วเรียบร้อย นอกจากนั้นไช่เหนียวยังมีคลังสินค้าอีกกว่า 100 แห่งกระจายอยู่ตามเมืองใหญ่ของจีน ซึ่งคาดว่าจะทำให้อาลีบาบาสามารถจัดส่งสินค้าได้ภายในครึ่งวันในเทศกาล 11.11 ปีนี้ด้วย
ผู้บริหารอาลีบาบายังเผยด้วยว่า ไม่เฉพาะนักช้อปในจีนแผ่นดินใหญ่ แต่เทศกาลช้อปปีนี้จะจัดเป็นระดับ Global ซึ่งคาดว่าจะมีนักช้อปจีน (ที่อยู่นอกจีนแผ่นดินใหญ่) และนักช้อปต่างชาติอีกประมาณ 100 ล้านคนเข้าร่วมเทศกาลครั้งนี้ด้วย โดยล่าสุดได้มีการจัดชาร์เตอร์ไฟล์ทกว่า 700 เที่ยวบิน เพื่อนำสินค้าไปกระจายอยู่ตามประเทศต่าง ๆ เหล่านั้นแล้ว และคาดว่าด้วยเทคโนโลยีที่ไช่เหนียวมี จะทำให้อาลีบาบาสามารถเพิ่มความสามารถในการจัดส่งสินค้าได้อีกราว 60% หรือเท่ากับได้รับสินค้าภายใน 3 วัน ในกลุ่มสหภาพยุโรป เช่น ฝรั่งเศส เยอรมนี และสเปน ด้วย
ทั้งนี้ อาลีบาบาคาดว่า เทศกาล 11.11 ปีนี้จะทำให้ตัวเลขพัสดุที่ส่งผ่านช่องทาง Cross-Border เพิ่มขึ้นกว่าช่วงเวลาปกติถึง 20 เท่าตัว
โดยจุดที่น่าจับตาคือการนำเทคโนโลยี Self-Service Parcel Collection Machines เข้ามาใช้งานกว่า 20,000 เครื่องใน 150 เมืองใหญ่ทั่วจีน
ส่วนในด้านการจัดส่ง ไช่เหนียวบอกว่า นอกเหนือจากรถยนต์ รถไฟ และเครื่องบินแล้ว ยังมี “ม้า – อูฐ” ที่จะถูกนำมาใช้งานด้วย สำหรับการจัดส่งในพื้นที่ห่างไกล ที่ถนนเข้าไม่ถึง
สำหรับภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ผู้บริหารลาซาด้า อย่าง Jessica Liu เผยว่า โอกาสที่ลาซาด้าจะเอาชนะตลาดอีคอมเมิร์ซในภูมิภาคมีสูง ส่วนหนึ่งมาจากเครื่องมือและความพร้อมด้าน Digital ที่อาลีบาบาสร้างเอาไว้ นอกจากนั้นยังมองว่าการเน้นความบันเทิง เช่น การใช้เกมต่าง ๆ หรือจัดช่วงเอนเตอร์เทนเมนต์ก็จะช่วยให้ยอดขายในภูมิภาคเติบโตได้ด้วย